หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ในจอมยุทธขอบเขตพลังเดียวกันไม่มีใครสามารถสังหารเขาภายในสามกระบวนท่าได้
-อ้าวซื่อหยุนเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูง แต่เขามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าหลิงฮันเล็กน้อย
“ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจตัวเองมาก ข้าชักอยากจะต่อสู้กับเจ้าแล้วสิ” หลิงฮันกล่าว
อ้าวซื่อหยุนกล่าวอย่างเย็นชา “หึ่ม ข้าจะสั่งสอนเจ้าเองภายในสามกระบวนท่า!” เขาเบื่อท่าทางอวดดีของหลิงฮัน นี่เขารู้หรือไม่ว่าสถานะองค์ชายมังกรทมิฬหมายถึงอะไร?
อ้าวซื่อหยุนเคลื่อนไหวและปล่อยฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นกรงเล็บมังกรทมิฬก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างกะทันหัน และกดทับไปที่หลิงฮัน อักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นและรวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงทมิฬที่น่าสะพรึงกลัว
มังกรทมิฬขึ้นชื่อเรื่องเปลวเพลิงทมิฬ มันเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงที่สุดและไม่มีอะไรที่มันไม่สามารถเผาให้มอดไหม้ได้
หลิงฮันดูแปลกใจเล็กน้อย นี่น่ะหรือทายาทของเผ่ามังกรที่แท้จริง?
แข็งแกร่งมาก!
เขารู้สึกได้ว่าถ้าสัมผัสกับเปลวเพลิงของอีกฝ่ายเข้า ร่างกายของเขาจะมอดไหม้ และมันไม่ใช่เปลวเพลิงที่สามารถดับได้โดยทันที มันอาจต้องใช้เวลาสิบวันหรืออาจครึ่งเดือนถึงจะดับ
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถดูแคลนอีกฝ่ายได้!
หลิงฮันสะบัดนิ้วและใช้ทักษะดาบอัสนีคำราม เปรี๊ยง ทันใดนั้นปราณดาบของหลิงฮันก็ตั้งฉากกับท้องฟ้าและตัดผ่านกรงเล็บมังกรทมิฬ
ตู้ม ปราณดาบตัดผ่านกรงเล็บมังกรทมิฬได้อย่างง่ายดายและแตกสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อ้าวซื่อหยุนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และพูดว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถอยู่บ้าง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากข้าไม่มีความสามารถ ข้าจะกล้ามาที่นี่อย่างนั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นอ้าวซื่อหยุนก็พูดว่า “เจ้าเองก็มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนเหมือนกัน?”
การชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนคืออะไร?
หลิงฮันพึมพัมอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงแน่นิ่งและพูดว่า “แล้วเจ้าล่ะ?”
“เหลวไหล ถ้าข้าไม่ผ่านการคัดเลือก แล้วใครจะผ่านการคัดเลือก?” อ้าวซื่อหยุนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“ข้าลืมบอกเจ้าอย่าง คนประเภทที่ข้าเกลียดที่สุดคือคนที่หยิ่งยโสเช่นเจ้า” หลิงฮันกล่าว
“แล้วไง?” อ้าวซื่อหยุนแสยะยิ้ม “ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า ข้าจะทดสอบดูว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมหรือไม่!”
เขาโจมตีใส่หลิงฮันอีกครั้ง และยังคงใช้กระบวนท่าเดินเปลี่ยนฝ่ามือเป็นกรงเล็บมังกร แต่ครั้งนี้กรงเล็บมังกรทั้งกรงเล็บถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทมิฬ เหมือนกับสัตว์อสูรที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อทำลายล้างโลกฝั่งนี้
หลิงฮันสูดลมหายใจและปล่อยลมหายใจออกมา
ฟริ้ว สายลมที่รุนแรงพัดโหมกระหน่ำ เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มกรงเล็บมังกรถูกพัดหายไปเหลือเพียงแค่กรงเล็บมังกรที่แหลมคมธรรมดาเท่านั้น มันไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป
ปากของอ้าวซื่อหยุนกระตุก นี่เจ้าจงใจใช่หรือไม่? ทั้งที่รู้ว่าข้ากำลังโกรธ แต่เจ้าก็ยังปล่อยลมหายใจออกมาเพื่อปัดเป่าเปลวเพลิงของข้า เจ้าต้องการให้ข้าโกรธเกรี้ยวมากขึ้นใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถมองข้ามได้ เปลวเพลิงทมิฬของเขาคือการผสานพลังกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ แล้วจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นจะป้องกันได้อย่างไร
ต้องทราบก่อนว่า ในสนามรบเขาสามารถสังหารจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มามากมาย ซึ่งแต่ละคนนั้นไม่สามารถต่อต้านเปลวเพลิงทมิฬของเขาได้เลย แต่ไม่คิดเลยว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นที่อยู่ตรงหน้าจะสามารถต้านรับมันได้
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
อีกฝ่ายก็เป็นจอมยุทธระดับราชาเหมือนกัน!
