หลังจากไล่หูเฟยหยินออกไปได้ หลิงฮันก็โอบกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่เพื่อที่จะทำสงครามยามค่ำคืน
เนื่องจากด้านนอกมีคนอื่นอยู่ พวกเขาจึงไม่เข้าไปในหอคอยทมิฬ
‘พรึบ’ เมิ่งเหว่ยเปิดประตูกระโจมที่พักเข้ามา นางสวมชุดคลุมสีแดงสด ผมที่เพิ่งเช็ดหมาดๆของนางมีน้ำหยดทำให้ดูแล้วยั่วยวนยิ่ง
“หัวหน้าเมิ่งเวลาดึกดื่นขนาดนี้ มีธุระอันใดรึ?” หลิงฮันถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเล็กน้อย อีกฝ่ายบุกเข้ามาโดยไม่ขออณุญาติทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ
ต่อให้เจ้าเป็นสตรีหรือจะงดงามแค่ไหน เจ้าก็บุกรุกที่พักของคนอื่นไม่ได้
“ทั้งสองคนจะว่าอะไรรึไม่หากข้าจะขอนอนกับพวกเจ้าด้วย?” เมิ่งเหว่ยกล่าว
‘พรวด’ หลิงฮันสำลักออกมาทันที โชคดีที่วันนี้สถานการณ์เป็นไปอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นสุ่ยเยี่ยนยี่คงคิดว่าเขานอกใจเสียแล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ตะลึงเหมือนกัน “พี่สาวเมิ่งท่านเมารึเปล่า?”
ใบหน้าของเมิ่งเหว่ยแสดงออกถึงท่าทีประหลาดใจ “ทำไมต้องตกใจด้วย พวกเจ้าไม่ได้กำลังทำเรื่องสนุกๆกันอยู่รึไง?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกเขินอายและรีบหลบหน้าไปที่ด้านหลังหลิงฮัน นางอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร
ใบหน้าของหลิงฮันหนาพอ เขากล่าวออกไป “หัวหน้าเมิ่งท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าเหนื่อยลำบากมาทั้งวันแล้ว พี่น้องมากมายของข้าตกตาย หัวใจของข้าอ่อนล้าจนอยากได้เจ้าช่วย!” เมิ่งเหว่ยจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตายั่วยวน “อย่ามองข้าเป็นคนใจง่ายเชียง แม้ว่าข้าจะไม่สาวสะพรั่งดั่งหยกแล้ว แต่ข้าก็จะทำกับบุรุษที่ข้าหมายตาเท่านั้น”
นี่ยังไม่เรียกว่าใจง่าย?
สุ่ยเยี่ยนยวี่อ้าปากค้าง สตรีผู้นี้… เกินจะเยียวยาแล้ว
“ดูจากท่าทีของเจ้า เจ้าคิดว่าหากบุรุษกับสตรีร่วมรักกัน สตรีจะเป็นฝ่ายเสียหาย?” เมื่งเหว่ยเค้นเสียง “ข้าแค่อยากสนุกเท่านั้นและไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกกับเจ้าด้วย เมื่อเจ้าเสร็จสมอย่างพึงพอใจข้าจะเป็นฝ่ายไปเองโดยไม่มีใครเสียหาย”
ที่นางพูดก็ไม่ผิด เพียงเพราะว่าในโลกให้วรยุทธที่สตรีงดงามนั้นเป็นทรัพยากรล้ำค่า จึงมีความเชื่อที่ว่าเมื่อบุรุษกับสตรีร่วมรักกัน บุรุษจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ส่วนสตรีจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ปากของหลิงฮันกระตุก เขาเพิ่งจะเคยพบเจอสตรีเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรดี
“ว่าไง ข้ามีเรือนร่างที่งดงามใช่ไหมล่ะ?” เมื่งเหว่ยภูมิใจในหน้าอกของตนเอง
“ขอโทษที ข้าไม่มีนิสัยมองสหายร่วมทางด้วยสายตาลามก” หลิงฮันโบกมือบอกปัด
เขาไม่ได้เสแสร้ง หลิงฮันไม่ได้เป็นคนมีความสนใจได้ความสัมพันธ์คืนเดียวเช่นนี้
เขาไม่ได้เป็นบุรุษที่หลงไหลเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เขาก็ไม่มีความสุขกับสตรีอื่นเพียงชั่วครู่เช่นกัน
“งั้นข้าคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่!” เมิ่งเหว่ยมองไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่และกล่าว “สาวน้อย พี่สาวคนนี้จะสอนเจ้าถึงความสุขจากการมีคู่นอนเป็นสตรีให้! เชื่อข้าเถอะ เทคนิคของพี่สาวไม่ด้อยไปกว่าบุรุษของเจ้าแน่นอน รับประกันได้เลยว่าข้าจะช่วยให้เจ้าลอยได้”
ให้ตายเถอะ นี่เจ้ากล้าล้ำเส้นขนาดนั้นเลย?
