หนึ่งวัน สองวัน สามวัน… เวลาค่อยๆผ่านไป
ผนึกของผลราชาพิรุณสีชาดยากเกินกว่าที่หลิงฮันคิดไว้ หลังจากผ่านไปยี่สิบวันเขาก็ยังปลดผนึกไม่สำเร็จ แต่ในระยะเวลาหลายวันบนภูเขาสมุนไพรแห่งนี้กับการที่เขาเข้าไปทำความเข้าใจใต้ต้นสังสารวัฏ ทำให้ระดับพลังของเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้น
ระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ชั้นสูง!
ตราบใดที่เขาพัฒนาพลังไปได้อีกขั้น เขาก็จะบรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของระดับภูผาวารี เมื่อพลังต่อสู้ของเขาจะกลายเป็นสิบดาว พลังของเขาก็จะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นต้น
“คาดไม่คิดถึงจริงๆ!” หลิงฮันส่ายหัว ผนึกยังไม่ถูกปลดเสียที แต่เป็นพลังบ่มเพาะของเขาที่เพิ่มสูงขึ้น
แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ พวกเขากินเม็ดยาอยู่ทุกวัน ที่สำคัญคือเขามีต้นสังสารวัฏเป็นตัวช่วยด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่การพัฒนาของเขาจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า
การพัฒนาของสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินก็รวดเร็วเช่นกัน หูเฟยหยินนั้นบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว การบ่มเพาะพลังของนางเรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เมื่อกลับไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็งบางทีนางอาจจะได้เลื่อนเป็นศิษย์หลัก
ส่วนหูเฟยหยินนั้น นางได้บรรลุเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์
นางเป็นร่างแยกของจักรพรรดินีแห่งดารา ที่จริงนางเคยผ่านการบ่มเพาะพลังระดับนี้มาเก้าครั้งแล้ว แต่เมื่อเจอกับบททดสอบสวรรค์นางก็ยังกระโดดเผ่นหนีด้วยความกลัวอยู่ดี
เมื่อจักรพรรดินีแห่งดาราไม่ควบคุมร่าง นางก็ไม่สามารถต่อสู้ได้
ยกตัวอย่างเช่นจอมยุทธส่วนน้อยเช่นอัจฉริยะหนึ่งดาวหรือสองดาวนั้น พวกเขาจะสามารถสู้กับจอมยุทธที่ระดับพลังเหนือกว่าเขาหนึ่งหรือสองขั้นเล็กได้ ในขณะที่จอมยุทธส่วนใหญ่จะสู้ได้เพียงศัตรูที่มีระดับพลังเท่าตัวเอง ส่วนหูเฟยหยินน่ะรึ? ช่างน่าอายยิ่งนัก!
พลังต่อสู้ของนางต่ำกว่าระดับพลังของตัวเองอย่างน้อยหนึ่งหรือสองดาว ซึ่งเรียกว่าเป็นพลังต่อสู้ติดลบของจอมยุทธแสนโง่งม
“ข้าไม่ได้โง่ ข้าแต่ไม่ชอบสู้รบ!” นางโต้แย้งทันที แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังถูกหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่หยอกล้ออยู่ดี ขนาดจักรพรรดิจอมอสูรก็ยังหัวเราะนาง