อ้าวซื่อหยุนกระหายชัยชนะมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ระดับบ่มเพาะพลังของเขาเหนือกว่าหลิงฮันอย่างชัดเจน อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้โดยเร็ว นั่นไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตัวเขาอย่างนั้นหรือ?
“หึ่ม ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมีอัจฉริยะที่สามารถต่อกรกับข้าได้อย่างสูสีได้อย่างไร?” อ้าวซื่อหยุนแสยะยิ้มและปลดปล่อยจิตสังหาร คราวนี้เขาเริ่มเอาจริงและปรากฏมังกรทมิฬอยู่ด้านหลังเขา และทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตู้ม เปลวเพลิงทมิฬลุกโชนออกมา ราวกับว่าทุกที่ที่เขาไปจะถูกมอดไหม้กลายเป็นความว่างเปล่า
แต่หลิงฮันก็ยังคงไร้ความหวาดกลัว เขาเองก็ยกระดับพลังต่อสู้ของตัวเองและกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายด้วยหมัด โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นทายาทมังกรหรือหนอน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาทุกคนก็ต้องสยบ
ปัง!
หมัดของทั้งสองคนปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่หมัดของพวกเขาปะทะกันก็จะทำให้เกิดคลื่นกระแทกจนทำให้ท้องฟ้าและปฐพีสูญเสียสีสันของมันไป
ทั้งที่ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แต่การต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนเกือบจะเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับดารา
“ฮันน้อย บดขยี้กระดูกของมันอย่างให้เหลือ วันนี้ข้าอยากกินกระดูกงูย่อง!”
“เจ้าหนู นายท่านโสมเองก็หิวแล้ว ข้าอยากจะลองดื่มโลหิตของจอมยุทธที่มาจากดินแดนใต้พิภพยิ่งนัก!”
เจ้ากระต่ายและโสมเฒ่าเป็นกำลังใจให้หลิงฮัน แต่พวกมันทั้งสองตัวไม่มีประโยชน์อะไรเลยและรอกินอย่างเดียว
อ้าวซื่อหยุนทั้งประหลาดใจและโกรธ
ในฐานะที่เขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาสามารถได้ยินพวกมันพูดขณะที่เขาต่อสู้อยู่ได้ คำพูดของโสมเฒ่าและเจ้ากระต่ายไม่มีทางที่เขาไม่ได้ยิน พวกเจ้าต้องการกินกระดูกและโลหิตของข้าอย่างนั้นรึ? น่าขยะแขยงยิ่งนัก
แต่ความแข็งแกร่งของหลิงฮันก็ทำให้เขาประหลาดใจเช่นกัน
ในสนามรบสองดินแดน เนื่องจากการปะทะกันของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์จากทั้งสองโลก ทำให้มันกลายเป็นสถานที่ที่พลังไม่เสถียร ซึ่งทำให้พลังต่อสู้ของจอมยุทธลดลงไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพก็ตามต่างก็ได้รับผลกระทบ แต่สถานที่ที่พวกเขาต่อสู้กันอยู่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพแข็งแกร่งกว่ามาก ในทางทฤษฎีแล้วหลิงฮันควรจะอ่อนแอกว่าเขา
ทว่าเขากลับต่อสู้กับอีกฝ่ายได้แค่สูสีเท่านั้น!
เห็นได้ชัดว่าระดับบ่มเพาะพลังของเขาเหนือกว่าอีกฝ่ายสองขั้นเล็ก นั่นหมายความว่าเขามีพลังต่อสู้เหนือกว่าสองดาวและยังมีข้อได้เปรียบจากพื้นที่ที่ต่อสู้กันอยู่อีก แต่กลับทำได้แค่ต่อสู้อย่างสูสี? ถ้าต่อสู้ในสถานที่ที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่ง เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้หรอกหรือ?
“ดูเหมือนเจ้าจะแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ความแข็งแกร่งแค่นั้นมันยังไม่พอ!” แน่นอนว่าอ้าวซื่อหยุนไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องคำรามของเขา เขาหยุดสู้กับหลิงฮันอย่างกะทันหันและใช้เทคนิคลับเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้
เมื่อหลิงฮันเห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าว เขาใช้นิ้วเป็นดาบและโจมตีออกไปด้วยทักษะดาบอัสนีคำรามที่รวดเร็วและทรงพลัง
ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่ง และเป็นเรื่องยากที่จะโค่นล้มฝ่ายตรงข้ามได้
แต่อ้าวซื่อหยุนไม่ได้ประหลาดใจแค่คนเดียว หลิงฮันเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ระดับเดียวกัน เขาคือคนที่ไร้พ่าย!
หลิงฮันเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะเขามีกายหยาบและพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง
“อำนาจแห่งมังกร!” อ้าวซื่อหยุนคำราม เงามังกรที่อยู่ด้านหลังของเขาปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างกะทันหัน มันเป็นพลังที่แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงก็ต้องสั่นด้วยความกลัว