หลังจากและเปลี่ยนกระบวนท่ากันไปสักพัก หลิงฮันกับหม่าจางก็หยุดมือพร้อมกัน
พวกเขาไม่ได้สู้กันอย่างเอาจริงเอาจังแต่สู้เพื่อลองเชิงว่าอีกฝ่ายซ่อนอะไรเอาไว้
“เจ้าหนู แล้วเราคงได้พบกันใหม่!” หม่าจางจากไปพร้อมกับทหารอีกสองคน
“แน่นอน พวกเราต้องได้พบกันอีกแน่ เจ้าจะต้องซ่อมสวนแห่งนี้ให้เหมือนเดิม!” หลิงฮันกล่าวตามหลัง
เขามองแผ่นหลังของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้ไล่ตามไป
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็กำลังเร่งรีบเหมือนกันที่มาที่นี่แล้วไม่พบสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ นอกจากเขาก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้เป็นใคร… พวกเขาเป็นคนที่อยู่ภายใต้คนที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพเชี่ย
แม่ทัพเชี่ย? นั่นคงเป็นชี่ยเฉียน หนึ่งในสี่ตระกูลอำนาจใหญ่ของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ผู้นำของพวกเขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ส่วนมีขั้นพลังเท่าใดนั้นไม่มีใครรู้ ถ้าหากตัวตนระดับนั้นไม่เป็นคนบอกจากปากตัวเอง ใครจะสามารถมองเห็นระดับพลังบ่มเพาะของเขา?
หลิงฮันเดินทางออกจากที่นี่ บางทีพวกคังซิวหยวนอาจจะรู้ก็ได้ว่าจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์จะมุ่งหน้าไปที่ไหน หรือบางทีนางอาจจะไปตำหนักฮันหลิงโดยที่พวกเขาสวนทางกัน
สองวันต่อมาเขากลับมาถึงเมืองต้าหยิง
“อาจารย์! ท่านอาจารย์!” คังซิวหยวนตะโกนเรียกทันทีที่เห็นเขา ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิงฮันถาม
“ข้าได้รับจดหมายจากพี่สาว!” คังซิวหยวนยื่นกระหมายให้เขา
หลิงฮันรับมาอย่างไม่รีรอและกวาดสายตาอ่านตั้งแต่ต้นยันจบทันที
เนื้อหาที่เขียนไว้ไม่มีอะไรซับซ้อน
นิกายนกอมตะเมฆากำลังพยายามเพิ่มอำนาจของตัวเองโดยใช้ความช่วยเหลือจากแม่ทัพเชี่ย แต่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์อย่างแม่ทัพเชี่ยจะแยแสนิกายที่มีอำนาจเพียงระดับสุริยันจันทราได้อย่างไร
ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกขอความช่วยเหลือผ่านทางเชี่ยตงหลายซึ่งเป็นหลานคนที่เจ็ดของแม่ทัพเชี่ย
เชี่ยตงหลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดที่โดดเด่นของตระกูลเชี่ย เขามีอายุเพียงหนึ่งแสนปีก็บรรลุระดับสุริยันจันทร์ขั้นสูงสุดแล้วและมีสิทธิ์มีเสียงในตระกูลเชี่ยพอสมควร ถ้าหากเขาทะลวงผ่านระดับดาราได้ เชี่ยตงหลายก็จะกลายเป็นเสาหลักของตระกูลเชี่ย
นิกายนกอมตะเมฆาคิดผูกมิดกับตระกูลเชี่ยผ่านเชี่ยตงหลายที่ว่า
เชี่ยตงหลายที่ถูกเชิญมานิกายนั้นได้ตกหลุดรักสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เพียงแค่ชำเลืองมองครั้งเดียว หลังจากนั้นเองเขาได้ส่งจดหมายมาที่นิกายเพื่อขอสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไปเป็นนางสนมของตน
คนที่มีสถานะเช่นเขาไม่สามารถตัดสินแต่งงานรับใครมาเป็นภรรยาได้ด้วยตนเองแต่ต้องผ่านตระกูลเชี่ย
แน่นอนว่าขุมอำนาจเล็กๆอย่างนิกายนกอมตะเมฆาย่อมไม่มีศิษย์เป็นตัวเลือกในการเป็นภรรยาของเขา แต่ในมุมมองของนิกายนกอมตะเมฆาแค่นางสนมก็คือว่าสูงส่งมากพอแล้ว
ด้วยเหตุนั้นแล้วนิกายนกอมตะเมฆาจึงยอมรับข้อตกลงแต่โดยดี แต่ในด้านของจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ล่ะ?
แม้นางจะไม่ยินยอมและสามารถต่อต้านนิกายนกอมตะเมฆาแต่นางจะสามารถต่อต้านตระกูลเชี่ยที่ยิ่งใหญ่ได้รึ?
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเดินทางไปยังสนามรบสองดินแดน มีเพียงที่นั่นเท่านั้นนางจึงจะได้รับารคุ้มครองที่มีอำนาจเหนือกว่าขอบเขตของตระกูลเชี่ย
ในขณะที่คังซิวหยวนได้รับจดหมายฉบับนี้ จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์คงไปถึงสนามรบสองดินแดนเรียบร้อยแล้ว
หลิงฮันเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก บังอาจบังคับให้สตรีของเขาแต่งงานงั้นรึ? นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการตีท้ายครัวเขาหรืออย่างไงกัน? นิกายนกอมตะเมฆาช่างทุเรศยิ่งนักที่กล้าทำเช่นนี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง!
