เขตแดนลี้ลับไม่ได้ตั้งอยู่ในภูเขาเทียนเฟิง แต่เป็นหุบเขามรณะ ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปหนึ่งแสนไมล?
แม้จะห่างไกลแต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่มันเป็นสถานที่ต้องห้ามเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน – ตามชื่อของมันหุบเขามรณะไม่ว่าใครก็ตามที่มาที่นี่จะต้องตาย
จนกระทั่งปรมาจารย์สามวิถีเดินทางมาที่หุบเขามรณะด้วยตัวเองและกำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดออกไป แล้วโบราณสถานตั้งแต่สมัยอดีตกาลก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง
แม้ปรมาจารย์สามวิถีจะสามารถแก้ไขรูปแบบอาคมได้บางส่วน แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายรูปแบบอาคมได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเข้ามาที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียวในทุกร้อยปี เพราะอำนาจพลังของรูปแบบอาคมจะลดลงในช่วงเวลานี้ นอกจากนั้นปรมาจารย์สามวิถียังเป็นผู้รับผิดชอบในการเปิดประตูที่จะพาทุกคนเข้าไปข้างใน
ถึงกระนั้นคนที่สามารถเข้าไปได้คือห้ามมีพลังมากกว่าระดับภูผาวารี หากเหนือกว่านั้นจะไม่สามารถเข้าไปได้ และหากดึงดันที่จะเข้าไปผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
ภายในหุบเขามรณะ มันไม่มีสิ่งชีวิตอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ต้นไม้ สัตว์อสูรหรือแม้กระทั่งนก
ทั้งหุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำที่ไม่สามารถระบุได้ว่ามันไหลออกมาจากที่ไหน และครอบคลุมทั้งหุบเขา ทำให้ผู้คนที่เห็นต้องถอยห่างออกจากมันทันทีและไม่มีใครกล้าสัมผัส
แต่ทว่าตอนนี้ภายในหุบเขามรณะกลับเต็มไปด้วยกลุ่มคน บางคนที่ไม่ได้รับสิทธิ์จากนิกายสวรรค์เยือกแข็งพวกเขาก็ยังเดินทางมาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงโชค
หลิงฮันกวาดสายตามองและเห็นคนที่รู้จัก แต่ไม่ได้เจอกันมานาน
– ซาหยวน!
ใบหน้าของเขาดูเย็นชาขึ้นมาทันทีและเผยให้เห็นถึงจิตสังหาร ความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในอดีต หลิงฮันไม่มีทางลืมเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้หลิงฮันอยากแก้แค้น แต่ไม่มีโอกาส อีกฝ่ายอยู่ในนิกายตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน แล้วเขาจะฆ่าซาหยวนได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้ล่ะ?
พวกเขาไม่ได้อยู่ในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่เป็นเขตแดนลี้ลับ
ซาหยวน หนี้แค้นของข้าจะใช้คืนให้อย่างสาสม!
“เจ้านั่นคือซาหยวน?” จักรพรรดิพิรุณถาม เขาเคยได้ยินหลิงฮันพูดถึงศัตรูที่ชื่อว่าจ้าวหลุนกับซาหยวนก่อนหน้านี้
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ มันคือซาหยวน”
“ถ้างั้นพวกเราสี่พี่น้องมาร่วมมือกันจัดการมันกันเถอะ!” มู่หลงชิงกล่าว
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง!’
ถึงแม้พี่น้องทั้งสามคนของเขาจะร่วมมือกัน แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขากับซาหยวนนั้นยังแตกต่างกันเกินไป แม้จะร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะชนะ
“หลังจากที่เข้าสู่เขตแดนลี้ลับ พวกข้าจะแยกกันไปตามทางของตัวเอง” จักรพรรดิพิรุณกล่าว
เฟิงโป๋วหยุนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขามีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ต้องการพึ่งพาหลิงฮันตลอดเวลา
หลิงฮันรู้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้ เขาทำได้แค่พยักหน้าและพูดว่า “ระมัดระวังตัวด้วย!”
“ฮันหลิน!” เหอเต๋อและอู๋เจ๋อเดินเข้ามาหาหลิงฮันพร้อมกับชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสี่คน
ผู้คนที่อยู่รอบข้างรีบหลีกทางให้กับพวกเขาทั้งหกคนทันที
นี่คือหกราชาของนิกายสวรค์เยือกแข็ง พวกเขาคือจอมยุทธระดับภูผาวารีที่ไม่มีใครสามารถต่อกรด้วยได้ และหลังจากที่เข้าสู่เขตแดนลี้ลับ พวกเขาจะกลายเป็นจอมยุทธไร้พ่ายอย่างแท้จริง เพราะจอมยุทธระดับสุริยันจันทราไม่สามารถเข้ามาได้ แล้วใครจะสามารถต่อกรกับหกราชาอย่างพวกเขาได้กัน?
