“มันสมควรเป็นหุ่นเชิด ไม่เช่นนั้นหากจะมีพลังต่อสู้แปดดาวได้จำเป็นต้องสร้างภูผาวารีสายที่ห้า”
“หากมันสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้จริง ข้าไม่เชื่อว่าตัวตนเช่นนั้นจะตกต่ำถึงขนาดมาเป็นผู้เฝ้าประตู”
“ถ้ามันเป็นหุ่นเชิดพวกเราจะทำอย่างไรดี?”
หุ่นเชิดไม่มีบาดเจ็บปวด มันมีสติปัญญาอยู่น้อยนิดเปรียบได้กับเครื่องจักรสังหารที่ไม่มีวันตาย
พลังป้องกันของอสูรเสือตนนี้นั้นเกินขีดจำกัดของระดับภูผาวารีไปแล้ว กับอสูรที่ไร้เทียมทานเช่นนี้พวกเขาจะเอาชนะได้อย่างไร?
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครู่และกล่าว “มีความเป็นเป็นไปได้สองอย่าง”
“หนึ่งคือการทดสอบมีเวลาจำกัด ตราบใดที่พวกเราต้านอสูรเอาไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งมันจะหยุดโจมตีไปเอง”
“สองคือไม่ต้องจัดการมัน เพียงแค่เอากุญแจมาก็พอ”
ทุกคนพยักหน้า ไม่มีทางที่การทดสอบจะไม่มีหนทางผ่าน ไม่เช่นนั้นการทดสอบก็คงไม่มีความหมาย
“แย่งกุญแจมา!”
พวกเขาตัดสินกันอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เลือกแย่งกุญแจนั้นง่ายมาก ต่อให้เสือมีเวลาจำกัดในการจะหยุดโจมตีจริงๆ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องรอนานเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกแย่งกุญแจที่สมควรเป็นสิ่งทำให้พวกเขาผ่านการทดสอบ
“ข้ากับน้องหลิงฮันจะรับหน้าที่ดึงความสนใจของอสูรเสือให้เอง พวกเจ้ารอคอยจังหวังแย่งกุญแจมา” เส้าซือซือกล่าวพร้อมกับตั้งคันศรและเล็งยิงไปยังดวงตาของอสูรเสือทีละดอกทีละดอก
สมกับที่มาจากขุมอำนาจใหญ่!
หลิงฮันไม่ต้องการใช้ลูกศรที่เขามีอยู่เนื่องจากจำนวนที่เขามีนั้นช่างน้อยเหลือเกิน หากใช้ยิงไปแล้วไม่สามารถเก็บคืนมาได้ก็หมายถึงต้องสูญเสียลูกศรไปเลย
เส้าซือซือยิงลูกศรออกไปไม่หยุดมือ ไม่รู้ว่านางกระหน่ำจริงลูกศรไปมากเท่าใดแล้ว
หลิงฮันถอนหายใจและเข้าปะทะกับอสูรเสือซึ่งๆหน้าเพื่อยื้อเวลาและสร้างโอกาสให้คนอื่น
ตูอันและคนอื่นโมตีปลอกคอเพื่อแย่งกุญแจ หลังจากโจมตีไปหลายครั้งพวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับความทนทานของปลอกคอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าพวกเขาจะทำลายมันไม่ได้
เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นและโจมตีปลอกคอสุดกำลัง
เมื่อจู่โจมหลายร้อยครั้งในที่สุดปลอกคอก็แตกหัก แต่นั่นก็แต่ปลอกคอด้านเดียวเท่านั้นในขณะที่อีกด้านยังติดแน่นกับคอของอสูรเสือ พวกเขาต้องโจมตีให้อีกด้านพังด้วยปลอกคอถึงจะหล่นลงมา
“พวกเจ้าช่วยรีบหน่อยได้รึไม่!” หลิงฮันตะโกน เขารับการโจมตีทั้งหมดจากอสูรเสือตรงหน้า พลังของอสูรตนนี้คือระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดที่มีพลังต่อสู้แปดดาวซึ่งใกล้เคียงกับระดับสุริยันจันทรามาก ต่อให้เป็นกายหยาบที่เทียบเท่าโลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ของเขาก็ต้านได้ไม่นาน
ถ้าไม่ใช่เพราะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ช่วยฟื้นฟูร่างกายของอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่รู้ว่าเขาได้ถูกสังหารไปกี่ครั้งแล้ว
“ใกล้แล้ว!”
เส้าซือซือเปลี่ยนมาช่วยร่วมมือโจมตีปลอกคอ นางยิงคันศรเข้าใส่จุดเดิมอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้าปะทะระดับใกล้กับอสูรเสือ พวกเขาจึงโจมตีด้วยรัศมีดาบ รัศมีกระบี่หรือไม่ก็รัศมีหมัดที่เป็นการโจมตีระยะไกลและไม่รุนแรงมากจึงต้องใช้เวลานานพอสมควรในการทำลายปลอกคอ
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเสียง ‘แคร๊ก’ ก็ดังขึ้น ในที่สุดปลอกคอก็แตกหักและแยกเป็นสองส่วน ครึ่งบนติดอยู่กับคอของอสูรเสือในขณะที่ครึ่งล่างร่วงลงพื้น
ครึ่งล่างคือส่วนที่กุญแจติดอยู่
หลิงฮันรีบขยับตัวลากอสูรเสือให้ออกจากตำแหน่งเดิมเพื่อให้คนอื่นมีโอกาสหยิบกุญแจไปยังประตู
พวกเขาใส่กุญแจเข้าไปในประตู หลังจากบิดกุญแจประตูก็ค่อยๆเปิดออก
“เข้าไป!”
