ในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ศิษย์เมล็ดพันธุ์ทุกคนนับว่าเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
การรับศิษย์นั้น ศิษย์ทั่วไปจะรับรอบละราวๆหนึ่งหมื่นคนและศิษย์หลักจะรับราวๆหนึ่งพันคน ส่วนศิษย์เมล็ดพันธุ์น่ะรึ? อย่างมากก็ไม่เกินร้อยคน!
ซึ่งจำนวนที่ว่าก็ยังขึ้นอยู่แต่ละปีที่รับศิษย์อีก บางครั้งศิษย์เมล็ดพันธุ์ก็มีเพียงสิบคนเท่านั้น
ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ว่าศิษย์ทั่วไปหรือศิษย์หลักบ่มเพาะพลังจนกลายเป็นจอมยุทธระดับดารา มีเพียงศิษย์เมล็ดพันธุ์ถึงจะเป็นได้
และตามทฤษฎีแล้ว มีเพียงหนึ่งในสิบส่วนของศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่จะสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับดาราได้สำเร็จ
ศิษย์เมล็ดพันธุ์ทุกคนคนต่างก็เป็นจอมยุทธที่อัจฉริยะที่สุดของดาวแต่ละดาว
กลับกลายเป็นว่าหลิงฮันคือศิษย์เมล็ดพันธุ์!
ทุกคนตกตะลึงและก็รู้สึกขบขันไปพร้อมๆกัน ก่อนหน้านี้ปี้หวากล่าวว่าหลิงฮันทะนงในความสามารถของตัวเองเกินไปและแสดงอำนาจว่าตนเองเป็นศิษย์พี่ แต่สุดท้ายล่ะ? หลิงฮันต่างหากที่เป็นศิษย์พี่ตัวจริง!
ปี้หวาได้ยินสิ่งที่ถูกกล่าวขึ้นมาได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเขากลายเป็นหม่นหมองไปเรียบร้อยแล้ว นี่มันเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง!
เขามองไปยังหลิงฮัน ตอนนี้เขาไม่กล้ามีความคิดโกรธแค้นใดๆอีกต่อไป
จะให้เขาบาดหมางกับศิษย์เมล็ดพันธุ์งั้นรึ?
ถ้าทำแบบนั้นก็แสดงว่าเขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
ปี้หวาล่าถอยไปอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาไม่กล้ามีเรื่องกับหลิงฮันต่อ จะอย่างไรศิษย์เมล็ดพันธุ์ก็คือศิษย์เมล็ดพันธุ์ พลังต่อสู้ของพวกเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป
หลิงฮันมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่และยิ้มมุมปากก่อนจะถาม “แม่นางข้าช่วยเจ้าเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเจ้าสมควรตอบแทนข้าด้วยตัวเองหน่อยรึ”
ผู้คนรอบข้างมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดี
ในเวลากลางวันแสกๆ จู่ๆเจ้าก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบกับสตรีเช่นนี้ มันเหมาะสมแล้วจริงๆรึ?
ต่อให้เจ้าเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์เจ้าก็ไม่สามารถเอาแต่ใจขนาดนั้น!
ที่นี่คือนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ถ้าหากแค่ความปลอดภัยของศิษย์คนหนึ่งยังไม่สามารถดูแลได้ แล้วกฎของนิกายจะมีต่อไปเพื่ออะไร?