เพียงแต่ว่าต่อให้พลังต่อสู้จะติดลบ แต่รากฐานของนางนั้นแข็งแกร่งมาก รากฐานของนางนั้นมั่นคงกว่าจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดคนไหนๆ
สุ่ยเยี่ยนยวี่อิจฉาเป็นอย่างมาก นางรู้ตัวนางดีว่าต่อให้นางพยายามมากแค่ไหนนางก็ไม่สามารถบรรลุระดับสมบูรณ์ได้ แต่หูเฟยหยินกลับบรรลุได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
“ภรรยาข้าอย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจไป ตัวนางนั้นเป็นกรณีพิเศษ!” หลิงฮันกล่าวปลอบใจ
สุ่ยเยี่ยนยวี่จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว นางทำได้เพียงมองไปยังท่าทีอันไร้เดียงสาของหูเฟยหยินและทำใจยอมรับ
อีกสิบวันต่อมาในที่สุดหลิงฮันก็ปลดผนึกได้สำเร็จ เขานำสมุนไพรอันแสนล้ำค่าเข้าไปปลูกในหอคอยทมิฬ
เมื่อสมุนไพรถูกปลูกในหอคอยทมิฬก็หมายถึงสมุนไพรต้นนี้เป็นของเขาอย่างแท้จริงแล้ว
หลิงฮันอารมณณ์และหอมแก้มสุ่ยเยี่ยนยวี่ก่อนจะกล่าว “ทำงานใหญ่สำเร็จ ข้าขอรางวัลหน่อย”
“เจ้าบุรุษไร้ยางอาย รับฝ่าเท้าของนายท่านไปกิน!” ทันใดนั้นเขาเสียงตะโกนอันเต็มเปี่ยมไป้วยพลังก็ดังขึ้น พวกเขาเห็นเงาสีเงากระโจนเข้ามาด้วยความเร็วสูง
แม้จะพูดว่า ‘รับฝ่าเท้าไปกิน’ แต่ขนาดของเงาสีขาวนี้ดูแล้วไม่ใช่มนุษย์แน่นอน
หลิงฮันต้องการจะหลบแต่ก็สายเกินไป เขาใช้ทักษะบัญญัติดาบไวโต้ตอบกลับไปทันที
ปัง!
นิ้วของเขาที่ใช้แทนดาบสัมผัสถูกเงาสีขาว ‘ตูม’ คลื่นสะท้อนและสายลมที่รุนแรงปะทุพัดไปทั่วทิศทางส่งผลให้พวกสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินกระเด็นล่าถอย
หลิงฮันมองไปยังรูปร่างของเงาสีขาวและอดแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้
มันไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นต้นสมุนไพร รูปร่างของมันเหมือนกับโสมที่มีแขนและขาอย่างละสองข้างงอกออกมา ที่บริเวณหัวรูปร่างโสมของมันก็มีใบหน้าประดับอยู่
เหลือเชื่อ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่เติบโตจนถึงขั้นสมบูรณ์!
“เจ้าตัวประหลาด ยอมเข้ามาอยู่ในหม้อเสียดีๆ!” หลิงฮันหัวเราะ การที่สมุนไพรต้นนี้เติบตนมาจนถึงขั้นนี้ได้ ระดับของมันจะต้องสูงมากแน่ๆ บางทีแค่กินเข้าโดยตรงอาจจะทำให้ขั้นพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งถึงสองขั้น?
“เจ้าบุรุษอัปลักษณ์ คิดจะกินท่านปู่ผู้นี้ยังเร็วไปแปดร้อยปี!” โสมร่างมนุษย์ตะโกนด้วยความโกรธ “ปล่อยมือจากสตรีผู้นั้นซะ ท่านปู่ผู้นี้จะสานต่อเอง!”
หลิงฮันกล่าวสบถ “เจ้าเป็นแค่โสมแก่ คิดจะมายุ่มย่ามกับภรรยาของข้ารึ?”
