“เจ้ากล้าดีอย่างไร!!” กังสื่อหยุนคำรามด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นเพียงผู้ติดตามชั้นต่ำ แต่กล้าขโมยเตาหลอมธิดาของข้า? นี่เจ้ากำลังดูหมิ่นนิกายสวรรค์เยือกแข็ง?”
กังสื่อหยุนไม่ได้กล่าวผิดแต่อย่างใด ฝ่ายหนึ่งเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ติดตาม ต่อให้เขาจะติดตามศิษย์เมล็ดพันธุ์ก็ตามแต่หลิงฮันก็ไม่ถูกนับว่าเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง
แต่ทั้งๆที่พลังบ่มเพาะเท่ากันและนางเป็นถึงศิษย์เมล็ดพันธุ์กลับไม่สามารถโค่นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธุ์อีกคนได้ นางจะยังมีหน้าไปขอความช่วยเหลือจากนิกายงั้นรึ?
หลิงฮันยิ้มอย่างเยือกเย็นและกล่าว “ข้าชนะ ข้าจึงนำบางอย่างมาเป็นสินสงคราม ถ้าเจ้าต้องการมันคืนก็ไม่มีปัญหา โค่นข้าให้ได้!”
คำพูดนี้มักจะออกมาจากปากของศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่ตอนนี้คนกล่าวเป็นเพียงผู้ติดตามเท่านั้น ฟังๆดูแล้วช่างเป็นท่าทีที่อวดดีเหลือเกิน
หูเฟยหยินพยักหน้า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว! สิ่งนั้นเป็นสินสงครามของหลิง… ของฮันหลิง!” นางเติมน้ำมันเข้ากองไฟ
ไม่ใช่แค่กังสื่อหยุน แต่ศิษย์เมล็ดพันธุ์คนอื่นก็ไม่พอใจเหมือนกัน พวกเขารู้สึกราวกับศักดิ์ศรีของตัวเองถูกเหยียบย่ำ พวกเขาส่งสายห้าเกรี้ยวกราดไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะ “พวกเจ้าจะร่วมหัวกันรุมข้า? ฮ่าๆ เข้ามาเลย ข้ารับคำท้าทุกอย่างอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าจะท้าสู้ตัวต่อตัวหรือจะบุกมาทั้งหมดก็ตามสบาย! เพียงแต่ว่าหากพวกเจ้าแพ้พวกเจ้าจะต้องสยบต่อข้า!”
เหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์เกรี้ยวกราดยิ่งขึ้นไปอีก
ที่พวกเขาสามารถกลายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์นั้นหมายความว่าพวกเขาไร้เทียมทานในหมู่จอมยุทธระดับเดียวกัน เพียงแต่ว่าพวกเขากลับต้องมาถูกคนที่เป็นเพียงผู้ติดตามดูถูกเช่นนี้ จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร?
ศิษย์เมล็ดพันธุ์เหล่านี้มีนิสัยหยิ่งยโสและโอ้อวดมาก่อนที่พวกเขาจะเข้าร่วมกับนิกายสวรรค์เยือกเย็นเสียอีก!
เพียงแต่ว่าต่อให้จะเกรี้ยวกราดขนาดไหนก็ไม่มีศิษย์เมล็ดพันธุ์คนใดเลยที่ก้าวออกมาท้าประลองหลิงฮัน
นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กังสื่อหยุนคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกเขาแต่นางก็ยังพ่ายแพ้ ต่อให้นางนำเตาหลอมธิดาออกมาใช้แล้วก็ตาม… หากพวกเขาท้าประลองผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันไม่ใช่รึไง? บางทีคงมีเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเพียงหยิบมือจริงๆ กลุ่มคนหยิบมือที่ว่าคือเหล่าศิษย์ที่ถูกขนานนามว่าราชันซึ่งสามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าขึ้นมาได้!
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับชายร่างผอมที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน กลิ่นอายของเขาลึกลับมาก แค่สัมผัสนิดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปถึงจิตวิญญาณ
เขาเป็นตัวตนระดับสูง!
เหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์รีบผสานมือคารวะทักทาย “คารวะผู้อาวุโสไห่หยุน!”
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพ
นั่นเป็นพราะผู้อาวุโสไห่หยุนคือจอมยุทธระดับดารา!
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่เก้าในสิบส่วนจะสามารถบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ แต่มีเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่จะสามารถกลายเป็นจอมยุทธณะดับดารา
ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธระดับดาราจะไม่ให้พวกเขาระงับความหยิ่งผยองเอาไว้ได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสไห่หยุนสะบัดมือและเบนสายตาไปยังหลิงฮัน ยิ่งเขามองหลิงฮันเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้น โชคดีที่สีหน้าของเขาถูกปิดบังเอาไว้ด้วยออร่าบางอย่าง ไม่เช่นนั้นคนอื่นๆจะต้องตะลึงแน่ว่าอะไรทำให้จอมยุทธระดับดาราตกตะลึงได้
“หนุ่มน้อย เจ้าสนใจเข้าร่วมนิกายของเรารึไม่?” ผู้อาวุโสไห่หยุนยิ้มและกล่าว “ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะมีสถานะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์!”
