คลื่นดาบรวดเร็วมาก มันเคลื่อนที่มาถึงเป้าหมายก่อนที่เสียงจะตามมาเสียอีก
หลิงฮันกำหมัดตอบโต้ ‘ตูม’ คลื่นดาบแตกสลายทันที ร่างของคนคนหนึ่งถูกคลื่นหมัดของเขากระแทกเช่นกัน
อีกฝ่ายสามารถสลายพลังหมัดของหลิงฮันได้และร่วงลงพื้นอย่างมั่นคง
อีกฝ่ายเป็นสตรีที่รูปลักษณ์ดูมีอายุในช่วงยี่สิบปี นางมีใบหน้าที่งดงามแต่ดูหยิ่งยโส ดูแล้วนางคงไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลใหญ่แต่เป็นสตรีที่ถูกประคบประหงมโดยนิกาย
ทันใดนั้นได้คนเจ็ดคนเดินตามเข้ามา ทั้งเจ็ดเป็นบุรุษทั้งหมด ในกลุ่มพวกเขามีคนเดียวที่เป็นชายชราผมขาวโดยที่อีกหกคนเป็นรุ่นเยาว์
“ศิษย์น้อง!” รุ่นเยาว์ทั้งหกพุ่งเข้ามาหาสตรีคนนั้นทันที
“ศิษย์น้อง เจ้าไม่บาดเจ็บใช่รึไม่?”
“หมอนั่นทำร้ายเจ้ารึ?”
“ฮึ่ม กล้ามากที่ทำร้ายศิษย์น้องของข้า!”
รุ่นเยาว์เหล่านั้นเอาอกเอาใจสตรีงามพร้อมกับสบถด่าหลิงฮันไปด้วย แววตาของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารและเมินเฉยความจริงที่ว่าสตรีผู้นนั้นเป็นฝ่ายลงมือก่อนไปอย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันอดหัวเราะไม่ได้ สตรีผู้นั้นเป็นคนลงมือก่อนเขาแค่ป้องกันตัวเท่านั้น เขาส่ายหัวและกล่าว “พวกเจ้าไม่รู้สึกว่านางต้องฝ่ายอธิบายและขอโทษข้าบ้างรึไง?”
“อธิบาย?”
“ขอโทษ?”
เหล่ารุ่นเยาว์ยิ้มอย่างเย็นชา ทำร้ายศิษย์น้องของพวกนางแล้วยังคิดจะให้พวกเขาอธิบายกับขอโทษงั้นรึ? หมอนี่ยังสติดีอยู่รึเปล่า?
“ฮึ่ม เจ้ามันพวกนักล่า มีเหตุผลอะไรข้าต้องอธิบายและขอโทษเจ้าด้วย!” สตรีผู้นั้นกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความสงสัยในใจหลิงฮันก็หายไปทันที
เป็นความจริงที่ต่อหน้านักล่าที่ปล้นชิงสังหารผู้อื่นนั้นไม่จำเป็นต้องพูดพล่ามอะไร แต่ส่วนไหนของข้าที่เจ้ามองแล้วเป็นนักล่ากัน?
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นนักล่า?” หลิงฮันส่ายหัว “ตาของเจ้าคงมีปัญหาแล้ว ข้าว่าเจ้าควรดูแลรักษาตาของเจ้าบ้างนะ!”
“เจ้าหัวขโมย แผนที่ในมือของเจ้าเป็นของศิษย์พี่ข้า ถ้าเจ้าไม่ใช่นักล่าเจ้าจะมีมันอยู่ในมือได้อย่างไร?” สตรีผู้นั้นพยายามระงับความโกรธและคำรามใส่หลิงฮัน
“ช่างน่าขัน!” หลิงฮันตะคอกกลับ “ข้าจะบังเอิญสังหารนักล่าแล้วได้ของของพวกมันมาไม่ได้รึไง?”