“ใครบอกว่านางเป็นภรรยาเจ้า นางจะตกเป็นของท่านปู่ผู้นี้ต่างหาก!” โสมมนุษย์ไม่ยินยอมอ่อนข้อ มันขยายร่างและโจมตีหลิงฮัน
มันไม่ได้แข็งแกร่งแต่รวดเร็วมาก หลิงฮันต้องใช้ทักษะบัญญัติดาบไวในการตอบโต้ ทักษะดาบฟ้าคำรามนั้นไม่รวดเร็วเท่าบัญญัติดาบไว ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่ได้ใช้มัน
‘ปัง ปัง ปัง’ โสมมนุษย์โจมตีอย่างต่อเนื่อง มันไม่ได้โจมตีด้วยพลังปราณแต่เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ โซ่นับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
โสมมนุษย์กระหน่ำโจมตีใส่หลิงฮันรอบด้าน การเคลื่อนไหวของมันนั้นราวกับสายฟ้า มันรวดเร็วจนน่ากลัว
“เจ้าโสมเฒ่า ข้าจะกินเจ้าให้ได้!” หลิงฮันใช้นิ้วแทนดาบโต้ตอบอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ต้องการทำให้สมุนไพรต้นนี้บาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าที่มันเติบโตจนมีสติปัญญาและแขนขาเช่นนี้ ประสิทธิภาพของมันจะต้องยอดเยี่ยมมากเป็นแน่
สมุนไพรมีอายุขัยที่ยาวนานกว่าจอมยุทธ สมุนไพรระดับหนึ่งมีอายุไขพอๆกับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้น หรือก็คือมันมีอายุยืนยาวถึงล้านปี
สมุนไพรระดับสูงนั้นยากมากที่จะกำเนิดขึ้นมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้พวกมันเกิดขึ้นได้ก็คืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์
ดังนั้นที่สมุนไพรจะมีแขนขางอกออกมาและมีสติปัญญาได้ พวกมันคงมีอายุมานานมากจนนับไม่ไหว ด้วยการที่มันมีสติปัญญาทำให้มันค่อยๆบ่มเพาะตัวเองอย่างช้าๆจนในที่สุดก็สามารถใช้ขาเดินไปมาได้อย่างอิสระและเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
โสมเฒ่าต้นนี้จะต้องเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าหาที่เปรียบไม่ผิดแน่
“เหอะ! เจ้าเด็กโง่ เอาฝ่าเท้าของท่านปู่ไปกินแทนเถอะ!” โสมเฒ่าเตะเท้าโจมตี เท้าของมันผสานไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันน่าสะพรึงกลัว
โสมเฒ่ามีการโจมตีและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ในขณะที่หลิงฮันมีพลังป้องกันที่ทนทานและการโจมตีที่รุนแรง เมื่อทั้งสองสู้กันผลลัพธ์จึงยากที่จะมีฝ่ายใดชนะ ยิ่งสู้การปะทะก็ยิ่งดุเดือด
สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินตกตะลึง โสมเฒ่าต้นนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
บ้าชัดๆ!
“นี่ น้องชายฮัน เจ้าจะว่าอะไรรึไม่หากข้าขอเป็นคนลงมือ?” เสียงอันอ่อนโยนฟังแล้วลื่นหูดังขึ้น
ร่างอันบอบบางของสตรีเดินปรากฏตัว นางตัวเตี้ยกว่าหลิงฮันมาก ผมดำของนางยาวสลวยราวกับน้ำตกและสวมชุดคลุมสีขาวไร้การตกแต่งใดๆที่ช่วยขับให้ใบหน้าอันงดงามของนางโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
นางคือเฉินจู๋เอ๋อ ศิษย์ระดับราชาของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง!
แม้นางจะกล่าวขออนุญาตแต่เมื่อกล่าวจบนางกับลงมือโดยไม่รอฟังคำตอบ นางคว้ามือไปยังโสมเฒ่า
“สาวงามมม!” โสมเฒ่าดวงตาเปล่วงประกายและกระโดดเข้าไปยังหน้าอกของเฉินจู๋เอ๋อ
“จะ เจ้าโสมโรคจิต!” เฉินจู๋เอ๋อตะลึง ตอนนี้นางเพิ่งมาถึงนางพบว่าโสมเฒ่าต้นนี้ที่มีแขนขาและสติปัญญาจะต้องเป็นยาบำรุงชั้นเลิศแน่นอนนางจึงลงมือคว้ามันทันที แต่นางไม่คิดว่าโสมเฒ่าต้นนี้จะเลวร้ายขนาดนี้
จู่โจมที่หน้าอก… ช่างไร้ยางอาย!