จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะคลายพลังที่ปกปิดใบหน้า เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง โดยเฉพาะเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ แม้รูปลักษณ์ภายนอกของฮูหนิวจะไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดินี แต่ถ้าเป็นเรื่องของเสน่ห์นั้นด้อยกว่ามาก
นั่นเป็นเพราะฮูหนิวยังเป็นเด็ก แต่ในอนาคตเสน่ห์ของฮูหนิวจะต้องไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะมอง ความงามของนางเป็นเหมือนกับหายนะ ยิ่งมองนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้เขาเริ่มลืมคนอื่นๆและทำได้แค่จ้องมองนางเพียงคนเดียวเท่านั้น
นี่คือเสน่ห์ของจักรพรรดินี
“ข้าอยากจะถามอะไรบางอย่างจากเจ้า” จักรพรรดินีเริ่มพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านมีเรื่องจริงจังคุยกับข้างั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มและมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า
จักรพรรดินีรู้ว่าหลิงฮันกำลังจ้องมองมาที่นาง ช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกอึดอัดใจ
จักรพรรดินียกมือขึ้นให้หยุดและพูดว่า “ใช่ ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะถามเจ้า!”
เมื่อมองเห็นความจริงจังของนาง ท่าทีของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“ท่านต้องการถามอะไร?” หลิงฮันถาม
“เกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียน!” จักรพรรดินีกล่าวและเผยสีหน้าซับซ้อน ทั้งโดดเดี่ยวและโกรธเกรี้ยว
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เข้าไปที่หอคอยทมิฬกันก่อน พวกเราจะพูดคุยกันในนั้น”
เมื่อได้ยินที่หลิงฮันพูดช่วยไม่ได้ที่นางจะเป็นกังวล เพราะภายในหอคอยทมิฬหลิงฮันคือผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เหตุการณ์ครั้งก่อนยังทำให้นางกลัว
หลิงฮันหันหน้าและพูดว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นคนชั่วร้ายงั้นหรือ?”
จักรพรรดินีไม่ตอบ แต่ใบหน้าของนางก็แสดงให้เห็นคำตอบชัดเจนแล้ว
ตุบ
หลิงฮันนั่งลงบนพื้นและพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อท่านไม่ไว้ใจข้าขนาดนั้น หลังจากนี้ท่านก็ห้ามไปฝึกฝนบ่มเพาะพลังข้างในนั้นอีก!”
“หึ่ม ภายใต้สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นปฐพีและผู้คนคือของของข้า! ดังนั้นทุกอย่างที่เป็นของเจ้า มันก็คือของของข้า ข้าแค่อนุญาตให้เจ้าครอบครองมันเท่านั้น!” จักรพรรดินีกล่าวอย่างหยิ่งยโส”ดังนั้น เจ้าอย่าได้เข้าใจอะไรผิด!”
เมื่อเห็นท่าทางที่หยิ่งยโสของนาง มันทำให้เขาอยากจะสยบนางมากยิ่งขึ้น
และดูเหมือนว่ายิ่งนางทำตัวหยิ่งยโสมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้นางดูมีเสน่ห์ที่สูงส่งมากขึ้นเท่านั้น
หลิงฮันยับยั้งความรู้สึกดังกล่าวและพูดว่า “ก็ได้ ข้ายอมท่าน แล้วท่านอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียน?”
จักรพรรดินีดูลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “บรรพบุรุษของข้า…มาจากดินแดนแห่งเซียน!”
ว่าไงนะ!
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงและพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านสืบเชื้อสายมาจากเผ่าสวรรค์โบราณ หรือว่าเผ่าสวรรค์โบราณทุกคนจะมาจากดินแดนแห่งเซียน?”
จักรพรรดินีพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ เผ่าสวรรค์โบราณทุกคนถูกเนรเทศออกมาจากดินแดนแห่งเซียนมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะสายเลือดของพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง”
หลิงฮันประหลาดใจที่เห็นจักรพรรดินีพูดถึงดินแดนแห่งเซียน เขาถอนหายใจและพูดว่า “ท่านตอบว่าใช่ แล้วท่านได้ถูกเนรเทศมาหรือไม่?”
