เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งมีประโยชน์ต่อจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นอย่างมาก หากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นกลางกินมันเข้าไปจะทำให้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูง และถ้าระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงกินเข้าไปก็จะทำให้บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง
ประสิทธิภาพของมันน่าทึ่งมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงฮันมองวัตถุดิบปรุงยาที่ต้องใช้ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
เม็ดยาที่ท้าทายสวรรค์แบบนั้น วัตถุดิบที่ใช้ปรุงมันน่าตกตะลึงมาก
หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ปรุงยาคือผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเรียกว่าผลราชาพิรุณสีชาด ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งล้านปีในการเจริญเติบโต แต่ถ้านำไปปลูกในหอคอยทมิฬก็จะร่นระยะเวลาเหลือแค่หนึ่งพันปีเท่านั้น
สำหรับจอมยุทธที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าแล้ว เวลาหนึ่งพันปีนับว่าไม่นาน แต่สำหรับหลิงฮันเขามีความก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป เวลาหนึ่งพันปีสำหรับเขานั้นถือว่านานมาก
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเจอผลราชาพิรุณสีชาด เขาจะต้องเอามันมาให้ได้
นี่ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เพื่อเหล่าพี่ชายของเขา สหายที่อยู่รอบตัว ภรรยาผู้เป็นที่รัก พ่อแม่และลูก มันจะมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมากในอนาคต
แน่นอนว่า แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุดยังมีประโยชน์อย่างยิ่ง เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด หากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูงใช้มันอาจเป็นอันตรายและร่างกายระเบิด
ดังนั้น ถ้าคนเหล่านั้นใช้เม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง พวกเขาจำเป็นต้องมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง เพื่อยับยั้งพลังของเม็ดยา มิฉะนั้นมันอาจทำให้พวกเขาแบกรับพลังไม่ไหวและร่างกายระเบิดตายได้
หลิงฮันเก็บเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอและยังไม่มีวัตถุดิบที่ใช้หลอมมัน
ดังนั้นเม็ดยาที่เขาสนจะเริ่มหลอมคือเม็ดยาเซียนกระเรียน
เม็ดยานี้จะทำให้จอมยุทธที่อยู่ต่ำกว่าระดับดาราแข็งแกร่งขึ้นชั่วคราวและเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด แต่ในเฉพาะช่วงระยะเวลาที่เม็ดยาออกฤทธิ์เท่านั้น
เมื่ออยู่ในช่วงเวลาวิกฤต มันยังสามารถช่วยชีวิตรักษาชีวิตได้
เม็ดยาที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ถือเป็นเม็ดยาที่มีค่ามากที่สุด
ในเวลากลางวันพวกเขาจะออกเดินทาง และพักผ่อนในเวลากลางคืน การผจญภัยในสถานที่อันตราย แน่นอนว่าต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด
ในเวลากลางคืน หลิงฮันจะเข้ามาฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎเพื่อทำความเข้าใจสูตรปรุงยา
ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดินักปรุงยา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะคลั่งไคล้การปรุงยา เขาจะไม่ศึกษาค้นคว้าจนกว่าจะหลอมมันได้สำเร็จ หลายวันที่ผ่านมา เขานั่งฝึกฝนอยู่คนเดียวใต้ต้นสังสารวัฎ ทำให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ค่อยชิน
โดยปกติแล้ว หลิงฮันมักจะพูดแซวนางอยู่เสมอ และทำให้ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย แต่ตอนนี้เขากลับนั่งฝึกฝนอยู่คนเดียว จึงทำให้นางรู้สึกเหงาเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปสองสามวันก็มีภูเขาปรากฏอยู่ด้านหน้าพวกเขา
หากจะพูดให้ถูกน่าจะเรียกว่าภูเขาครึ่งลูกจะดีกว่า เพราะอีกครึ่งหนึ่งของมันแหว่งหายไป
เมื่อกลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคนเดินไปถึงตีนภูเขา ทำให้เขารู้ว่ามันเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมายอยู่ที่นี่
สมุนไพรระดับต่ำสามารถเก็บได้ตามที่ต้องการ แต่สมุนไพรระดับสูงนั้นจำเป็นต้องปลดผนึก…ซึ่งบางต้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บเกี่ยว อย่างน้อยจะต้องเป็นจอมยุทธระดับดาราที่จะเก็บเกี่ยวมันได้
ช่วยไม่ได้ที่จะปรากฏประกายแห่งความหวังในใจของหลิงฮัน มันอาจจะมีผลราชาพิรุณสีชาดอยู่ที่นี่ก็เป็นได้
หากเป็นเช่นนั้น เมื่อใดที่เขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา เขาก็จะสามารถหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งขึ้นมาได้และความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้มันจะไม่มีผลราชาพิรุณสีชาดอยู่ที่นี่ มิใช่ว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่ก็คุ้มค่าที่จะเก็บเกี่ยวหรอกหรือ?