“เหอๆ หนุ่มน้อย หากเป็นเช่นนั้นก็คืนแผนที่มาให้พวกเราซะ” ชายชราเปิดปากพูด เขากล่าวด้วยน้ำเสียงโทนต่ำแต่อัดแน่นไปด้วยพลัง
ชายชราคือจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง แน่นอนว่าเขาไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตา
หลิงฮันหัวเราะ “ข้าไม่รู้ว่าแผนที่นี้แต่เดิมเป็นของพวกเจ้ารึไม่ แต่ในเมื่อข้าได้มันมาแล้วและพวกเจ้าต้องการได้คืน ทำไมพวกเจ้าไม่พูดจาให้น่าฟังเสียหน่อยล่ะ?”
“ข้าไม่ใช่ทาสบริวารของพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับทำท่าทีสูงส่งใส่ข้า ทำไมข้าต้องคืนให้ด้วย?”
“โอหัง!” รุ่นเยาว์คำราม “แผนที่นั่นเป็นของพวกเรา เจ้าก็ต้องคืนให้พวกเรา?”
หลิงฮันชะงัก “ของพวกเจ้า? แผนที่แผ่นนี้อาจจะถูกเขียนขึ้นเมื่อหลายสิบล้านปีก่อนก็ได้ เกรงว่าเจ้าของมันคงตายไปนานแล้ว เหตุใดมันถึงกลายเป็นของพวกเจ้าได้?”
“เจ้าหนู เจ้ากำลังคิดหาเรื่องใส่ตัวอยู่งั้นรึ?” ชายชรากล่าวด้วยเสียงหนักอึ้ง
“ท่านอาจารย์เจ็ด ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสนทนากับคนเช่นนั้น จัดการเขาเลยดีกว่า!” สตรีผู้นั้นกล่าว
ชายชราครุ่นคิดชั่วครู่และกล่าว “อืม พยายามอย่าทำให้เขาบาดเจ็บล่ะ”
รุ่นเยาว์ทั้งเจ็ดแสยะยิ้ม พยายามอย่าทำให้บาดเจ็บก็หมายถึงแม้จะทำให้บาดเจ็บก็ไม่มีปัญหา
กลุ่มคนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าพวกโจรนักล่าก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะชายชราที่มีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นสูง รุ่นเยาว์ทั้งเจ็ดก็เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเช่นกัน ขั้นพลังของพวกเขาและนางคือขั้นต้นชั้นต่ำไปจนถึงปลาย ไม่มีใครเลยที่บรรลุขั้นกลาง
ถ้าหากพวกเขาไม่มีพลังเช่นนี้ พวกเขาจะกล้าไล่ตามหานักล่าได้อย่างไร?
ดูเหมือนว่าแผนที่แผ่นนี้จะล้ำค่ามากจริงๆ
หลิงฮันครุ่นคิดและนำแผนที่เก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ เขากล่าวอย่างเย็นชา “แม้พวกเจ้าจะไม่ใช่นักล่า แต่นิสัยของพวกเจ้าก็เลวร้ายไม่ต่างกัน ข้าขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย… จงขอโทษข้าซะ!”
“ไร้สาระสิ้นดี เวลาเช่นนี้ยังกล้าขู่พวกข้ารึ?”
“สังหารเขาเลย อุปกรณ์มิติไม่สามารถหนีไปได้อยู่แล้ว!”
“ถูกแล้ว สังหารเขาเลย อย่างไรพวกเราก็เป็นถึงศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์!”
ทั้งเจ็ดคนกล่าวตามๆกัน
นิกายดาบสวรรค์?
จิตสังหารของหลิงฮันทะลักออกมาทันที เขายังไม่ทันได้ตามหาห้านิกายโบราณก็เกิดเรื่องนี้ก่อนเสียแล้ว
ที่แท้ก็เป็นคนของห้านิกายโบราณ… ถึงว่าทำไมช่างยิ่งยโสนัก
เขากล่าวอย่างไม่แยแส “พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะมีผู้หนุนหลังที่เหนือกว่านิกายดาบสวรรค์บ้างรึ?”
