เม็ดยาชำระล้างกระดูกเป็นหนึ่งในเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดชั้นยอด ซึ่งไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังหลอมได้ยากลำบากมากด้วย
ปรมาจารย์หลี่…ไม่สามารถหลอมได้!
ตำหนักเป่าหลินนั้นทรงพลังมากและชายชราอย่างเขาก็สามารถพูดอย่างตรงไปตรงมาได้ว่า เขาได้รับความไว้วางใจจากตำหนักเป่าหลินมาก เขาจึงมีสิทธิ์เรียนรู้สูตรปรุงยามากมาย
ถึงเม็ดยาชำระล้างกระดูกจะเป็นเม็ดยาโบราณ แต่ตำหนักเป่าหลินก็มีเหมือนกัน
ปรมาจารย์หลีเองก็เคยศึกษาเม็ดยากระดูก แต่หลังจากที่เขาทำเตาหลอมระเบิดนับร้อยครั้ง เขาก็ไม่กล้าหลอมอีกต่อไป
เขาทนไม่ได้กับความล้มเหลว!
ถึงนักปรุงยาจะมั่งคั่ง แต่วัตถุดิบที่ใช้ปรุงยาระดับเจ็ดนั้นแพงมาก ทำให้การหลอมแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
เขาไม่อยากจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น แต่เม็ดยาชำระล้างกระดูกเขาไม่สามารถหลอมมันได้จริงๆ ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ถ้าหลิงฮันสามารถหลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูกได้จริง เช่นนั้นไม่ว่าเขาจะหลอมเม็ดยาระดับเจ็ดอะไรขึ้นมา มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
ไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเด็กนี่หลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูกได้!
“ข้าจะหลอมเม็ดยาสี่เมฆาสี่เม็ด!”
นี่คือเม็ดยาระดับเจ็ดที่ยากที่สุดที่เขาสามารถหลอมขึ้นมาได้ ถึงมันจะไม่ดีเท่าเม็ดยาชำระล้างกระดูกก็ตาม
ทั้งคู่จัดเตรียมวัตถุดิบ จากนั้นก็เริ่มปรุงยา
เหอจิงหยุนที่พ่ายแพ้ไปแล้ว ในตอนนี้สีหน้าของเขาดูมีสีสันขึ้นมาทันที ทั้งที่เขาได้รับความอัปยศครั้งใหญ่จากหลิงฮัน เขาควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า มิฉะนั้นมันมีแต่ทำให้ตัวเองอับอายมากยิ่งขึ้น
แต่เขายังไม่อยากจากไป และต้องการดูการประลองด้วยตาตัวเอง เพราะเขาอยากเห็นหลิงฮันพ่ายแพ้
ทว่าเขาก็ค้นพบบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
ความสามารถของหลิงฮันดูเหนือกว่าปรมาจารย์หลีมาก!
ต้องทราบก่อนว่าหลิงฮันหลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูก ซึ่งยากกว่าการหลอมเม็ดยาสี่เมฆามาก แล้วท่าทีที่สงบนิ่งแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร?
ความสามารถของทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
น่าเสียดายที่ปรมาจารย์หลีไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้เลย
เม็ดยาสี่เมฆาสี่เม็ดคือเม็ดยาระดับเจ็ดที่ยากที่สุดที่เขาสามารถหลอมขึ้นมาได้ แต่การที่เขาหลอมมันขึ้นมาได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหลอมสำเร็จทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องระมัดระวังให้มาก
การหลอมเม็ดยาระดับเจ็ดนั้นกินเวลานานมาก อย่างน้อยยี่สิบวัน และถ้าเป็นเม็ดยาระดับแปดคงไม่ต้องพูดถึง กว่าจะหลอมมันเสร็จอย่างน้อยใช้เวลาหนึ่งเดือน
ระหว่างรอพวกเขาทำอะไร? นอกจากผู้คนจากตำหนักเป่าหลินและตำหนักฮันหลิงแล้ว คนอื่นๆต่างกลับไปทำอะไรอย่างอื่น และมันไม่สายเกินไปที่จะกลับมาดูการประลองต่อในอีกสิบวันข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่สิบหก ปรมาจารย์หลีก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เตาหลอมของเขาระเบิด!
ตู้ม!
เสียงก้องกังวานดังอยู่ในเตาหลอม และเตาหลอมก็ระเบิดทันที แต่โชคดีที่มันเป็นการระเบิดที่ไม่รุนแรงนัก มิฉะนั้นประชากรอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของที่นี่จะถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ
ปรมาจารย์หลีพ่ายแพ้ไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงหวังแค่ว่าหลิงฮันจะทำเตาหลอมระเบิด มิฉะนั้นตราบใดที่อีกฝ่ายหลอมเม็ดยาสำเร็จก็จะเป็นผู้ชนะทันที
หลายวันต่อมา หลิงฮันหยุดและปรบมือเปิดฝาเตา แล้วมีเม็ดยาสามเม็ดลอยออกมาพร้อมกับแสง
สมบูรณ์แบบ!
ปรมาจารย์หลีล้มตัวลงกับพื้น อีกฝ่ายหลอมเม็ดยาชำระล้างกระดูกสำเร็จ ถึงเขาจะไม่ทำเตาหลอมระเบิดและหลอมเม็ดยาสี่เมฆาสำเร็จก็ยังแพ้อยู่ดี
หลิงฮันถือเม็ดยาชำระล้างกระดูกสามเม็ดในมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ปรมาจารย์หลี เจ้าต้องการตรวจสอบหรือไม่?”