ทว่าพวกเขาทั้งสามคนมาช้าเกินไป สมุนไพรระดับต่ำถูกเก็บเกี่ยวไปเกือบหมดแล้ว เพราะมันไม่จำเป็นต้องปลดผนึก แต่หลิงฮันก็ไม่ได้สนใจสมุนไพรพวกนั้นมากนัก เขามีสมุนไพรหลากหลายชนิดปลูกอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่ระดับของมันค่อนข้างต่ำ
พวกเขาเดินสำรวจและในไม่ช้าก็พบสมุนไพรหลายชนิดที่เป็นสมุนไพรระดับเจ็ด แต่ยังไม่โตเต็มที่ให้เก็บเกี่ยว เพราะแหล่งพลังงานไม่เพียงพอที่จะทำให้สมุนไพรเหล่านี้เจริญเติบโต
“ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน ข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง!” หลินฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“….เจ้าไม่เห็นจำเป็นต้องพูดไร้ยางอายแบบนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าเจ้าจะนำพวกมันไปปรุงยา ทำไมต้องทำตัวเหมือนผู้กอบกู้ด้วย” หูเฟยหยินหันไปเหลือบมองหลิงฮัน
“ถ้างั้นท่านอย่าใช้กินเม็ดยาของข้าแล้วกัน!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแค่พูดลอยๆเท่านั้น!” หูเฟยหยินกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิงฮันเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่อยู่รอบๆ เขาขุดมันขึ้นมาอย่างนุ่มนวลและนำไปปลูกใต้ต้นสังสารวัฎ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้าไปในหอคอยทมิฬและเริ่มทำลายผนึก
มันใช้เวลามากกว่าที่เขาคิด หลังจากผ่านไปสิบเจ็ดวัน ในที่สุดหลิงฮันก็ปลดผนึกสมุนไพรพวกนั้นได้สำเร็จและรวบรวมสมุนไพรระดับเจ็ดเหล่านั้นปลูกในหอคอยทมิฬ
“ถึงแม้หอคอยทมิฬจะสามารถทำให้สมุนไพรเติบโตได้อย่างรวดเร็วได้ แต่ความเร็วดังกล่าว แม้จะใช้เวลาปลูกที่นี่หกเดือนก็ยังไม่เร็วพอที่จะนำพวกมันมาปรุงยาได้” หลิงฮันส่ายหัว “ยังไงข้าก็ต้องหาผลราชาพิรุณสีชาดให้เจอ มันมีค่าที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”
หลิงฮันเริ่มตั้งใจค้นหาผลราชาพิรุณสีชาด ถ้าเขาหามันพบ เขาก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวมัน แต่ถ้าไม่สามารถเก็บเกี่ยวมันได้ เขาก็จะหาสมุนไพรล้ำค่าที่สุดของที่นี่กลับไปแทน แล้วเขาก็จะได้ไม่กลับไปมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม หากมันต้องใช้เวลามากกว่าสิบวันในการปลดผนึก นั่นเท่ากับเป็นเวลาสิบปีในโลกภายนอก ถ้าเป็นคนธรรมดา พวกเขาคงทำได้แค่ถอนหายใจอย่างไร้ความหวัง
ดังนั้น คนทั่วไปจึงทำได้แค่เก็บเกี่ยวสมุนไพรธรมมดาที่ไม่ต้องปลดผนึก
ครึ่งวันต่อมา หลิงฮันสำรวจภูเขาเกือบครบทั้งลูกแล้ว ในท้ายที่สุดแววตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นและเผยสีหน้าตกตะลึง
“มันมีผลราชาพิรุณสีชาดอยู่ที่นี่จริงด้วย!” หลิงฮันส่งเสียงหัวเราะ
ด้านหน้าเขามีต้นไม้ที่สูงกว่าสูงสิบฟุต ลำต้นของมันมีสีแดงและมีใบไม้เป็นเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้แล้วมีผลอยู่ท่ามกลางใบเหล่านั้น
หลิงฮันรู้สึกมีความสุด แม้ว่าผลราชาพิรุณสีชาดจะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็มีขนาดใหญ่มาก หากเขานำไปปลูกในหอคอยทมิฬต่อมันน่าจะโตเต็มที่ในอีกสามหรือห้าปีข้างหน้า
มันเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่!
มันมีผลราชาพิรุณสีชาดทั้งหมดยี่สิบเจ็ดผล ซึ่งหนึ่งผลจะสามารถปรุงเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้หนึ่งเม็ด นั่นเท่ากับว่าเขาสามารถปรุงเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้ทั้งหมดยี่สิบเจ็ดเม็ด ในกรณีที่ปรุงยาสำเร็จและไม่ล้มเหลว
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ใครจะสามารถปรุงยาสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกกัน?
หลิงฮันลูบมือและเริ่มที่จะปลดผนึกของผลราชาพิรุณสีชาด