“เรื่องเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้!” เซียนไร้เทียมทานส่ายหัว “พลังต่อสู้สิบดาวคือจุดสูงสุดที่ไม่อาจข้ามผ่านได้แล้ว ถ้าเจ้ามีพลังต่อสู้สิบดาว ต่อให้กินเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเข้าไปก็ไม่มีผล”
“อืม” หลิงฮันพยักหน้า เขาไม่มีความสนใจเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงแม้แต่น้อยเพราะเขามั่นใจว่าตนเองจะสามารถขัดเกลาพลังต่อสู้จนบรรลุจุดสมบูรณ์ของระดับภูผาวารีได้
ข้าสามารถมีพลังต่อสู้สิบดาวได้ด้วยตัวเองทำไมต้องพึ่งพาสิ่งของนอกกายด้วย?
จอมยุทธจะแข็งแกร่งได้อย่างแท้จริงนั้นต้องพึ่งพลังตนเองไม่ได้สิ่งของนอกกาย
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ของรางวัลมีแต่เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงตลอด ช่วยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้รึไม่?”
“รางวัลอย่างอื่น… เจ้าต้องขึ้นไปยังชั้นที่เก้าให้ได้เสียก่อน!” เซียนไร้เทียมทานกล่าว
“ที่นั่นข้าจะได้รางวัลอะไร?” ตาหลิงฮันส่องประกาย
เซียนไร้เทียมทานกล่าว “เจ้าบอกเจ้าไม่ใช่คนโลภ แต่คราวนี้กลับเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว?”
“ข้าจะสงสัยหน่อยไม่ได้รึไง?” หลิงฮันยิ้ม
“เจ้าเชื่อในเรื่องวิญญาณรึไม่?” เซียนไร้เทียมทานกล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
หลิงฮันหัวเราะ “ท่านเป็นผู้อาวุโส ไม่ควรจะพูดล้อเล่นกับรุ่นเยาว์นะ”
เขาสนใจและกล่าว “ชั้นที่สี่คือการทดสอบอะไร?”
“ฮึ่ม จากชั้นที่สี่จนถึงชั้นที่เก้าเป็นการทดสอบแบบเดียวกัน การทดสอบเองก็ง่ายมาก เจ้าจะต้องทดสอบความแข็งแกร่งหรือความถึกของตัวเอง สำหรับรางวัลในชั้นสุดท้ายนั้นต้องผ่านไปให้ถึงที่นั่นเสียก่อนข้าถึงจะบอก เจ้าคิดว่าตนเองจะโชคดีไปถึงชั้นเก้าได้?” เซียนไร้พ่ายกล่าว
“ไม่น่าสนใจเสียเลย” หลิงฮันส่ายหัว เขาหวังว่าจะได้แก้อาคมดาบอีกเพื่อขัดเกลาให้ความเข้าใจในศาสตร์แห่งดาบของเขาเพิ่มสูงขึ้น
“เจ้าผ่านไปถึงชั้นเก้าให้ได้เสียก่อนค่อยมาบ่น” เซียนไร้เทียมทานเค้นเสียง “รีบๆไปได้แล้ว ผู้อาวุโสคนนี้ไม่อยากมองเด็กน้อยน่ารำคาญเช่นเจ้า”
หลิงฮันแสดงท่าทีมั่นใจก่อนจะขึ้นบันไดไปยังชั้นที่สี่
ที่ชั้นนี้เป็นห้องว่างเปล่าที่มีหุ่นรูปปั้นหินสองตัวยืนอยู่ ที่ด้านข้างมีนาฬิกาทรายที่เพิ่งเริ่มนับเวลาตั้งเอาไว้เช่นกัน
บริเวณหน้าอกของรูปปั้นตัวหนึ่งมีคำว่า ‘เจ้าโจมตีข้า’ เขียนเอาไว้ ในขณะที่อีกตัวมีคำว่า ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ เขียนเอาไว้
หลิงฮันเดินเข้าไปยังรูปปัน ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ และปล่อยหมัดใส่ ‘ตูม’ รูปปั้นหินถูกหมัดกระแทกทันที ในขณะที่เขาคิดจะปล่อยหมัดต่อไปเขาก็เห็นรูปปั้นหินปรากฏคำว่า ‘ผ่าน’
แค่รูปปั้นตัวเดียว?
หลิงฮันประหลาดใจ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะลอง ‘เจ้าโจมตีข้า’ จึงเดินออกจากชั้นที่สี่
“ผ่านด่านเร็วเพียงนี้?” เสียงของเซียนไร้เทียมทานค่อนข้างไม่พอใจ “เอานี่ รับรางวัลแล้วรีบไสหัวไป!”
เหอๆ ข้าจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
หลิงฮันไม่หยุดและมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นห้าทันที
รูปปั้นหิน ‘เจ้าโจมตีข้า’ กับ ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ ยังคงอยู่เหมือนเดิม
หลิงฮันไม่อยากถูกทุบตี แน่นอนว่าเขาต้องเลือก ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’
เขาปล่อยหมัดออกไปใส่รูปปั้นหิน แม้จะปรากฏคำว่าผ่านแต่เขากลับพบว่ารูปปั้นหินนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิม
ยิ่งขึ้นหอคอยชั้นสูงขึ้นรูปปั้นหินก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย ถึงแม้เขาจะยังไม่เคยลองรูปปั้นหิน ‘เจ้าโจมตีข้า’ แต่เขาก็มั่นใจว่าพลังโจมตีของมันต้องทรงพลังขึ้นเช่นกัน
หรือการทดสอบที่ผ่านมาจะเป็นการเลือกผู้สืบทอด?
