จูเทียนตกตะลึง
จอมยุทธระดับภูผาวารีสามารถระเบิดความเร็วที่เหนือกว่าตัวเขา… เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยรึ?
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ระยะห่างของเขากับหลิงฮันค่อยๆห่างกันออกไปเรื่อยๆ
‘คิดถูกแล้ว’
จูเทียนกล่าวในใจ เขาให้พรรคพวกอีกคนไปดักรอไม่ให้หลิงฮันเข้าโรงประมูลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลิงฮันรู้ว่าความเร็วเช่นนี้ไม่สามารถคงสภาพเอาไว้ได้นาน มันก็เหมือนกับศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลังที่จะระเบิดพลังออกมารวดเดียวในระยะเวลาสั้นๆ
ความเร็วเช่นนี้อาจะคงอยู่ได้เพียงระยะเวลาราวๆธูปครึ่งดอก
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเขาทำความเข้าใจทักษะก้าวย่างไล่ตามดาราได้ไม่สมบูรณ์ ถ้าเข้าเชี่ยวชาญทักษะนี้จนถึงแก่นแท้ ความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ผ่านไปไม่นานความเร็วของหลิงฮันก็ลดลง แต่เขาก็มาถึงตีนเขาเรียบร้อยแล้ว เมืองได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า
อีกนิดเดียวเท่านั้น
“ฮันหลิง หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงคำรามอันเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับร่างของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอีกคนที่ปรากฏตัวออกมาขวางทางหลิงฮัน
“ถ้าข้าไม่หยุดเจ้าจะทำอย่างไร?” ร่างของหลิงฮันพลิ้วไหวและพยายามจะวิ่งอ้อม
“น่าขัน หยูซื่อผู้นี้อยู่ตรงหน้าแล้ว คิดว่าเจ้าจะผ่านไปได้?” จอมยุทธระดับสุริยันจันทราแสยะยิ้มและปล่อยฝ่ามือไล่ตามการเคลื่อนไหวของหลิงฮัน พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำช่วงปลาย มือของเขาที่โจมตีออกไปอีดแน่นไปด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวของระดับสุริยันจันทรา
ที่นี่ไม่ใช่เขตแดนลี้ลับที่พลังของระดับสุริยันจันทราหรือสูงกว่าจะถูกผนึกห้ามใช้
หลิงฮันกำหมัดและชกโต้ตอบ
อะไรกัน นี่เจ้าแส่หาที่ตายรึไง?
หยูซื่ออุทานในใจ จอมยุทธตัวเล็กๆอย่างระดับภูผาวารีกล้าตอบโต้การโจมตีของระดับสุริยันจันทราจริงๆรึ… นี่เขาต้องกล้าหาญขนาดไหนกัน? เขาเค้นเสียงและลดพลังโจมตีให้ลดลงเพื่อไม่ให้เผลอสังหารหลิงฮัน
หลิงฮันนั้นเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ถ้าหลิงฮันถูกสังหารเขาจะต้องถูกลงโทษแน่นอน
หมัดของหลิงฮันกระแทกเข้าใส่ฝ่ามือขนาดใหญ่ ‘ตูม’
คลื่นกระแทกที่รุนแรงปะทุขึ้นมา หินรอบด้านถูกบดขยี้เป็นเศษซาก
หยูซื่อแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อออกมา หมัดของหลิงฮัน… สามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้!
เรื่องแบบนี้…
“ขั้นสมบูรณ์สูงสุด เจ้าบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว!” เขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ถูก
ระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์คือคุณสมบัติของราชา แต่ก็อย่างนั้นก็ใช่ว่าราชาทุกคนจะสามารถบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดได้ ทุกๆก้าวบ้วนแต่เต็มไปด้วยความยากลำบาก
แต่พลังของหลิงฮันกลับบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว!
และขั้นสมบูรณ์สูงสุดก็หมายถึงเขามีพลังที่สามารถสู้ข้ามระดับใหญ่ได้!
พลังของเจ้าเด็กนี่ในตอนนี้คือเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แม้ตัวเขาจะมีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นต้นช่วงปลายก็ยังอดหวั่นเกรงพลังของหลิงฮันไม่ได้ เมื่อครู่ที่เขาลดลงพลังโจมตีของตัวเองลงมาทำให้การโจมตีของพวกเขาเสมอกัน
“เหอๆ ก็แค่เรื่องง่ายๆ เจ้าไม่ต้องชื่นชมข้าก็ได้” หลิงฮันยิ้ม
“ฮึ่ม แม้จะเป็นขั้นสมบูรณ์สูงสุด พลังของเจ้าก็เทียบเท่าเพียงระดับสุริยันขั้นทราขั้นต้นทั่วไป ข้ายังเหนือกว่าเจ้าอยู่ดี!” หยูซื่อกล่าว แบบนี้คก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้โจมตีออกไปเต็มที่โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอสังหารหลิงฮัน
เขารีดเค้นพลังระดับสุริยันจันทราและปลดปล่อยรูปแบบอาคมออกมา พลังต่อสู้ของเขาถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่
“เจ้าหนู วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าความแตกต่างระหว่างระดับภูผาวารีกับระดับสุริยันจันทรานั้นไม่ใช่แค่พลัง แต่ความเชี่ยวชาญในการใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เองก็เหมือนกัน!”