“ขอบคุณ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตอบด้วยท่าทีเย็นชา
ปี้หวายังไม่จากไป เขาต้องการเห็นหลิงฮันถูกสุ่ยเยี่ยนยวี่หักหน้า เป็นความจริงที่สตรีนางนี้ไม่ไว้หน้าบุรุษคนใดเลยแม้จะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ ในเมื่อตนเองไม่สามารถได้นางมาครอบครอง เขาก็อยากจะเห็นคนอื่นตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกันตัวเอง
“แล้วถ้าข้ายังยืนกรานไม่ปล่อยเจ้าไปล่ะ?” หลิงฮันเดินเข้าใกล้สุ่ยเยี่ยนยวี่และอ้าแขนออก
“นิกายก็มีกฎของนิกาย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ยังคงเย็นชา ผู้อาวุโสของนิกายไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ตามใจชอบแน่นอน
หลิงฮันหัวเราะในใจและกล่าว “เจ้าคือภรรยาของข้า เรื่องนี่คือโชคชะตาที่กำหนดไว้แล้ว!” เขาใช้เสียงของตัวเองพูดคำเหล่านี้ออกไป
ทันใดนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ชะงักทันที สีหน้าประหลาดใจยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของนาง แต่ในขณะเดียวกันนางก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ เพราะอย่างไรนางก็ไม่สามารถยืนยันตัวตนของชายตรงหน้าด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว
“มานี่มา ขอข้ากอดหน่อย!” หลิงฮันกล่าวโดยไม่รอให้สุ่ยเยี่ยนยวี่อณุญาติ เขากอดนางเข้าสู่อ้อมอกทันที
บัดซบ… นี่เขาทำสำเร็จจริงๆรึ?
ทุกคนสูดหายใจลึก ทุกคนรู้สึกว่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ผู้นี้ลามากอย่างมากที่กล้าเอาเปรียบศิษย์น้องสตรีต่อหน้าต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ไม่ใช่ว่านั่นเป็นการหาเรื่องใส่ตัวงั้นรึ? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะขนาดไหน ถ้าเจ้าเหยียบย่ำกฎของนิกายต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยเจ้าปกปิดความผิดได้
เมื่อถูกโอบกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอันคุ้นเคยขึ้นมาทันที
เป็นเขาจริงๆ!
นางอดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหวและโอบกอดตอบหลิงฮัน
พรวด!
ทุกคนสำลักออกมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นางถูกตกได้ง่ายเพียงนี้?
พวกเขาไม่รู้ว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่กับหลิงฮันเป็นคนรักกันและคิดว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่หวั่นไหวเพียงเพราะการโอบกอดของหลิงฮัน แน่นอนว่าพวกเรารู้สึกเสียดาย… ถ้าพวกเขารู้ก่อนล่ะก็พวกเขาคงใช้กำลังโอบกอดนางและตกนางได้อย่างง่ายไปแล้ว!
ปี้หวากระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมดาอย่างแรง ที่แท้สตรีคนนี้ก็ชอบบุรุษที่ใช้กำลังฝืนใจ!
ก่อนหน้านี้เขาไล่ตามตื้อสุ่ยเยี่ยนยวี่อยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล แต่ตอนนี้เพียงแค่ถูกโอบกอดครั้งเดียวสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ใจง่ายเสียแล้ว เห็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร? เขารู้สึกราวกับว่าตนเองกลายเป็นบุรุษถูกสวมเขาที่โง่งมที่สุในโลก
เมื่อต้องแยกจากกันเป็นเวลาสองปี อารมณ์ของสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง นางเป็นฝ่ายเริ่มจูบหลิงฮันก่อน
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่ปล่อยให้นางผิดหวัง เขาจูบตอบนางอย่างร้อนแรง
“ฮึ่มม!” บรรยากาศโดยรอบโกลาหลขึ้นมาทันที
แต่ทันใดนั้นออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก็กวาดผ่านไปทั่วบริเวณ ความเยือกเย็นอันไร้สิ้นสุดผุดขึ้นในเบื้องลึกจิตใจของทุกคน
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ… นอกจากหลิงฮันทุกคนล้มร่วงลงพื้น สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็ไม่ต่างกัน นางพิงร่างหลิงฮันอย่างไร้เรี่ยวแรง เรือนร่างอันงดงามของนางสั่นสะท้านไม่หยุด
หลิงฮันหันไปมองด้วยความตะลึง เขาเห็นหูเฟยหยินจ้องมองเขากับสุ่ยเยี่ยนยวี่ด้วยสีหน้ามืดมน กลิ่นอายที่สูงส่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของนาง
แต่ทันใดนั้นเอง หลิงฮันเกิดความคิดว่าสตรีตรงหน้าไม่ใช่หูเฟยหยินที่ไร้เดียงสา
นางคือจักรพรรดินีแห่งดารา!