หลิงฮันไม่รังเกียจที่จะรับสืบทอดสมบัติจากตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งซึ่งเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปรมาจารย์สามวิถีและจอมยุทธคนอื่นๆที่มาที่นี่ต้องอยากได้มรดกสืบทอดจนบ้าคลั่งแน่ เพียงแต่ว่าเซียนไร้เทียมทานไม่ชอบขี้หน้าเขาไม่ใช่รึไง?
ช่างมันเถอะ จะได้มรดกสืบทอดรึไม่ก็ไปให้ถึงชั้นบนสุดก่อน
เมื่อรับรางวัลเสร็จหลิงฮันก็ขึ้นไปยังชั้นที่หก
ตูม!
เขาโจมตีใส่รูปปั้น ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ แต่รูปปั้นหินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
หลิงฮันตกตะลึงมาก ด้วยพลังของเขาในตอนนี้สมควรจะมีพลังต่อสู้เกือบๆหกดาว ถ้าหากรูปปั้นหินมีระดับพลังเดียวกับคนที่โจมตีก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จอมยุทธระดับภูผาวารีจะผ่านรูปปั้นหินชั้นนี้ได้
พลังต่อสู้หกดาวผ่านชั้นนี้ไม่ได้?
หลิงฮันใช้งานอักขระศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิวและปล่อยหมัดเพลิงเข้าใส่รูปปั้น ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ แม้เปลวเพลิงจะทำการเผาไม้รูปปั้นหินแต่นั่นไม่นับเป็นพลังโจมตีโดยตรงจากหมัด
เมื่อเขาคิดจะใช้เม็ดยาภูผาวารีลายม่วงก็พบว่าอุปกรณ์มิติถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้ เพื่อที่ไม่ให้เซียนไร้เทียมทานพบว่าเขามีหอคอยทมิฬเขาจึงเก็บเม็ดยาภูผาวารีลายม่วงเอาไว้ในแหวนมิติแทน
ดูเหมือนว่าการทดสอบจะต้องพึ่งพลังของตนเองเท่านั้น
หลิงฮันใช้ทักษะบัญญัติดาบไวออกไป แต่ต่อให้เป็นทักษะบัญญัติดาบไวก็ไม่สามารถทำให้พลังต่อสู้ของเขาเกินหกดาว
ยังไม่ผ่าน
หลิงฮันถอยหลังออกมาหลายก้าวและยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไป ‘พรึบ’ เขาใช้แขนตนเองแทนคันศรและใช้ปราณก่อเกิดควบแน่นเป็นลูกศร แต่การโจมตีก็ไร้ผล รูปปั้นหินยังคงยืนแน่นิ่ง
ครั้งนี้เขาตกตะลึกมากขึ้นเล็กน้อย
ขนาดพลังต่อสู้หกดาวผสานกับทักษะลับยังไม่สามารถผ่านการทดสอบได้!
เวลาของนาฬิกาทรายผ่านไปสามส่วนแล้ว
ถ้าหากเวลาของนาฬิกาทรายหมดนั่นหมายถึงเขาทดสอบล้มเหลว เขาไม่เห็นใครที่ชั้นหี้ ซึ่งหมายถึงหากเขาล้มเหลวก็จะถูกส่งกลับไปชั้นหนึ่ง
“เช่นนั้นก็ใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มพิกัด!”
ทักษะนี้นั้นไม่เพียงจะดูดพลังปราณในร่างของเขาจนแห้งเหือด แต่ลูกศรที่พุ่งออกไปนั้นจะรวดเร็ว และมีพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวมาก
ถ้าการโจมตีนี้ยังไม่ได้ผล หลิงฮันก็คงต้องยอมถูกทุบตี
หลิงฮันสูดหายใจและเริ่มควบแน่นลูกศร
‘พรึบ’ ลูกศรปราณก่อเกิดถูกยิงออกไปราวกับคลื่นวารี
‘ตูม’ รูปปั้นหินถูกยิงทันที
ผ่าน!
หลิงฮันเผยรอยยิ้มก่อนที่จะนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ผ่านไปสักพักเมื่อเขาฟื้นฟูพลังกายได้เล็กน้อยเขาก็ยืนขึ้นและเดินออกจากชั้นนี้
“เจ้าหนู เจ้าทำให้ผู้อาวุโสประหลาดใจไม่น้อย ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพลังต่อสู้ที่น้อยกว่าหกดาวของเจ้าจะผ่านหอคอยชั้นที่หกได้” เซียนไร้เทียมทานกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“ก็ธรรมดา” หลิงฮันตอบอย่างเจียมตัวแต่ใบหน้าเขากลับปกปิดความภูมิใจไม่มิด
“ฮ่าๆ หลังจากนี้ผู้อาวุโสผู้นี้จะจับตาดูเจ้าเอาไว้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะผ่านหอคอยชั้นที่เจ็ดได้”