แน่นอนว่าตอนนี้มีราชาทั้งหมดเจ็ดคน
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนาน”
พวกเขาเคยพบกันมาก่อนเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปิดคลังสมบัติ เนื่องจากคลังสมบัติอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนลี้ลับ และมีอันตรายมากมายระหว่างทาง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการหารือก่อนที่จะไปถึงคลังสมบัติ
อู๋เจ๋อลบความอับอายที่ฝ่ายแพ้ให้กับหลิงฮันไป และกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่กล้าสบตามองหลิงฮัน
“ถึงเวลาแล้ว!”
จากนั้นไม่นานก็มีชายคนหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าเขาเป็นเทพสวรรค์ที่เดินลงมายังโลกเบื้องล่าง
“ปรมาจารย์สามวิถี!”
หลายคนอุทานด้วยความเคารพนับถือ
ในจักรวาลนี้ จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นในสายตาของพวกเขาทุกคนปรมาจารย์สามวิถีจึงเป็นเหมือนเทพเจ้าที่แท้จริง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาได้
ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยพลังจึงไม่สามารถระบุได้ว่าเขาตัวสูงหรือตัวเตี้ย แม้กระทั่งเป็นชายหรือหญิงก็ไม่สามารถระบุได้ หากไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเขาก็จะไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย
พรึบ มีผู้คนจำนวนมากกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าและมายืนอยู่ด้านหลังปรมาจารย์สามวิถีทีละคน พวกเขามีทั้งหมดยี่สิบสี่คน
พวกเขาเหล่านั้นคือจอมยุทธระดับดาราทั้งยี่สิบสี่คนของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง และดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่สำคัญมากถึงทำให้พวกเขาทั้งยี่สิบสี่คนปรากฏตัวพร้อมกัน
หลิงฮันกวาดสายตามองพวกเขาทั้งยี่สิบสี่คน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาเลย ทำให้มองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน นอกจากเว่ยเจ๋อเฉิงแล้ว หลิงฮันไม่รู้จักใครเลย
ปรมาจารย์สามวิถีไม่พูดจาไร้สาระและเริ่มโคจรพลังออกมากำจัดหมอกดำที่นี่ แต่บรรยากาศภายในหุบเขาก็ยังคงมืดมน แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก
นี่เป็นขั้นตอนที่จำเป็น มิฉะนั้นจอมยุทธระดับดาราจะไม่สามารถเข้าไปได้และถูกขับไล่ออกมา
ปรมาจารย์สามวิถีเดินเข้าไปในหุบเขา และจอมยุทธระดับดาราทั้งยี่สิบสี่คนก็คอยช่วยเหลือเขากำจัดหมอกดำ
ทุกคนที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในเขตแดนลี้ลับจะได้รับจี้หยกที่จะเปล่งแสงรางๆออกมาก่อตัวเป็นม่านพลังและปกป้องคนผู้นั้น
แต่ก็มีบางคนเดินปะปนเข้าไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีจี้หยก
ที่น่าแปลกคือเหล่าผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์เยือกแข็งกลับไม่ขับไล่พวกเขาออกไป และปล่อยให้พวกเขาเดินปะปนเข้าไปพร้อมกับคนที่มีจี้หยก ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกสับสน
แล้วแบบนี้จะมีสิทธิ์เข้าไปในเขตแดนลี้ลับไปทำไม?
แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้รับคำตอบ
“อ๊าก!” ใครบางคนส่งเสียงกรีดร้องและล้มลงกับพื้น ร่างกายของเขาดิ้นไปดิ้นมาด้วยความทรมาน หลังจากนั้นชั่วครู่ลมหายใจของเขาก็หายไปและตายในที่สุด
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เพราะเขาไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติเลย ชายคนนั้นตายโดยไม่มีสาเหตุ
จอมยุทธที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้า พวกเขาไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แล้วพวกเขาจะตายอย่างกะทันหันได้อย่างไร?
หรือมันจะเป็นเพราะจี้หยก? นี่คือสาเหตุใช่หรือไม่?