แล้วก็เชี่ยตงหลายที่คิดแย่งชิงสตรีของเขาไป เขาจะเอาคืนหมอนั่นเป็นสิบเท่า!
“ข้าจะไปสนามรบสองดินแดนเดี๋ยวนี้!” หลิงฮันตัดสินใจทันที สนามรบสองดินแดนเป็นสถานที่ที่ทุกปี ทุกเดือน ทุกอาทิตย์และทุกวันจะมีคนตายนับไม่ถ้วน
จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์มีระดับบ่มเพาะคือสุริยันจันทราขั้นสูงสุด สำหรับสนามรบสองดินแดนแล้วพลังเท่านั้นยังไม่เพียงพอ
ถ้าจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ได้รับบาดเจ็บจากที่นั่นล่ะก็ เขาจะกลับไปถลกหนังเชี่ยตงหลายแน่นอน! ส่วนนิกายนกอมตะเมฆา พวกมันต้องชดใช้ด้วยชีวิต
“อาจารย์ ให้พวกเราไปด้วย!” คังซิวหยวนและหยุนหย่งหวังกล่าว
หลิงฮันส่ายหัว “พวกเจ้าไม่ได้เชี่ยวชาญในศาสตร์วรยุทธ ไปแล้วพวกเจ้าจะช่วยอะไรได้? เอาเวลาไปขัดเกลาทักษะปรุงยาให้ก้าวหน้าขึ้น เมื่อข้ากลับมาหากพวกเจ้ายังไม่ยกระดับเป็นนักปรุงยาระดับหกล่ะก็… คอยดูแล้วกัน!”
“อะไรกัน!” ทั้งอสงคนโอดครวญ การจะยกระดับจากนักปรุงยาระดับห้าเป็นระดับหกจำเป็นต้องสะสมประสบการณ์อย่างน้อยหมื่นปี สำหรับพวกเขาแล้วยังอีกไกล
หลิงฮันไม่สนใจ ตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างตำหนักฮันหลิงกับตำหนักเป่าหลิงถูกแก้ไขแล้ว ต่อให้เขาไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่เพื่อแสดงความจริงใจ เขาจะมอบสูตรเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งให้กับหานซินเหยียนแล้วค่อยเดินทางไปยังสนามรบสองดินแดน
หลิงฮันออกเดินทางคนเดียวโดยไม่รายงานให้พี่ชายทั้งสองของเขาและติงผิงรับรู้ แม้แต่ผู้ติดตามทั้งสี่คนเขาก็ทิ้งไว้ที่เมืองต้าหยิง สนามรบสองดินแดนเป็นสถานที่ที่อันตรายเกินกว่าจะพาเหล่าสหายของเขาไปด้วย
ในหอคอยทมิฬมีเพียงจักรพรรดิจอมอสูรและโสมเฒ่า
แม้ในหอคอยทมิฬจะไร้พลังวิญญาณต่างกันโลกภายนอก แต่สำหรับโสมเฒ่าแล้วตัวของมันต่างออกไปเนื่องจากมันเป็นสมุนไพรที่เกิดจากสวรรค์และปฐพี ซึ่งหอคอยทมิฬมีความสามารถช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชทำให้โสมเฒ่าได้รับผลประโยชน์อย่างมาก
นอกจากนี้ภายในหอคอยทมิฬมันก็จะฝังรากของต้นเองข้างๆต้นสังสารวัฏ ระดับของมันพัฒนารวดเร็วมากจนใกล้จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่โสมเฒ่าจะพยายามบ่มเพาะพลังอย่างหนัก มันมักจะออกมาด้านนอกและเกี้ยวพาราสีสาวๆในเมืองต้าหยิง ตราบใดที่เป็นสตรีที่มีรูปร่างงดงาม สตรีผู้นนั้นก็ยากที่จะหลบหนีโสมเฒ่าพ้น
หลิงฮันมาถึงตำหนักเป่าหลิน เขาสังเกตเห็นว่านักปรุงยาในตำหนักต่างปฏิต่อเขาราวกับเขาเป็นผู้อาวุโสทั้งสิ้น
“ฮ่าๆ ที่เจ้ามานี่คือคิดถึงข้างั้นสินะ?” หลินอวีฉีเดินเข้ามาหาหลิงฮันพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวน
จิตใจของหลิงฮันแน่วแน่ไม่หวั่นไหวต่อความเย้ายวนและกล่าวกลับไป “ข้ามาหาหานซินเหยียนเพื่อมอบตำราเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งให้นาง”
หลินอวีฉีอารมณ์เสียทันที ในสาตาของหลิงฮันนางเป็นสตรีที่ไร้เสน่ห์ขนาดนั้นเลยรึไง?
นางพยายามระงับความโกรธและสะบัดมือให้สาวใช้พาหลิงฮันไปหาหานซินเหยียน
ด้วยการนำทางของสาวใช้ หลิงฮันได้เดินมาถึงสวนหลังตำหนักที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว บริเวณนี้พบเห็นเพียงสาวใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคนนอกอยู่เลยแม้แต่คนเดียว