‘ตูม’ เขาปล่อยหมัดออกไป รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์พัวพันกำปั้นของเขาก่อให้เกิดอำนาจที่ทรงพลัง
หลิงฮันตอบโต้หมัดของอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก ร่างของเขาลอยกระเด็นพร้อมกับกระอักโลหิต
เขากัดฟันลุกขึ้นยืนขึ้นมา อีกฝ่ายพูดถูกแล้ว ระดับสุริยันจันทราแข็งแกร่งกว่าระดับภูผาวารีเนื่องจากความเชี่ยวชาญในการใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ เขาขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้ว ตามหลักนั้นพลังต่อสู้ของเขาน้อยกว่าอีกฝ่ายเพียงสองดาว แต่ในการความเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ความต่างของพวกเขานั้นกว้างใหญ่ไพศาล
ทำไมถึงกล่าวว่าพลังต่อสู้สิบดาวของระดับภูผาวารีสามารถต่อกรกับระดับสุริยันจันทราขั้นต้นได้? นั่นเพราะหากเป็นจอมยุทธที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา ความเข้าใจในอำนาจแห่งเกณฑ์จะยังคงใกล้เคียงกับระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์สูงสุด
หลิงฮันพยายามตอบโต้แล้ว แต่พลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขาอย่างแท้จริง
เขาใช้ทักษะก้าวย่างไล่ตามดาราเข้าช่วย แม้จะไม่สามารถระเบิดความเร็วเต็มที่ได้แล้ว แต่เขาก็ยังหลบหลีกไม่ให้โดนการโจมตีได้
หยูซื่อโจมตีด้วยท่าทีไม่รีบร้อน อีกไม่นานจูเทียนก็จะตามมาถึงแล้ว พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายคือระดับสุริยันขันทราขั้นต้นช่วงสูงสุด เมื่อถึงตอนนั้นแม้เขาจะไม่ลงมือช่วย อีกฝ่ายคนเดียวก็สามารถจับกุมหลิงฮันได้
ตราบใดที่สามารถจับกุมหลิงฮันเอาไว้ได้ การประมูลก็จะไม่ถูกจัดขึ้น เขาเชื่อว่าสมบัติล้ำค่าเช่นหยดเซียบนหยวน หลิงฮันไม่มีทางมอบให้ร้านค้าตระกูลโม่ไปก่อนล่วงหน้าแน่
เป็นอย่างที่หยูซื่อคาดการณ์ ผ่านไปไม่นานจูเทียนก็มาถึง แม้ความเร็วของเขาจะไม่เท่าหลิงฮัน แต่เขาก็มาช้ากว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ฮ่าๆๆ ดูสิว่าทีนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้!” จูเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ จอมยุทธระดับสุริยันจันทราเช่นเขาปล่อยให้จอมยุทธระดับภูผาวารีเล็ดลอดหลุดมือได้ได้ถือว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ตกลง ข้าจะกลับนิกายไปกับพวกเจ้า”
จูเทียนกับหยูซื่อมองหน้ากัน พวกเขาจ้องหลิงฮันโดยไม่ยอากจะเชื่อว่าหลิงฮันจะว่าง่ายเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในเมื่อหลิงฮันยังไม่ได้เข้าไปในเมืองก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะส่งมอบหยดเซียนหยวนให้กับร้านค้าตระกูลโม่ นั่นก็หมายถึงภารกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว?
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว!” ทั้งสองกล่าวด้วยใบหน้ามืดมน
หลิงฮันไม่มีท่าทีวิตกกังวลแม้แต่น้อยทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกสับสน หลิงฮันหลบหนีล้มเหลวแท้ๆทำไมถึงได้มีท่าทีสงบเช่นนี้?
ไม่เข้าใจเลย
ทั้งสองคนกลับนิกายไปยังภูเขาหลัก จอมยุทธระดับสุริยันจันทราสองคนเดินขนาบข้างหลิงฮันเอาไว้ พวกเขาเตรียมตัวระเบิดการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาตลอดเวลาในกรณีที่หลิงฮันตั้งใจจะหลบหนี
แต่ถึงอย่างหลิงฮันกลับไม่มีแผนการจะหลบหนีแม้แต่น้อย กลับกันเขายิ้มและกล่าว “เจ้ากำลังคิดอยู่ใช่รึไม่ว่าทั้งๆที่ข้าไม่สามารถส่งมอบหยดเซียนหยวนให้ร้านค้าโม่ได้แท้ๆ แต่เหตุใดข้าถึงมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้?”
หยูซื่อและจูเทียนจะงัก เป็นอย่างที่ว่า พวกเขารู้สึกสงสัยจริงๆ แต่ที่แปลกก็คือทำไมหลิงฮันถึงเป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเอง
“เหอะ นั่นก็เพราะเจ้ารู้ตัวอยู่แล้วไงล่ะว่าแผนการของเจ้าล้มเหลว จึงคิดจะมอบหยดเซียนหยวนให้พวกข้าแต่โดยดี เจ้าคงตระหนักแล้วว่าด้วยพลังของตัวเองคงไม่สามารถเก็บหยดเซียนหยวนเอาไว้ได้!” หยูซื่อกล่าวอย่างเย็นชา
หลิงฮันยิ้ม “ฮ่าๆ เจ้ารู้รึไม่ว่าข้ามีทั้งสหายและลูกศิษย์ ที่จริงข้าเป็นเพียงตัวล่อที่ปรากฏตัวให้พวกเจ้าไล่ตามเท่านั้น ตอนนี้คาดว่าลูกศิษย์ของข้าคงจะมอบหยดเซียนหยวนถึงมือร้านค้าตระกูลโม่แล้ว!”