หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อเข้าไปในเขตแดนลี้ลับเลยรึ? นี่เป็นข้อยืนยันว่าสถานที่แห่งนั้นน่าอัศจรรย์ขนาดไหน ไม่เช่นนั้นทำไมขุมอำนาจที่ทรงพลังเหล่านั้นถึงต้องเตรียมการมากมายด้วย?
“จากที่ดูๆแล้ว ข้าจะติดสอบห้อยตามไปกับพวกเจ้าเมื่อดินแดนลี้ลับเปิดก็แล้วกัน” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจที่ทรงพลัง ดังนั้นพวกเขาจะต้องรู้ข้อมูลของเขตแดนลี้ลับเป็นอย่างดีแน่นอน หลิงฮันไม่เชื่อว่าขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะนิ่งเฉยเมื่อเขตแดนลี้ลับเปิดออก
บางทีเหล่าจอมยุทธที่ลดพลังของตนเองลงมาเป็นระดับภูผาวารีอาจจะติดตามพวกเขาเข้าไปในเขตแดนลี้ลับด้วย
“ฮ่าๆๆ!” เส้าซือซือและคนอื่นๆหัวเราะ
“น้องชายหลิง หากเจ้าเข้าร่วมกับจักรวรรดิพันเหมันต์เกรียงไกรของข้าล่ะก็ เจ้าสามารถขออะไรก็ตามใจต้องการ!” เส้าซือซือกล่าวด้วยแววตาเปล่งประกาย รอบกายของนางเต็ฒไปด้วยบรรยากาศอันยั่วยวน
ข้อเสนอกับสายตายของนางราวกับจะบอกว่า “ข้ายอมแพ้กระทั่งจะแต่งงานกับเจ้า”
“ฮ่าๆ น้องชายหลิง ข้ามีน้องสาวอยู่คนนึง นางเป็นสตรีงดงามถึงขนาดที่ทุกแคว้นต่างเมืองล้วนไล่ตามนาง!” ตูอันกล่าวอย่างเร่งรีบ “เจ้ากับนางเป็นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์ประทาน! ข้ารับประกันเลยว่าข้าสามารถมอบตำแหน่งใหญ่โตให้กับเจ้าได้”
“เข้าร่วมจักรวรรดิของข้าแล้วพวกเราจะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าว
หลิงฮันแสดงพรสวรรค์ออกมาให้ประจักษ์แล้ว การได้ตัวเขามาคุ้มค่ากับข้อเสนอที่กล่าวออกไป
ถึงแม้หลิงฮันจะล่วงเกินหยางฮ่าว แต่หยางฮ่าวก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา พื้นเพของอีกฝ่ายก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าของพวกเขา กล่าวได้ว่าตราบใดที่หยางฮ่าวไม่ทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
หรือต่อให้เขาสามารถบรรุระดับวารีนิรันดร์ได้จริงๆ แต่นั่นจะเป็นระเวลาอีกกี่ปีให้หลัง?
หย่างฮ่าวใช้เวลาน้องกว่าพันปีในการบรรลุระดับสุริยันจันทราก็จริง แต่ความต่างในการทะลวงผ่านไปยังระดับสวรรค์นั้นจะยกระดับความยากขึ้นอีกหลายเท่า ดังนั้นจึงไม่ต้องกล่าวถึงระดับวารีนิรันดร์เลย ในจักรวาลแห่งนี้มีระดับวารีนิรันดร์เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
หลิงฮันเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงไม่ตอบข้อเสนอของพวกเขา เขามีขุมอำนาจของตัวเองอยู่แล้ว จะให้เขาไปเข้าร่วมกับจักรวรรดิอื่นได้อย่างไร? ถ้าหากเขาต้องเข้าร่วมจริงๆขุมอำนาจที่ว่าก็ต้องเป็นจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ
นั่นเพราะจักรพรรดินีเป็นของเขาแล้ว!
เมื่อการรวมตัวเสร็จสิ้น หลิงฮันก็ไปพบจักรพรรดิพิรุณ เฟิงโผหยุน มู่หรงซิงและเฮอเหลียนเทียนหยุนเพื่อกินดื่มอีกครั้ง
ตอนนี้หลิงฮันมาถึงแล้วดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบ่มเพาะพลังภายใต้ต้นสังสารวัฏได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน หลิงฮันได้พาสุ่ยเยี่ยนยวี่หลบไปยังทุ่งดอกไม้ที่ห่างไกลออกไปจากต้นสังสารวัฏ
“ภรรยาข้า ลูกของเขาช่างโชคดีนัก!” หลิงฮันกล่าวด้วยสีหน้าชื่นชมพร้อมกับใช้มือขยำไปยังหน้าอกคู่งามของนาง
หน้าอกของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมีขนาดเล็กเกินไปเมื่อเทียบกันแล้ว ถือว่าบุตรของโชคดีมากที่ไม่อดตายเพราะหน้าอกขนาดเล็กของนาง
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ยังเคอะเขิน ใลหน้าของนางแดงเผือดและกัดเข้าที่ข้อมือของเขา “เจ้าคนลามก!”
“เหอๆ ภรรข้า ข้าชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้จริงๆ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เจ้าเป็นสตรีที่มีความงดงามอันเย้ายวน แต่เจ้าก็มีนิสัยที่เขินอายได้ง่าย”
“ฮึ่ม! โรคจิต!”