“สงครามที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งเซียนได้ส่งผลกระทบต่อดินแดนแห่งเซียนทั้งหมด ในสงครามครั้งนั้นมีจอมยุทธหลายคนที่ต้องจบชีวิตลง และหลังจากสงครามฝ่ายที่พ่ายแพ้ต่างก็ถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน” จักรพรรดินีไม่ตอบคำถามและกล่าวต่อ
หัวใจของหลิงฮันเต้นเร็วขึ้นทันที นี่เป็นความลับที่น่าตกใจมาก
“ดังนั้น ท่านจึงอยากกลับไปที่ดินแดนแห่งเซียนอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม
จักรพรรดินีพยักหน้าเล็กน้อย “การกลับไปที่ดินแดนแห่งเซียนคือความเชื่อของเผ่าเก้าอสรพิษที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” จักรพรรดินีมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เด็กสาวตัวน้อยคนนั้นน่าจะเป็นลูกหลานของขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งเซียน”
นางหมายถึงฮูหนิว
“ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์” หลิงฮันกล่าว
“เรื่องพวกนั้นมันเก่าแก่เกินไป บันทึกเกี่ยวกับดินแดนแห่งเซียนในตระกูลข้าเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น” จักรพรรดินีถอนหายใจ “ในดินแดนบรรพบุรุษของเผ่าเก้าอสรพิษนั้นมีสระเก้าอสรพิษอยู่ เผ่าเก้าอสรพิษทุกคนจะต้องไปที่นั่นเพื่อกระตุ้นพลังทางสายเลือดให้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ สำหรับเผ่าเก้าอสรพิษแล้ว นี่คือมรดกสำคัญที่สุดของเผ่าพันธุ์”
“ดังนั้น จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของท่านในการกลับไปที่ดินแดนแห่งเซียนคือเพื่อไปเอาสระเก้าอสรพิษ?” หลิงฮันถาม
“ข้าไปเอามันไม่ได้” จักรพรรดินีส่ายหัวและพูดว่า “สระเก้าอสรพิษคือส่วนหนึ่งของร่างกายบรรพบุรุษเผ่าเก้าอสรพิษ ซึ่งศพของบรรพบุรุษจะถูกฝังอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ เมื่อกาลเวลาผ่านไปศพของบรรพบุรุษคงจะผนวกเข้ากับภูเขาและแม่น้ำไปแล้ว ข้าไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันได้”
“ถ้างั้น ถ้าท่านต้องการให้เผ่าเก้าอสรพิษต้องการกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ท่านก็ต้องกลับไปที่ดินแดนบรรพบุรุษเท่านั้น?” หลิงฮันถาม
“ใช่” จักรพรรดินีเผยสีหน้าโดดเดี่ยว “แต่ตอนนี้ทั้งเผ่าเก้าอสรพิษเหลือแค่ข้าเพียงคนเดียว”
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล!” หลิงฮันเอื้อมมือออกไปเพื่อโอบไหล่จักรพรรดินี “ในอนาคต พวกเราจะมีลูกหลานด้วยกันมากมายและตระกูลเก้าอสรพิษของพวกเราก็จะเติบโตมากยิ่งขึ้น”
เพี๊ยะ มือของหลิงฮันยังไม่ทันแตะที่ไหล่ของนาง เขาก็ถูกจักรพรรดินีตบ แต่โชคยังดีที่นางไม่ได้ตบแรง มิฉะนั้นกระดูกของเขาคงหักไปแล้ว
“อย่าทำเป็นเรื่องตลก!” จักรพรรดินีดุ
หลิงฮันหัวเราะ ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนั้นกับจักรพรรดินี ศพของคนผู้นั้นคงไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า แต่นางแค่ตบเขาเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินียังมีใจให้เขา
ปากร้าย แต่ใจดี ยิ่งทำให้ข้าชอบเข้าไปใหญ่
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราจะไปที่ดินแดนแห่งเซียนด้วยกัน!”
จักรพรรดินีคิดชั่วครู่และพูดว่า “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะทำอะไร แต่เจ้าจะต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา!”
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีวิธีของข้าอยู่แล้ว!” หลิงฮันกล่าว “จะว่าไปแล้วดินแดนแห่งเซียนเป็นที่แบบไหน?”
“แดนสวรรค์ในตำนาน จอมยุทธสามารถมีอายุขัยไม่มีขีดจำกัด” จักรพรรดินีกล่าว
“อายุขัยที่ไม่มีขีดจำกัด เมื่อใดที่เกิดความขัดแย้งขึ้นและก่อให้เกิดสงครามก็ไม่มีทางที่จะควบคุมได้” หลิงฮันคิด
เช่นนั้น ในเมื่อสงครามได้ปะทุไปแล้ว มันก็อาจเกิดสงครามครั้งที่สองหรือครั้งที่สามเกิดได้
ดูเหมือนดินแดนแห่งเซียนจะไม่ใช่แดนสวรรค์ในตำนานอีกต่ไป
“ส่วนเรื่องจักรวรรดิต้าหลิงของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลให้อย่างดี” จักรพรรดินีกล่าวอีกครั้ง จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อและพูดว่า “ข้าจะไปแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน…” หลิงฮันกล่าว
จักรพรรดินีหยุดและหันหลังกลับไปมองด้วยสีหน้าสงสัย
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าอาจต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะพบท่านอีกครั้ง อย่างน้อยขอให้ข้ากอดหน่อยได้หรือไม่?”
จักรพรรดินีมองตาขาวใส่หลิงฮันและปลดปล่อยพลังปราณปกปิดใบหน้าของตัวเอง จากนั้นก็พูดกลับไปว่า “ฝันไปเถอะ!”