หลิงฮันกล่าวเสียงดังไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ ทุกคนต้องผ่านด่านที่ครบทั้งกลุ่ม หากขาดไปแม้แต่คนเดียวจะถือว่าทดสอบล้มเหลว
ต้าต่านและสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่อ่อนแอที่สุดเป็นสองคนที่เข้าประตูไปก่อน จากนั้นก็ตามด้วยเส้าซือซือและคนอื่นๆ หลิงฮันคือคนที่เหลือคนสุดท้ายที่พุ่งไปยังประตู
“โฮกกกก!” อสูรเสือคำรามและไล่ตามหลิงฮัน
“เร็วเข้า! เร็วเข้า!” ด้านในประตูตูอันและคนอื่นๆส่งเสียงด้วยท่าทีกังวล แม้แต่เซี่ยอู๋เฉียนกับต้าต่านก็เช่นกัน อสูรเสือวิ่งไล่เข้าใกล้มาเรื่อยๆ
‘พรึบ’ อสูรเสือกวาดกรงเล็บใส่หลิงฮัน
หากโดนเข้าหลิงฮันจะต้องถูกแรงกระแทกทำให้ตัวเขากระเด็นเข้าหากระแพงด้านข้างแทนที่จะพุ่งเข้าประตูแน่นอน
“ฮึ่ม!”
หลิงฮันโคจรศรฆ่ามังกรทะลวงดาราสูงสุด แม้จะไม่มีคันศรแต่พลังทำลายก็ยังน่าสะพรึงกลัว ปราณก่อเกิดควบแน่นกลายเป็นลูกศรและพุ่งโจมตีราวกับสายน้ำ
ปัง!
ลูกศรพลังปราณปะทะเข้ากับกรงเล็บของอสูรเสือ เมื่ออยู่ต่อหน้าโลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าต่อให้เป็นศรฆ่ามังกรทะลวงดาราสูงสุดก็ทำลายไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพลังทำลายที่มหาศาลก็ยังทำให้กรงเล็บเอียงไปเล็กน้อย
‘ฟึบ’ กรงเล็บเฉียดผ่านหลิงฮันไปเพียงหนึ่งมิล
ร่างของหลิงฮันพุ่งเข้าประตูราวกับลูกศร
‘ตุบ’ เขาร่วงสู่พื้นและรู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรง พลังของศรฆ่ามังกรทะลวงดาราสูงสุดไม่สามารถควบคุมได้ หากใช้ทักษะนี้มันจะเผาผลาญพลังปราณทั้งหมดในร่างไม่มีเหลือ
โชคดีที่พลังบ่มเพาะของเขาตอนนี้แข็งแกร่งแล้ว ความเร็วในการฟื้นฟูจึงรวดเร็วตาม เพียงแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมงพลังของเขาก็น่าจะฟื้นกลับมา
อสูรเสือหยุดอยู่ตรงที่หน้าประตูโดยไม่ไล่ตามเข้าไปราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้
มันส่งเสียงคำรามพร้อมกับประตูที่ค่อยๆปิดลง
ทั้งสิบคนถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านมาได้
เพียงแต่พวกเขาเพิ่งจะผ่านด่านแรกเท่านั้น… นี่เป็นเพียงการทดสอบแรกจริงๆรึ?
พวกเขาหันหน้ามองรอบอย่างระมัดระวัง
ที่นี่เป็นห้องโถงใหญ่อีกแห่ง ตรงกลางของห้องโถงขนาดใหญ่มีแท่นหินตั้งอยู่ตรงกลาง
“ยินดินด้วยสำหรับการผ่านด่านแรก” มีเสียงดังออกมาจากแท่นหิน
ทุกคนตกตะลึง
“โอ้ ไม่ต้องกังวลไป นี่เป็นเพียงจิตสำนึกที่ผู้อาวุโสผู้นี้ทิ้งเอาไว้ ส่วนที่ว่าผู้อาวุโสผู้นี้เป็นใครน่ะรึ? เหอะๆๆ ข้าไม่บอกพวกเจ้าหรอก!” แท่นหินกล่าวคำพูดไม่กี่คำด้วยคำพูดยั่วยุจนทั้งสิบคนไม่สบอารมณ์
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าแท่นหินจะต้องถูกทิ้งไว้โดยเจ้าของสุสานแห่งนี้แน่นอน นั่นเพราะคำพูดอวดดีฟังดูยกยอตนเองนั้นเหมือนกับแท่นหินที่ด่านสุดท้ายของรูปแบบอาคมรูปปั้นหินไม่มีผิด
“พวกเจ้าต้องการรางวัลงั้นรึ? ไหนลองถามผู้อาวุโสคนนี้ดูสิ!” เสียงดังขึ้นจากแท่นหินอีกครั้ง
ทุกคนหันมองหน้ากัน เจ้าของเสียงเป็นผู้อาวุโสจริงๆรึ ทำไมถึงได้ดูไร้ยางอายเยี่ยงนี้
“มีรางวัลจากการผ่านด่านแรกด้วย?” หลิงฮันถาม “ถ้าหากผ่านด่านแล้วมีรางวัลให้อยู่แล้ว จะให้พวกเราเป็นฝ่ายถามทำไม?”
“เหอะๆๆ ถ้าข้าอยากให้ถามแล้วจะทำไม? แค่เอ่ยถามพวกเจ้าจะตายรึไง?” แท่นหินกล่าวขึ้นเสียง
ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูด ผู้อาวุโสคนนี้ดูไม่สมกับเป็นผู้อาวุโสแม้แต่น้อย
“เอาเถอะ ยังไงกฎก็ต้องเป็นกฎ ผู้อาวุโสจะมอบรางวัลให้พวกเจ้า” น้ำเสียงจากแท่นหินสงบลง