…
หลังจากการต่อสู้กับอู๋เจ๋อและหยางฮ่าว หลิงฮันก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ถึงแม้หูเฟยหยินจะแสดงอำนาจที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าหลิงฮัน แต่ทุกคนรู้ว่านั่นเป็นพลังจากเสี้ยวจิตวิญญาณที่ทิ้งเอาไว้บนร่างของนาง พลังที่แท้จริงของนางจัดอยู่ในระดับธรรมดาเท่านั้น
เช้าวันต่อมาผู้คนนับไม่ถ้วนแห่กันมาทักทายหลิงฮัน พวกเขาต้องการเป็นสหายกับเขาหรือไม่อย่างน้อยก็แค่อยากรู้จักกับเขา
หลิงฮันไม่ทำท่าทีหยิงยโสต่อคนเหล่านั้น กลับกันเขาพูดคุยล้อเล่นอย่างสนุกสนานกับพวกเขา…
นั่นเพราะในสายตาของเขา คนเหล่านี้คือถุงเงินเดินได้!
เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมกับนิกายสวรรค์เยือกแข็งได้นั้น ดั้งเดิมพวกเขาล้วนแต่เป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจที่ทรงพลัง สิ่งเดียวที่พวกเขามีอย่างไม่ขาดแคลนคือเงินทอง
เขาจำเป็นต้องหาเงินจำนวนมาก เพราะงั้นเขาจึงมุ่งมั่นใช้เวลาไปกับการปรุงยา เมื่อใดที่เขาปรุงยาสำเร็จ คนเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็นลูกค้าของเขา
หลิงฮันยิ้มแย้มด้วยความสุข
ท่าทีของเขาต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่นทำให้เหล่าคนที่มาหาต่างรู้สึกปลาบปลื้ม พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิงฮันจะเป็นกันเองและถ่อมตัวเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวด้วยความเวทนา นางรู้จักนิสัยของหลิงฮันดี นางเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังคิด คนเหล่านั้นกำลังถูกปฏิบัติราวกับเป็นหมูในอวยที่รอวันเฉือดขาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับคิดไปเองว่าหลิงฮันเป็นคนถ่อมตัวไม่หยิ่งยโส พวกเขากำลังจะถูกใช้เป็นแหล่งหาผลประโยขน์ของเขา
แต่พอนางลองมาคิดถึงตัวเอง ไม่ใชว่ว่านางก็เคยคิดเช่นนั้นและถูกเขากุมหัวใจหรอกรึ?
“เจ้าอันธพาล!” น้ำเสียงของนางทั้งอับอายและอ่อนหวาน
“อะแฮ่ม ท่านคือศิษย์พี่ฮันสินะ ข้าพูดถูกรึไม่?” ชายชุดเขียวเดินเข้ามาใกล้ แววตาของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงเมื่อกวาดสายตามองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาชำเลืองมองนางอีกครั้งก่อนจะหันสายตากลับมายังหลิงฮัน
ความประทับใจแรกพบของหลิงฮันที่มีต่อชายชุดเขียวตกไปอยู่ในระดับต่ำสุดทันที “ถูกแล้ว ข้าคือฮันหลิง” เขากล่าวอย่างไม่แยแส
ชายชุดเขียวยิ้มอย่างอวดดีและกล่าว “ข้าคือกายหยงซือ ข้ามาจากกองกำลังก่าว”
“อะไรคือกองกำลังก่าว?” หลิงฮันเกลียดเวลาที่มีคนแสดงท่าทีอวดดีต่อหน้าเขา เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เวลามองไปยังใบหน้าที่หยิ่งยโสของชายชุดเขียว
ท่าทีของกายหยงซือยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและกล่าว “ศิษย์พี่ฮัน ท่านไม่รู้งั้นรึ? นิกายสวรรค์เยือกแข็งของเราที่จริงแล้วแบ่งออกเป็นหายกองกำลัง ผู้ก่อตั้งนิกายรับศิษย์ทั้งหมดเก้าคน ซึ่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเก้ากองกำลังได้ถูกนำโดยศิษย์ทั้งเก้า กองกำลังก่าวก็เป็นหนึ่งในเก้ากองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด”
หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย ปรมาจารย์สามวิถีไม่ได้มีความคิดจะปกครองจักรวาล แต่ดูเหมือนศิษย์ทั้งเก้าของเขาจะไม่ใช่พวกรักสงบเสียเท่าไหร่
เมื่อใดที่ปรมาจารย์สามวิถีสิ้นอายุขัย จักรวาลแห่งนี้จะต้องตกอยู่ในสงครามอันยุ่งเหยิงเป็นแน่ ประวัติศาสตร์ของจักรวลจะถูกเขียนขึ้นมาใหม่
“แล้วไง?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
ร่องรอยความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกายหยงซือ หลิงฮันได้ยินแล้วไม่ใช่รึว่าเขามาจากกองกำลังก่าว? กองกำลังที่ถูกตั้งขึ้นโดยหนึ่งในศิษย์ของปรมาจารย์สามวิถี… แต่ถึงอย่างไรกายหยางซือก็พยายามระงับความโกรธเอาไว้และตั้งสมาธิไปกับเป้าหมายที่เขามาในวันนี้ “ข้าเป็นตัวแทนของนายน้อยมาเชิญศิษย์พี่ฮันเข้าร่วมกองกำลังก่าวของพวกเราเป็นกรณีพิเศษ”