หลิงฮันไม่รู้สึกแปลกใจ เขารู้อยู่แล้วด้วยสายตาของจอมยุทธระดับดารา มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหลอกอีกฝ่ายได้สำเร็จ
เขาพยักหน้าและพูดว่า “รุ่นเยาว์มีนามว่าหลิงฮัน ข้าถูกคนโจมตีระหว่างที่เดินทางมานิกายสวรรค์เยือกแข็ง ดังนั้นที่ข้าแปรงโฉมก็เพื่อไม่ให้ลากปัญหาเข้าตัว ซึ่งข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกท่านเลย”
ผู้อาวุโสไห่หยุนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ถ้าหลิงฮันพยายามพูดแถไม่บอกความจริง เขาคงไม่ชอบ แต่หลิงฮันพูดอธิบายอย่างไม่ลังเล ซึ่งทำให้เขาประทับใจหลิงฮันอยู่เล็กน้อย
จากนั้นเขาก็ถามหลิงฮันว่า “ใครเป็นศัตรูของเจ้า ซึ่งข้าสามารถช่วยเจ้าได้และเจ้าก็จะไม่ตกเป็นเป้าหมายอีกต่อไป”
เขาพูดด้วยความมั่นใจ
ภายใต้ดวงอาทิตย์ยังมีอะไรที่แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับดาราอีกงั้นหรือ?
อย่างน้อยก็ไม่มีในจักรวาลนี้!
หลิงฮันพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อยว่า “รุ่นเยาว์มีศัตรูหลายคน”
“พูดมาไม่ต้องเกรงใจ” ผู้อาวุโสไห่หยุนโบกมือ
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ศัตรูของข้าคือบุตรชายของแม่ทัพซาและแม่ทัพจ้าวแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ และจักรพรรดิแห่งราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์กับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม นอกจากนั้นยังมีสมาคมราตรีนิรันดร์ที่คอยพยายามลอบสังหารข้าอยู่หลายครั้ง”
อึก!
ผู้อาวุโสไห่หยุนแทบกระอักโลหิต
ในความคิดเห็นของเขาศัตรูของหลิงฮันน่าจะไม่เกินระดับสุริยันจันทรา
ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะเขาเป็นจอมยุทธระดับดาราที่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา นี่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
แต่ทว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้กลับมีศัตรูที่เป็นแม่ทัพซา แม่ทัพจ้าว จักรพรรดิแห่งราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม พวกเขาทุกคนคือจอมยุทธระดับดารา!
เจ้าเด็กนี่ไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้กันแน่!
เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับดาราขั้นต้น ความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับแม่ทัพซาและแม่ทัพจ้าว แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อกรด้วยได้เลย!
“เจ้า-” ผู้อาวุโสไห่หยุนมองหลิงฮันด้วยความลังเล ถึงแม้จะเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ แต่ก็ได้นำปัญหาที่ใหญ่มากมาให้กับเขา
แต่เมื่อเขาคิดไปคิดมา เขาก็ส่งเสียงหัวเราะ
ทั้งที่เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีแต่กลับมีปัญหากับจอมยุทธระดับดาราและยังมีชีวิตรอด นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหลิงฮัน ภายใต้ดวงอาทิตย์จะมีซักกี่คนที่สามารถทำได้?
หากเจ้าเด็กนี่ไม่ตาย อนาคตของเขาจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน!
“เจ้าสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้แล้วหรือยัง?” ผู้อาวุโสไห่หยุนถาม
“ขอรับ!” หลิงฮันตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“ไม่เลว ในปัจจุบันมีแค่เจ็ดคนเท่านั้นที่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้” ผู้อาวุโสไห่หยุนพยักหน้าและจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่นุ่มนวล ใครจะไม่ชอบอัจฉริยะแบบเขากัน?
หลิงฮันแปลกใจเล็กน้อย คนรุ่นเดียวกับเขามีคนที่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้มากถึงเจ็ดคน?
นี่เป็นเพียงแค่จักรวาลเล็กๆ และมีจักรวาลนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นระดับบ่มเพาะพลังของจอมยุทธที่นี่ไม่ได้สูงมากนัก มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
ถ้าไปอยู่ในจักรวาลที่ระดับบ่มเพาะพลังของจอมยุทธสูงขึ้นไปอีกจะมีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่เป็นแค่รุ่นเยาว์หรือไม่?