ทุกคนชะงักในคำพูดของเขาแต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่าสมเหตุสมผลแล้ว
หลิงฮันสามารถโค่นกังสื่อหยุนที่เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ได้ด้วยระดับพลังที่เท่ากัน แต่นี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของหลิงฮันแล้ว ถ้าอัจฉริยะเช่นเขาไม่สามารถเข้าร่วมนิกายและกลายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ได้ก็แปลกแล้ว
เพียงแต่ว่านิกายสวรรค์เยือกแข็งก็มีกฎของมันเอง นิกายจะไม่รับศิษย์นอกระยะเวลาที่กำหนดทุกๆร้อยปี นี่เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติตามกันมานานแล้ว ถึงอย่างนั้นการที่ผู้อาวุโสไห่หยุนจะทำลายกฎเพื่อหลิงฮันทั้งๆที่พวกเขาเพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าต้องการเข้าร่วมนิกายสวรรค์เยือกแข็ง”
นี่เป็นสิ่งที้เขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้อาวุโสไห่หยุนหัวเราะอย่างพึงพอใจ เขาพยักหน้าและกล่าว “พวกเจ้าที่เหลือเลือกผู้ติดตามกันต่อไป ส่วนฮันหลิงหลังจากนี้มาหาข้าด้วย ข้ามีบางอย่างจะคุยกับเจ้า”
“ขอรับ” หลิงฮันกล่าวและพยักหน้าอย่างสุภาพ นี่คือสิ่งที่ทำเพื่อแสดงแสดงความเคารพต่อตัวตนระดับดารา
ร่างของกังสื่อหยุนสั่นสะท้านด้วยความโกรธ ทีนี้นางจะทำอะไรได้อีก?
หลิงฮันกลายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์แล้ว นางไม่สามารถยืมอำนาจของนิกายมาใช้กับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป
ไม่มีทาง!
นางจะต้องชำละล้างความอัปยศครั้งนี้ทิ้งไปให้ได้ ถ้านางไม่แข็งแกร่งพอนางก็ต้องยืมมือคนอื่น
หลิงฮันกวาดสายตาไปรอบๆและเดินไปหาหญิงสาวคู่หนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาช่วยเขาเมื่อก่อนหน้านี้
สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ฝูงชนเปิดทางให้เขาเดินผ่าน สายตาทุกคู่มองเขาด้วยความกระหายและร้อนแรง พวกเขาหวังให้หลิงฮันเลือกพวกเขาเป็นผู้ติดตาม
สตรีงดงามหลายคนสงสายตาให้เขาด้วยความยั่วยวน
น่าเสียดายที่หลิงฮันไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปยังคู่หญิงสาว ในขณะเดียวกันราชินีที่เก้าก็ตามเขามาด้วย นางอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกเบื่อมากๆ เมื่อได้พบกับสหายเก่าแล้วเป็นธรรมดาที่นางมีเรื่องมากมายอยากจะพูดคุย
หลิงฮันยิ้มและถาม “พี่ชายตรงนั้นน่ะ เจ้าสนใจมาเป็นผู้ติดตามของข้ารึไม่? ส่วนศิษย์น้องของเจ้าก็สามารถเป็นผู้ติดตามของนางได้” เขาชี้นิ้วไปยังหูเฟยหยิน
หูเฟยหยินพยักหน้าให้กับหญิงสาวชุดฟ้า นางไม่มีความคิดจะรับผู้ติดตาม แต่ในเมื่อหลิงฮันเป็นคนเสนอนางก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ศิษย์พี่ศิษย์น้องยินดีอย่างมากกับคำเชิญของหลิงฮัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกกังวลและหวาดกลัวเล็กน้อย
“ข้าชื่นชอบความปรารถนาดีของพวกเจ้าที่ออกตัวช่วยเหลือข้า สิ่งที่พวกเจ้าทำข้ารู้สึกชื่นชมมาก” หลิงฮันกล่าว
ทั้งสองคนหันหน้ามองกันและพยักหน้า
“ข้ามีนามว่าฟานรู่” ศิษย์คนพี่กล่าว “ศิษย์น้องของข้ามีนามว่าเฉินเซี่ยว ขอขอบคุณพวกท่านมากที่รับพวกเราเป็นผู้ติดตาม นายน้อยฮันกับ…” เขามองไปยังหูเฟยหยินซึ่งยังไม่รู้จักชื่อแซ่
“นางชื่อหูเฟยหยิน” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินเซี่ยวย่อตัวทันที “คารวะนายหญิง!”
หูเฟยหยินรีบพยุงนางขึ้นมาและกล่าว “เรียกข้าว่าเฟยเฟยก็ได้ ข้าไม่ชอบให้คนอื่นเรียกข้าว่านายหญิง”
เฉนเซี่ยวพยักหน้าเข้าใจ นางมีความประทับใจที่ดีต่อหูเฟยหยินอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ งั้นก็เข้านิกายกันเถอะ” หลิงฮันยิ้ม เขาคิดถึงสุ่ยเยี่ยนยวี่มากแล้วก็ต้องการรวมตัวกันกับพี่ชายทั้งสามด้วย
เขาเดินเคียงข้างหูเฟยหยินในขณะที่ฟานรู่และเฉินเซี่ยวเดินตามหลังมาโดยเว้นระยะห่างสองสามก้าว
ศิษย์เมล็ดพันธุ์คนอื่นทำการเลือกผู้ติดตาม บรรยากาศกลายเป็นเอะอะวุ่นวายขึ้นมาทันทีทันใด
หลิงฮันให้ฟานรู่และเฉินเซี่ยวตามหูเฟยหยินไปก่อน ส่วนเขามุ่งหน้าไปหาผู้อาวุโสไห่หยุน
เขาตามผู้อาวุโสไห่หยุนไปยังที่พักบนภูเขาลูกหลักที่สูงที่สุด บนปลายเขานั้นโอบล้อมไปด้วยก้อนเมฆทำให้ดูราวกับเป็นสวรรค์
“นี่ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเจ้า เจ้ากำลังถูกตามล่าหลังจากไปล่วงเกินผู้คนมากมายสินะ?” ผู้อาวุโสไห่หยุนถามตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม