หยางจุนและอีกหกคนมองหน้ากันด้วยความลังเล
ท่าทีของชายหนุ่มคนนี้แปลกมาก ถ้าเจ้าหวาดกลัวจริง เจ้าก็ควรโยนศิลาวิญญาณปฐพีลงกับพื้นและรีบวิ่งหนีไปมิใช่หรือ?
แล้วการกระทำของเขาหมายถึงอะไร?
ทั้งที่มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์อยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้าก็ยังกล้าทำตัวเช่นนี้อีก?
ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ตกลง เอามันมาให้ข้า!” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ถ้าเขาสามารถนำศิลาวิญญาณปฐพีสองก้อนนี้กลับไปได้ สถานะของเขาในนิกายก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก
แต่ประเด็นสำคัญคือปรมาจารย์เหมาอยู่ห่างจากระดับดาราเพียงแค่หนึ่งก้าว ถ้าเขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ปรมาจารย์เหมาทะลวงผ่านระดับดาราได้ เขาก็จะได้รับความโปรดปรานจากปรมาจารย์เหมาอีกด้วย
หลังจากก้าวเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว เขาก็เดินมาอยู่ด้านหน้าหลิงฮันและเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าศิลาวิญญาณปฐพีที่อยู่ในมือของหลิงฮัน
“เฮ้อ!” หลิงฮันถอนหายใจ จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้วเล็กน้อยและปราณดาบก็พุ่งออกไปทันที
“เจ้า!” ชายหนุ่มคนนั้นคำราม เขารู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันเป็นคนที่แข็งแกร่งมากถึงสามารถสยบหยานจุนได้ ทว่าตัวเขานั้นเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางและเป็นอัจริยะระดับหนึ่งดาว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าหยานจุนอยู่เล็กน้อย
ดังนั้น ถ้าหยางจุนไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้ บางทีเขาก็อาจไม่สามารถเอาชนะได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นการล่าถอย เขามั่นใจพอตัวว่ามีความสามารถป้องกันตัวเอง เมื่อคิดเรื่องพวกนั้นแล้ว เขาจึงกล้าที่จะเดินเข้าหาหลิงฮัน หากไม่มีความมั่นใจเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับหลิงฮันได้อย่างไร?
แต่ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะกล้าลงมือ!
แม้เขาจะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อถูกหลิงฮันโจมตี เขาก็ยังอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
เขารีบยกแขนขึ้นเพื่อสะกัดปราณดาบของหลิงฮัน และเมื่อคิดว่ายังมีปรมาจารย์เฉียนอยู่ด้านหลัง ทำให้เขาคิดว่าการกระทำของหลิงฮันไม่ต่างไปจากการรนหาที่ตาย
ชายชรารีบเคลื่อนไหวและเข้าไปคว้าตัวชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้ “หยุด!”
แต่สายเกินไป
ปราณดาบของหลิงฮันตัดผ่าน ฉัวะ โลหิตสาดกระจายไปทั่วและนิ้วมือสี่นิ้วของชายหนุ่มคนนั้นก็ถูกตัดออกเหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบาน
“อ๊าก!” เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที
หลิงฮันใช้ทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราล่าถอยและหลบการโจมตีของชายชรา จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ นี่ข้าทำเกินไปหรือเปล่า?”
“เจ้าหนู ดูเหมือนเจ้าจะเบื่อมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่!” ชายชราพูดด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
เจ้าเด็กนี่ทั้งที่ถูกล้อมกรอบอยู่ แต่ก็ยังกล้าขัดขืน นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ใครจะอยู่ ใครจะตาย มันยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะพูดตอนนี้!”
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่เห็นโลงศพก็จะไม่หลั่งน้ำตา!” ชายชรากล่าวและชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า อักขระศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงสว่าง และมือของเขาก็กลายเป็นหุบเขาห้านิ้วที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ชายชราคนนี้มีชื่อว่าเฉียนเซินและเขาเป็นผู้อาวุโสของนิกายเพลิงไพศาล เนื่องจากปรมาจารย์เหมาของพวกเขากำลังจะทะลวงผ่านระดับดารา เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของนิกายเพลิงไพศาล และทุกคนต่างออกไปค้นหาศิลาวิญญาณปฐพีเพื่อมอบให้กับปรมาจารย์เหมา
ซึ่งนิกายเพลิงไพศาลนั้นเป็นนิกายขนาดเล็กที่มีแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่ถ้ามีจอมยุทธระดับดาราถือกำเนิดขึ้นในนิกาย นิกายเพลิงไพศาลของพวกเขาก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ นิกายเพลิงไพศาลจึงออกค้นหาศิลาวิญญาณปฐพีอย่างบ้าคลั่ง
หลิงฮันเก็บศิลาวิญญาณปฐพีเข้าไปในหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยอำนาจสวรรค์แผ่กระจายไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ทำไมพลังของข้าถึงลดลง?”
“เป็นไปไม่ได้!”