“เหอๆ คนที่มีผู้หนุนกลังเขาไม่เดินเผ่นผ่านไปมาคนเดียวหรอก คนเหล่านั้นต้องมีผู้คุ้มกันคอยคุ้มครองอยู่ในเงามืด” รุ่นนเยาว์คนหนึ่งเกรี้ยวกราด นี่คิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่รึไง
“ไหนๆแล้วจะบอกให้แล้วกัน” รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งกล่าวแทรก “พวกข้าที่อยู่ที่นี่ทุกคนล้วนมาจากตระกูลใหญ่ที่มีสัญลักษณ์บ่งบอกชัดเจน!” เขาพับแขนขึ้นเผนให้เห็นสัญลักษณ์ที่สลักเอาไว้ มันมีขนาดเล็กมาก หากไม่สังเกตดีๆคงมองไม่เห็น
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ขอบคุณที่บอก เพื่อเป็นการตอบแทนข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรกให้เอง!”
เขาตั้งใจจะบดขยี้ห้านิกายโบราณอยู่แล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะต้องการสังหารทุกคนในนิกาย เขาคิดว่าในนิกายที่ชั่วร้ายก็ต้องมีคนดีอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงคิดจะยุบห้านิกายทิ้งและสังหารเฉพาะตัวตนระดับสูงของนิกายเท่านั้น คนอื่นๆเขาจะปล่อยให้รอดชีวิต
แต่เมื่อเห็นเหล่าคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว จิตสังหารของเขาก็พลุกพล่านออกมา
“พูดจาใหญ่โต!” ทั้งเจ็ดคนแสยะยิ้ม อย่ามองว่าพวกเขาเป็นรุ่นเยาว์ไร้เดียงสา พวกเขาแต่ละคนต่างบ่มเพาะพลังมาแล้วกว่าสองหรือสามแสนปี มือของพวกเขาเปื้อนเลือดมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะมีความรู้สึกเมตตาต่อเป้าหมาย
“แผนที่สมบัตินั่นล้ำค่ามาก จะให้เจ้ามีชีวิตต่อไปคงไม่ได้!”
“ฆ่า!”
ทั้งเจ็ดคนลงมืออย่างไรความปรานี
หลิงฮันเค้นเสียง เขาใช้หนึ่งนิ้วปล่อยปราณดาบราวกับสายฝนเข้าใส่รุ่นเยาว์ทั้งเจ็ด
ที่เขาไม่สังหารคนเหล่านี้ตั้งแต่แรกไม่ใช่เพราะเขาอ่อนโยนหรือเมตตา แต่เป็นเพราะเขาไม่มีนิสัยของสังหารใครมั่วซั่ว แต่ว่าตอนนี้คนเหล่านี้เป็นฝ่ายแส่หาความตายเองเขาก็ไม่รังเกียจที่จะสนองความต้องการของพวกเขา
“ไม่ดีแล้ว!” เมื่อชายชราเห็นการโจมตีของหลิงฮันเขาก็ตกตะลึงทันที
น่าสะพรึงกลัว… แค่นิ้วนิ้วเดียวกลับสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงเกือบจะเทียบเท่าเขาได้เลย
ต้องรู้ก่อนว่าหลิงฮันทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นกลางแล้ว ด้วยพลังต่อสู้หกดาวของเขาทำให้เขาสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้รุนแรงเท่ากับระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นสูงสุด
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ทั้งเจ็ดคนถูกปราณดาบเชือดเฉือนพร้อมกันและไม่มีใครเลยที่รอดชีวิต
แม้ชายชราจะลงมือแล้วแต่ก็ยังช้าไป เขาทำได้เพียงมองลูกศิษย์ทั้งเจ็ดถูกสังหาร
ทั้งเจ็ดคนนี้คืออัจฉริยะที่นิกายฟูมฟักมาเป็นเวลากว่าสองถึงสามแสนปี!
โลหิตในใจของชายชราแทบจะไหลหยดออกมา
เขามองไปยังหลิงฮันด้วยท่าทีโหดเหี้ยม “เจ้าหนู ข้าจะแล่เนื้อของเจ้าเป็นชิ้นๆแล้วนำไปให้สุนัขกินให้หมด!”