แน่นอนว่าต้องมี
หลิงฮันพยักหน้า แต่วิถีวรยุทธเป็นเหมือนเรือที่แล่นทวนน้ำ ซึ่งยากมากที่จะทะลวงในระดับที่สูงขึ้น แต่ยิ่งมีระดับบ่มเพาะพลังที่สูงมากเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
“เจ้าไปได้แล้วและระมัดระวังตัวให้มาก แล้วเจ้าควรอยู่แต่ในนิกาย” ผู้อาวุโสไห่หยุนกล่าว
หลังจากที่รู้ว่าศัตรูของหลิงฮันเป็นใคร เขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมากนัก แม้แต่เขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะต่อกรกับคนเหล่านั้นได้ทั้งหมด
หลิงฮันโค้งคำนับอีกครั้งและหันหลังจากไป
ที่พักของหลิงฮันอยู่ที่ยอดเขาหิมะขาว ตอนนี้สถานที่พักของเขาได้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว มันเป็นพระราชวังขนาดเล็กเพียงพอที่จะอาศัยร้อยคน แต่ตอนนี้มีแค่หลิงฮันและฟานรู่เท่านั้นที่อาศัยอยู่
“ใช่แล้ว ยอดเขาหิมะขาวมีพลังปราณที่อุดมสมบูรณ์มาก และพระราชวังแห่งนี้ยังตั้งอยู่ที่นี่ด้วยช่างเหมาะสมที่จะฝึกฝนยิ่งนัก” หลิงฮันพยักหน้าและให้ฟานรู่เลือกห้องพัก ส่วนหลิงฮันนั้นแน่นอนว่าจะนอนในห้องนอนที่ใหญ่ที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงสภาพแวดล้อมบ่มเพาะพลัง มันจะเทียบกับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังในหอคอยทมิฬได้อย่างไร? ซึ่งมีต้นสังสารวัฎอยู่!
หลิงฮันฝึกฝนอย่างหนักในหอคอยทมิฬ
ในตอนแรกหลิงฮันพึงพอใจกับความสำเร็จของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ยินคำผู้อาวุโสไห่หยุนว่ามีคนที่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้อีกหกคนอยู่ในนิกาย จึงทำให้หลิงฮันฝึกฝนอย่างหนักและบ้าคลั่ง
– ในระดับภูผาวารี เขาไม่ได้เป็นตัวตนที่ไร้พ่ายอีกต่อไป!
ถ้าเขาทำตัวผ่อนคลาย อาจถูกคนอื่นตามทันหรือช่องว่างระหว่างเขากับคนอื่นๆจะกว้างขึ้นเรื่อย
เขานำผลึกวิญญาณจำนวนมากออกมาวางอยู่รอบตัว ทันใดนั้นพลังปราณมหาศาลก็แผ่ออกมาเหมือนกับหมอกหนาทึบที่ล้อมรอบอยู่รอบตัวและถูกดูดซับโดยเขา
“ดูเหมือนว่ายังไงก็ต้องฝึกฝนและใช้เม็ดยาควบคู่ไปด้วย” ในเวลากลางคืน หลิงฮันหยุดฝึกฝน
เขามองชางเย่และคนอื่นๆ คนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคือหยวนเฉิงเหอ เขาบรรลุระดับทลายมิติขั้นที่เก้าแล้ว ถ้าเขาไม่ต้องการขัดเกลาพลังให้ถึงขีดสุด เขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้ทุกเมื่อ
แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องรีบร้อนอะไร ถึงแม้ว่าหยวนเฉิงเหอจะไม่ใช่อัจฉริยะระดับต้นๆ แต่การที่เขาจะมีพลังต่อสู้สิบสี่ดาวก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเขาขัดเกลาพลังต่อสู้ถึงยี่สิบดาว เขาก็จะสามารถเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะระดับต้นๆ
หลิงฮันให้คำแนะนำพวกเขา แล้วออกมาจากหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาก็วางแผนที่จะไปหาสุ่ยเยี่ยนยวี่กับจักรพรรดิพิรุณ
หลังจากคิดอยู่ซักพัก เขาก็ตัดสินใจที่จะไปหาสุ่ยเยี่ยนยวี่ก่อน
แน่นอนว่าศิษย์ธรรมดาไม่สามารถอาศัยอยู่บนยอดเขาหิมะขาวได้ แต่ต้องอาศัยอยู่บนยอดเขาวารีทมิฬ ซึ่งต่ำกว่ายอดเขาหิมะขาวมาก หากคนเหล่านั้นมีโอกาสได้ขึ้นมา พวกเขาก็จะรู้ว่าสภาพแวดล้อมบ่มเพาะพลังนั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมศิษย์ธรรมดาถึงต้องการเป็นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธ์ เพราะพวกเขาจะสามารถอาศัยอยู่บนยอดเขาหิมะขาวได้ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมบ่มเพาะพลังที่ดีกว่า
หืม ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ!
หลิงฮันกำลังจะถามใครบางคนว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่อาศัยอยู่ที่ไหน แต่ในขณะนั้นเองเขาก็เห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่อยู่ด้านหน้าโดยบังเอิญ และด้านหลังนางมีชายหนุ่มชุดเขียวเดินตามอยู่ ใบหน้าของเขาค่อนข้างหล่อเหลาทีเดียว