หยางจุนและคนอื่นอุทานด้วยความตกใจ แม้กระทั่งเฉียนเซินเองก็ยังได้รับผลกระทบ หุบเขาห้านิ้วของเขาถูกเบี่ยงเบนทิศทางไปเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันมีขนาดใหญ่เกินไป จึงไม่สำคัญว่ามันจะตกมาเคียงหรือไม่ เพราะยังไงมันก็โดนหลิงฮันอยู่ดี
หลิงฮันปล่อยหมัดไปที่หุบเขาห้านิ้วบนท้องฟ้า โดยรวมพลังไว้ที่จุดๆเดียว
ตู้ม!
ในขณะที่หุบเขาห้านิ้วที่กำลังล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ก็มีแสงสว่างพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นหมัดยักษ์ที่ส่องประกายและสามารถทะลวงผ่านหุบเขาห้านิ้วให้เป็นรูได้อย่างง่ายดาย
ช่วยไม่ได้ที่เฉียนเซินจะตกตะลึง แม้ว่าหุบเขาห้านิ้วจะถูกควบแน่นด้วยพลังปราณก่อเกิดของเขา แต่เมื่อมันถูกทะลวงเป็นรู มือของเขาก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วฝ่ามือของเขาและทิ้งรอยแดงเอาไว้
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนี่สามารถทำลายการโจมตีของเขาและยังทำให้เขาบาดเจ็บได้
แน่นอนว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาดูถูกหลิงฮันมากเกินไป และการโจมตีของเขาก็ยังกินขอบเขตที่กว้างเกินไปทำให้พลังของมันกระจัดกระจาย
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขารวบพลังโจมตีไว้ที่จุดเดียว แต่เนื่องจากผลกระทบจากอำนาจสวรรค์ เกรงว่าการโจมตีของเขาคงจะพลาดเป้าอยู่ดี
“เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งมาก!” ชายชรากล่าวชมหลิงฮัน ถึงแม้เขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ปกปิดจิตสังหาร
หลิงฮันยิ้มอย่างสุภาพและพูดว่า “ผู้อาวุโสไม่ต้องชมข้าขนาดนั้นก็ได้ เพราะมันอาจทำให้ศิษย์ของเจ้ารู้สึกอิจฉาข้า”
สีหน้าของเฉียนเซินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของหลิงฮัน มันทำให้เขารู้สึกหยุดโกรธไม่ได้
“เจ้ากำลังรนหาที่ตายของตัวเอง!” ดวงตาข้างซ้ายของเขากลายเป็นหลุมเพลิง จากนั้นเขาก็ดึงดาบออกมาจากข้างใน
ด้วยการหลอมรวมเข้ากับดาบ ทำให้เขาสามารถดึงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่นั่นย่อมมีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือหากต้องการทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้นจะต้องแลกกับการถูกดูดซับโลหิตภายในร่างกาย ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้า
อย่างไรก็ตาม ผู้คนอย่างเฉียนเซินที่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยกระดับพลังต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงยอมเสียสละใช้โลหิต เพราะยังไงเขาก็สามารถบ่มเพาะพลังใหม่ทดแทนได้
ดาบเล่มนี้คือดาบที่เขาเก็บเงินซื้อมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เดิมทีมันเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด แต่หลังจากที่นำไปตีเป็นดาบแล้ว เขาก็ผสานมันเข้ากับร่างกายเพื่อขัดเกลามัน แม้จะผ่านมาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น แต่มันก็ทรงพลังขึ้นมาก
ด้วยดาบที่อยู่ในมือทำให้เขามีความมั่นใจมากว่าเขาสามารถเอาชนะจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
“เพลิงหัวใจพิฆาต!” เฉียนเซินสะบั้นดาบ เปลวเพลิงกลายเป็นลำแสงที่พุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลิงฮัน เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนแรงของมันที่ทะลวงผ่านอากาศ จึงทำให้อากาศที่มันทะลวงผ่านต้องลุกไหม้
เปลวเพลิงนี่ร้อนแรงมาก ทั้งที่มันยังเดินทางมาไม่ถึงแต่ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนแรงแล้ว
คนอื่นๆรีบล่าถอยทันที เพราะเกรงว่าจะถูกลูกหลงจากเปลวเพลิง
ทว่าหลิงฮันกลับส่งเสียงหัวเราะ
ถ้าเจ้าใช้หมอกพิษหรือดาบที่แหลมคมฟาดฟันใส่หลิงฮัน มันอาจทำให้เขาหวาดกลัวอยู่บ้าง แม้เฉียนเซินจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ แต่มันกลับใช้เล่นไฟกับหลิงฮัน…เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหลิงฮันขัดเกลากายหยาบด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์ ซึ่งเป็นทักษะลับของวิหคเพลิงอมตะที่ทำให้กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน
หากเจ้าต้องการเผาข้าด้วยไฟ อย่างน้อยต้องเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงกว่าเพลิงนิรันดร์!