หลิงฮันไม่สบอารมณ์และเดินไปจับคอยกร่างนางขึ้นมา
“อัก!” เมิ่งเหว่ยโอดครวญ หลิงฮันโยนนางออกมาจากกระโจมจนก้นกระแทกพื้น
“ฮ่าๆๆ หัวหน้า ท่านถูกเมินอย่างงั้นรึ?”
“ข้าบอกท่านแล้ว เขามีสตรีงดงามถึงสองคนข้างกายอยู่แล้ว แถมคนหนึ่งยังงดงามหาที่เปรียบอีกด้วย ถ้าใครเห็นนางก็ต้องหลงใหล แบบนี้เขาจะหลงเสน่ห์ท่านหัวหน้าได้อย่างไร”
“เพียงแต่ว่าขนาดมีสตรียอมให้ถึงหน้าประตูเขายังไม่สน ดูเหมือนนายน้อยฮันจะมีรสยมสูงมากทีเดียว”
ลูกน้องของเมิ่งเหว่ยหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้นิสัยของหัวหน้าตนเองเป็นอย่างดี
“เจ้าหมายความว่าระดับของข้าคนนี้ไม่สูงพองั้นรึ?” เมิ่งเหว่ยสะบัดชุดคลุม ท่าทีของนางกลับมาเป็นดังเดิม
เหล่าลูกน้องหัวเราะ พวกเขานั้นมีชะตะเกิดและตายไปพร้อมกับเมิ่งเหว่ย กล่าวได้ว่าพวกเขากับเมิ่งเหว่ยไม่ต่างอะไรกับพี่สาวและน้องชาย แม้พวกเขาจะเหมือนไม่เคารพนางแต่พวกเขาก็ยินดีตายเพื่อนาง
นางครวญครางอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากถอนหายใจนางก็กล่าวประโยชคทิ้งท้ายเอาไว้ “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” พูดเสร็จนางก็เดินกลับเข้ากระโจมของตน
สุ่ยเยี่ยนยวี่เขอะเขินและมุดหัวอยู่ในอ้อมแขนหลิงฮัน “เป็นไปได้อย่างไรที่มีสตรีนิสัยเช่นนั้น?”
หลิงฮันหัวเราะ “ถ้าเมิ่งเหว่ยเป็นบุรุษ เจ้าจะยังพูดแบบนั้นอยู่รึเปล่า?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ครุ่นคิดและกล่าว “ผู้ชายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหยหาความรักใคร่ พวกเขาจะมีนิสัยเช่นนั้นย่อมไม่แปลกอะไร”
หลิงฮันพยักหน้า “ก็นั่นไง ทั้งๆที่การกระทำเหมือนกัน แต่บุรุษกลับเป็นฝ่ายปกติ ส่วนสตรีกลับเป็นฝ่ายถูกกล่าวหา?”
เป็นไปไม่ได้ที่ความคิดของสุ่ยเยี่ยนยวี่จะเปลี่ยนได้ในทันที นางส่ายหัวและกล่าว “อย่างไรข้าก็ยอมรับไม่ได้!”
“แน่นอน เจ้ามีสามีที่หล่อเหลาเช่นข้าอยู่แล้ว เจ้าจะหาบุรุษคนอื่นอีกทำไม?” หลิงฮันหัวเราะ
“ฮึ่ม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่คำรามใส่เขา ชายคนนี้หยุดพูดจาหยอกล้อไม่ได้เลยจริงๆ
……
เมื่อค่ำคืนผ่านไป วันรุ่งขึ้นทุกคนก็ออกเดินทางต่อ
ถึงแม้จะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนมาเมื่อคืน เมิ่งเหว่ยก็ไม่เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย นางเป็นสตรีที่หน้าหนาพอ
แม้นางจะไม่ขวยเขิน แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่กลับเป็นฝ่ายรู้สึกอายทุกครั้งที่มองไปยังนางเนื่องจากถูกลวนลามด้วยคำพูดเมื่อคืน
พวกเขาค่อยๆเดินห่างออกมาจากแม่น้ำเหลืองเรื่อยๆ หลังจากวันเวลาผ่านไปหลายวันตำหนักขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา
“ระวังตัวด้วย!” เมิ่งเหว่ยเหว่ยกล่าวเตือน “ในการเดินทางครั้งที่แล้วเมื่อร้อยปีก่อน พวกเราพบเจอกับกลุ่มสัตว์อสูรที่นี่ พวกเราเข้าไปได้แค่นิดเดียวกก็ถูกล่าสังหารจนต้องหนีถอย”
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ “ในเมื่อเจ้าไม่เคยเข้าไปส่วนลึกของตำหนักแห่งนี้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีสมบัติเม็ดยาอยู่ที่นั่น?”