ก่อนหน้านี้หลิงฮันเคยเห็นจักรพรรดินีปรากฏอยู่ในร่างของหูเฟยหยินมาแล้ว และตอนนี้นางก็ปรากฏตัวอีกครั้ง!
‘แต่ครั้งนี้ไม่มีอันตรายเสียหน่อย เหตุใดนางถึงปรากฏตัว?’
‘เดี่ยวก่อน หรือว่า… นางจะหึงหวง?’
หลิงฮันคิดว่าความคิดนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วจะยังเป็นอะไรอื่นได้อีก?
เขาวางร่างของสุ่ยเยี่ยนยวี่ลงและรีบเดินไปหาหูเฟยหยิน เขาคว้าข้อมือนางและกล่าว “มากับข้า!”
หูเฟยหยิน… ไม่สิ จักรพรรดินีแห่งดาราถลึงตา นางราวกับว่ากำลังจะปลดปล่อยออร่าอันทรงเพื่อส่งร่างของหลิงฮันให้กระเด็น แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆจิตใจของนางก็อ่อนไหวและยอมให้เขาคว้าข้อมือเดินไป
ทั้งสองเดินมาถึงภูเขาเหมันต์ขาวอย่างรวดเร็วและเข้าไปยังที่พักของหลิงฮัน
“ท่านเป็นอะไรของท่านกันแน่?” หลิงฮันถาม
จักรพรรดินีแห่งดาราเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “เจ้ามีสิทธิถามคำถามกับข้างั้นรึ?”
“เมื่อครู่ท่านเพิ่งเกือบจะสังหารฆ่า ข้าขอถามเหตุผลไม่ได้รึไง?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
ที่จริงจักรพรรดินีแห่งดาราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนางถึงปรากฏตัวออกมา มันเป็นความรู้สึกชั่ววูบที่ถูกกระตุ้นให้นางลงมือ เพียงแต่ว่านางไม่มีทางยอมรับแน่นอน นางกล่าวออกไป “ข้าจะสังหารทุกคนที่ข้าต้องการ จะมีเหตุผลหรือไม่ก็ไม่สำคัญ!”
เป็นสตรีที่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ!
“ท่านต้องอธิบายให้ข้าฟังตรงๆในวันนี้ว่าท่านมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับราชินีที่เก้า? ทำไมท่านถึงปรากฏตัวในร่างของนางได้?” หลิงฮันกล่าว
“เจ้าคิดว่าข้าจะบอกความลับให้กับคนนอกฟัง?” จักรพรรดินีแห่งดาราแสยะยิ้ม แม้นางรู้สึกถึงความบ้าคลั่งที่ปะทุในหัวใจ แต่เขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น เขามีสิทธิอะไรจะมาต่อรองกับนาง?
เมื่อใดที่จอมยุทธระดับดาราตกต่ำถึงเพียงนั้น?
หลิงฮันจ้องนางอยู่นานสองนานก่อนจะกล่าว “ก็ได้ ข้าจะบอกความลับบางอย่างของข้าให้ท่านฟัง ส่วนท่านก็ห้ามปิดบังอะไรกับข้าเช่นกัน!”
จักรพรรดินีแห่งดาราต้องการจะถามว่า ‘เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?’ แต่ทุกๆครั้งเหตุการณ์ที่นางใช้เวลาสองปีกับหลิงฮันก็จะผุดขึ้นมาในจิตใจของนางทำให้นางปฏิบัติกับหลิงฮันอ่อนโยนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“อย่าต่อต้านสัมผัสสวรรค์ของข้า ข้าจะพาท่านเข้าไปในอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ของข้า”