ที่ชั้นเก้าเป็นการทดสอบสุดท้ายและมีรูปปั้นสองตัวตั้งอยู่
รูปปั้นทั้งสองยังคงเป็น ‘เจ้าโจมตีข้า’ กับ ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’
แน่นอนว่าจักรพรรดดินีแห่งดาราเลือก ‘เจ้าโจมตีข้า’ ส่วนหลิงฮันนั้นต้องยอมจำใจเลือก ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ ซึ่งเขารู้สึกหดหู่มาก แต่ใครใช้ให้เขายังสร้างภูผาวารีสายที่ห้าไม่ได้และขัดเกลาพลังต่อสู้ไม่ถึงขีดจำกัดสูงสุดล่ะ?
แต่ว่าการที่พลังต่อสู้ของจักรพรรดินีแห่งดาราสามารถผ่านชั้นที่แปดมาได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรยย์มาก
หลิงฮันจ้องไปยังอีกฝ่ายเพื่อการต้องยืนยันพลังของจักรพรรดินีแห่งดารา
‘พรึบ’ ดวงดาวสี่ดวงปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนางพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาล
“โอ้ ทั้งระดับสุริยันจันทราและระดับภูผาวารีของเจ้าล้วนแต่ถูกขัดเกลาจนถึงจุดสุดยอด ถึงแม้เจ้าจะยังสร้างดวงดาวดวงที่เก้าไม่สำเร็จ แต่ก็สมควรมีพลังต่อสู้เก้าดาว!” เสียงของเซียนไร้พ่ายดังขึ้นโดยที่ปกปิดความรู้สึกตื่นเต้นไม่มิด
หลิงฮันตกตะลึง ที่แท้จักรพรรดินีก็มีพรสวรรค์ที่น่ากลัวถึงเพียงนี้?
อัจฉริยะห้าดาวกล่าวว่ามีเพียงแค่ในตำนาน แต่พลังของจักรพรรดินีกลับแข็งแกร่งถึงเก้าดาว
ถ้าหากนางสร้างดวงดาวอีกดวงขึ้นมาได้ พลังบ่มเพาะระดับดาราของนางจะถูกขัดเกลาจนสมบูรณ์
“แต่ก็แปลก ผู้อาวุโสคนนี้รู้สึกว่าเจ้าควรจะมีภูผาวารีห้าสาย สุริยันจันทราห้าดวง แต่พลังของเจ้ากลับไม่แข็งแกร่งตามที่ข้าคิด!” เสียงของเซียนไร้เทียมทานดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสสร้างหอคอยแห่งนี้ขึ้นเพื่อทดสอบพลัง ตราบที่มีพลังต่อสู้ถึงแปดดาวก็จะผ่านการทดสอบได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เจ้าที่มีพลังต่อสู้เก้าดาวกลับต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในการผ่านชั้นแปด น่าแปลกจริงๆ”
เซียนไร้เทียมทานสงสัย แม้แต่ตัวตนระดับสูงเช่นเขายังมึนงงเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินีแห่งดาราต้องมีความลับอะไรสักอย่างซ่อนไว้แน่นอน
จักรพรรดินีแห่งดารานั้นเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุมอำนาจใหญ่ของดาวเหอหนิง แต่ตัวของจักรพรรดินีนั้นราวกับว่านางโผล่ขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ต้นกำเนิดที่มาของนางแม้แต่คนเดียว
เบื้องหลังการเติบโตที่รวดเร็วของนางต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่แน่แท้
จักรพรรดินีแห่งดาราไม่กล่าวตอบ ต่อให้อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เฒ่าเช่นเซียนไร้เทียมทาน ท่าทีของนางก็ยังคงไม่แยแส นางโคจรพลังแห่งดารามาที่ฝ่ามือ อักขระศักดิ์มากมายถูกปลดปล่อยออกมา ลองนับแล้วอักขระมีมากมายราวๆสี่พันกว่าๆ
อักขระศักดิ์สิทธิ์สี่พันกว่าเรียกได้ว่าทรงพลังมาก แต่ขีดจำกัดของอักขระของระดับดารานั้นมีขีดจำกัดอยู่ที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าอักขระ
เซียนไร้เทียมทานไม่เข้าใจ หรือที่จริงจักรพรรดินีแห่งดาราจะมีพลังไม่ถึงเก้าดาว? แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นแรกเริ่ม แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมองพลาด
ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีจะลงมือเต็มพลัง พลังปราณของนางปั่นป่วน เสื้อคลุมด้านหลังพลิ้วไหว ผมยาวสีดำสยายออก ดูแล้วช่างงดงามและองอาจ
เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงนางคนเดียวที่ความองอาจและความงดงามผสานกันอย่างลงตัว
ในแววตาของจักรพรรดินีสะท้อนถึงภาพแห่งการทำลายล้าง แต่ด้วยปราณที่ปกคลุมใบหน้านางเอาไว้หลิงฮันถึงมองไม่เห็น แต่ในด้านของเซียนไร้เทียมทานนั้น เขาเหลือบมองไปที่นางและกล่าว “อืมม ความรูสึกที่สัมผัสผู้อาวุโสรู้สึกคุ้นๆ แต่ก็เจ้าไม่ได้ว่าเคยพบเจอที่ไหน”
หลิงฮันประหลาดใจ ปรมาจารย์เช่นเซียนไร้เทียมทานที่มีจิตวิญญาณแข็งแกร่งไม่มีทางมีความจำที่แย่แน่นอน การที่เขาจำอะไรสักอย่างไม่ได้นั้น ความทรงจำทีว่าต้องผ่านมานานขนาดไหนกัน?