“ไม่!” ปรมาจารย์หลีสูญเสียความหยิ่งยโสไปจนหมด ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาจับตาดูการปรุงยาของหลิงฮัน เทคนิคที่หลิงฮันใช้ทำให้เขาดูเพลินมาก ราวกับเป็นการไหลของกระแสน้ำและก้อนเมฆ และไม่สามารถละสายตาได้เลย
เขาลุกขึ้นยืนและผลักฝูงชนออกไป จากนั้นก็เดินไปอยู่ด้านหน้าหลิงฮันพร้อมกับโค้งคำนับ
ทุกคนถอนหายใจ นี่คือนักปรุงยาระดับเจ็ดเชียวนะ!
ปรมาจารย์หลีพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะทำตามที่พูดและจะไม่กลับมาที่เมืองต้าหยิงอีก! แต่…ข้าแค่พูดว่าออกจากเมืองต้าหยิงเท่านั้น ไม่ได้พูดว่าจะออกจากตำหนักเป่าหลิน มันก็เหมือนกับข้าย้ายไปอยู่สาขาอื่นเท่านั้น”
ทุกคนต่างคิดว่าตาเฒ่าคนนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ทั้งที่แพ้เขาก็ยังอยู่ตำหนักเป่าหลินต่อเพียงแค่เปลี่ยนสามารถ เช่นนั้นการประลองจะมีความหมายอะไร?
อย่างไรก็ตาม การที่เขาถูกบังคับให้ออกจากเมืองต้าหยิงถือเป็นความเสื่อมเสีย
ผู้คนจากตำหนักเป่าหลินต่างก้มหน้าก้มตา ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขามีโอกาสชนะการประลองครั้งนี้สูงมาก แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช เพราะพวกเขาคงไม่มีทางพานักปรุงยาระดับแปดมาประลองได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่ล่าถอย
การประลองครั้งนี้เป็นการประลองปรุงยา ถึงตำหนักเป่าหลินจะมีจอมยุทธแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถลงมืออะไรได้ นั่นเป็นเพราะมันยังมีกฎที่พวกเขาต้องปฏิบัติตามอยู่
“คำนับปรมาจารย์หลิง!” หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนพาผู้คนของตำหนักฮันหลิงมาโค้งคำนับต่อหลิงฮันเพื่อแสดงความเคารพ
ถึงหลิงฮันจะดูเยาว์วัย แต่เขาก็เป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด
หลิงฮันสมควรได้รับการยกย่อง แต่ทั้งสองคนคือศิษย์ของเขา เขาจึงรีบยกมือขึ้นให้หยุดและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเชิดชูข้าขนาดนั้น”
หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนพาหลิงฮันไปที่ห้องโถงหลัก แน่นอนว่ายังมีผู้คนรวบตัวกันอยู่ด้านนอก นั่นเป็นเพราะหลังจากที่การประลองครั้งนี้จบลง จึงมีจอมยุทธหลายคนแห่กันมาซื้อเป็นยา เนื่องจากชัยชนะของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักปรุงยาและเม็ดยาที่หลอมสำเร็จ
“ปรมาจารย์หลิง เหตุใดท่านถึงช่วยพวกข้า?” หยุนหยงหวังถามด้วยความสับสน
ด้วยพรสวรรค์ด้านปรุงยาของหลิงฮัน เขาสามารถมีอนาคตที่ดีขึ้นได้หากเข้าร่วมตำหนักเป่าหลิน แล้วทำไมเขาต้องเข้าร่วมตำหนักฮันหลิงเล็กๆของพวกเขาด้วย? กระทั่งไม่ลังเลที่จะทำเพื่อตำหนักฮันหลิง
หลิงฮันจิบชา หลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็พูดว่า “ข้ามีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ของพวกเจ้า”
หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนหันไปจ้องมองหน้ากันทันที มีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ของพวกข้า? ต้องทราบก่อนว่าพวกเขาเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และเห็นได้ชัดว่า…ในทวีปฮงเทียนไม่มีทางที่จะมีใครขึ้นมาได้ นอกจากพวกเขาทั้งห้าคน
“หลายปีก่อน ข้ามาจากทวีปฮงเทียนด้วยการเปิดสวรรค์” หลิงฮันตัดสินใจเปิดเผยความลับเล็กน้อย
“หือ!” หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนยืนขึ้นแทบจะพร้อมกันด้วยความตกตะลึง
ทวีปฮงเทียน มันเป็นทวีปฮงเทียน!
“มันเป็นไปได้ยังไง!” คังซิวหยวนส่ายหน้าไปมา จะไม่มีใครรู้ได้อย่างไรว่าทวีปฮงเทียนถูกควบคุมโดยห้านิกายโบราณ อย่าว่าแต่การเปิดสวรรค์เลย ถึงจะเป็นจอมยุทธระดับมิติและจะฝ่าขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะจะถูกค่ายอาคมของห้านิกายโบราณยับยั้งเอาไว้
การเปิดสวรรค์สำเร็จนั่นหมายความว่าผ่านห้านิกายโบราณมาได้ เรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะมีห้านิกายโบราณอยู่? แต่พวกมันสามารถปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียวได้หรือไม่?”
มันเป็นเรื่องจริง?
หยุนหยงหวังและคังซิวหยวนมองหน้ากัน และพวกเขารู้สึกว่าความพยายามตลอดหมื่นปีที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งสามคนจะละลายกลายเป็นน้ำไปแล้ว