ตูม!
จักรพรรดินีแห่งดาราลงมือ ฝ่ามือที่เรียบเนียนดั่งหยกถูกผลักออกไป พลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวของฝ่ามือราวทำจะทำให้โลกล่มสลาย ขนาดอยู่ในมิติของหอคอย บริเวณด้านบนของชั้นมิติยังปรากฏรูร้าวสีดำ ฝ่ามือของนางราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
แข็งแกร่ง นี่น่ะรึพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าแปดดาว?
“ปัง” รูปปั้นหินล้มลงแต่ไม่ลอยกระเด็น
“ฮ่าๆๆ เป็นการโจมตีที่ไม่เลว!” เซียนไร้เทียมทานเอ่ยชมก่อนจะมองไปที่หลิงฮัน “เจ้าหนู ถึงตาเจ้าแล้ว”
หลิงฮันหดหู่ อีกฝ่ายเป็นคนทุบตี ส่วนเขาเป็นฝ่ายถูกทุบตี ความรู้สึกของสองทางเลือกนี้แตกต่างกันมาก
เขาถอนหายใจและเดินไปยัง ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’
รูปปั้นหินเคลื่อนไหวปล่อยหมัดเข้าใส่หลิงฮันทันที
คราวนี้รูปปั้นมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งกว่าชั้นก่อน หลิงฮันทำได้เพียงป้องกันใบหน้าอันหล่อเหลาของตนเองจากการกรพหน่ำทุบตีของรูปปั้นหิน
เขาทั้งรู้สึกอายและโกรธ ชั้นนี้ไม่เหมือนชั้นแปดแปดเพราะครั้งนี้มีจักรพรรดินีแห่งดาราอยู่ด้านข้างด้วย
เพียงแต่ว่าจักรพรรดินีแห่งดาราไม่ได้แสดงท่าทีดูถูกแต่อย่างใด
ต้องยอมโดนถูกกระหน่ำทุบตีเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำได้รึไงกัน?
ถึงอย่างนั้น… ความรู้สึกต้องการสังหารของนางก็ไม่ได้ลดลง
ผ่านสักพักนาฬิกาทรายก็หมดเวลา รูปปั้นหิน ‘ให้ข้าโจมตีเจ้า’ หยุดเคลื่อนไหวกลับไปเป็นรูปปั้นธรรมดาดังเดิม
“รีบๆมอบรางวัลได้แล้ว!” จักรพรรดินีแห่งดาราเร่งรีบ นางไม่ได้โลภในสมบัติแต่นางต้องการออกจากที่นี่เพื่อสังหารหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม “ไม่ต้องรีบก็ได้ ทำไมพวกเราไม่มาดื่มชากันก่อนล่ะ?”
“ฮ่าๆๆๆ!” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ “วิเศษมาก คนหนึ่งมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง อีกคนมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยม ช่างเหมาะจะเป็นคู่รักในอุดมคติจริงๆ”
“คู่รักในอุดมคติ?” หลิงฮันพึมพำก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน อย่าพูดอะไรดีชวนให้เข้าใจผิดได้รึเปล่า”
“ฮ่าๆๆ!” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ
“หืม หมายความว่ายังไง?” หลิงฮันถาม
เซียนไร้เทียมทานหัวเราะต่ออีกสักครู่ก่อนจะกล่าว “จากนี้จะเป็นรางวัลที่ผู้อาวุโสมอบให้พวกเจ้า”
เขาหยุดกล่าวกลางคันเพื่อรอให้หลิงฮันหรือไม่ก็จักรพรรดินีแห่งดาราเอ่ยถามถึงรางวัล แต่เขาก็ต้องสลดเพราะไม่มีใครเลยที่สนใจเขา
ฮึ่ม!
เซียนไร้เทียมทานไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังกล่าว “ผู้อาวุโสต้องการรับลูกของพวกเจ้าเป็นศิษย์ และฝึกฝนให้เด็กคนนั้นกลายเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดใต้สวรรค์และปฐพี!”
พรวด!
หลิงฮันสำลักทันที… นี่เจ้าบ้ารึเปล่า
เซียนเทียมทานกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมื่อการโจมตีที่ทรงพลังกับพลังป้องกันยอดเยี่ยมมารวมกัน ลูกที่เกิดมาจะได้รับสืบทอดจุดเด่นทั้งสองซึ่งเหมาะจะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนนี้ที่สุด”
“เห้อ อย่าพูดเองเออเองได้รึเปล่า เรื่องเช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” หลิงฮันส่ายหัว
จิตสังหารทะลักออกมาจากร่างจักรพรรดินีแห่งดารา ต้องการให้นางกับหลิงฮันมีบุตรด้วยกันงั้นรึ? ช่างแส่หาความตาย!
“ฮ่าๆๆ ถ้าข้าต้องการให้พวกทำลูก พวกเจ้าก็ต้องทำ!” เซียนไร้เทียมทานหัวเราะ “ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดชั่วชีวิต มีเพียงแค่ทำลูกให้ผู้อาวุโสผู้นี้เท่านั้นพวกเจ้าถึงจะออกจากที่นี่ได้!”