“เจ้าหนู ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เฉียนเซินคำรามและหันหลังเผ่นหนี
พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าหลิงฮันก็จริง แต่กายหยาบของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนเขาไม่สามารถโจมตีให้ตายได้ แถมหลิงฮันยังมีดอกไม้ประหลาดที่ทำให้สติของเขาสับสนอีก ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
เขามีชีวิตอยู่มามากกว่าสามล้านปีและพบเห็นชีวิตตกตายไปมากมาย ดังนั้นเขาจึงหวงแหนชีวิตของตัวเองมาก
หากรั้นอยู่ที่นี่ต่อเขาอาจจะต้องถูกคร่าชีวิต เช่นนั้นแล้วทำไมเขาต้องเสี่ยงอยู่ที่นี่ต่อด้วย?
ต้องรีบกลับนิกายเพลิงไพศาล
ปรมาจารย์เหมาอีกก้าวเดียวก็จะทะลวงผ่านระดับแล้ว ศิลาวิญญาณปฐพีเป็นเพียงปัจจัยที่จะช่วยเร่งให้เขาทะลวงผ่านได้เร็วขึ้นเท่านั้น ต่อให้ไม่ได้มาก็ไม่เป็นอะไร ยิ่งกว่านั้นเหล่าศิษย์ของนิกายที่อยู่ที่นี่ก็ตายไปหมดแล้ว เขาจะทิ้งชีวิตของตัวเองไปอีกคนเพื่ออะไร?
เขาเผ่นหนีทันที หากหลิงฮันไล่ตามมาใกล้เขาจะรีบใช้อำนาจของตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดโจมตีชะลออีกฝ่ายทันที แม้กายหยาบของหลิงฮันจะแข็งแกร่งก็ใช้ว่าอีกฝ่ายจะเมินเฉยการโจมตีของเขาได้
ที่จริงหากเป็นการปะทะซึ่งๆหน้า เฉียนเซินเหนือว่าหลิงฮันอย่างสมบูรณ์
เป็นเพราะเพราะการโจมตีด้วยทักษะเพลิงที่ทรงพลังที่สุดของเขาไม่สามารถทำอะไรหลิงฮันได้เขาจึงเข้าใจผิดไปเองว่ากายหยาบของหลิงฮันนั้นไร้เทียมทาน หากเขาเปลี่ยนเป็นโจมตีด้วยพลังปราณผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
อย่างที่รู้ว่าหลิงฮันในตอนนี้ยังมีพลังต่อสู้เพียงหกดาวซึ่งเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นต้นเท่านั่น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อกรกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้
แต่ความหวาดกลัวที่มีต่อบุปผาหมอกครอบงำจิต เฉียนเซินจึงเลือกที่จะหลบหนี
หลังจากไล่ตามไปสักพักหลิงฮันก็หยุดนิ่งเลิกไล่ลาม เขาไม่สามารถสังหารเฉียนเซินได้แล้ว… เมืองเขี้ยวหมาป่าอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ตราบใดที่อีกฝ่ายเข้าไปในเมืองได้พวกเขาก็ห้ามต่อสู้กันเด็ดขาด
เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเมืองเขี้ยวหมาป่าเพื่อขายศิลาวิญญาณปฐพีและเม็ดยาที่เขาเพิ่งหลอมเสร็จในช่วงนี้ เขาต้องการเปลี่ยนพวกมันผลึกก่อเกิดและแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์
ในส่วนของแต้มสังหารนั้น เขาสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพไปมากมายจนเพียงพอให้ถอนตัวจากที่นี่ได้แล้ว
ถ้าหากถอนตัวไปแล้วครั้งหนึ่งจอมยุทธสามารถกลับมายังสนามรบสองดินแดนได้อีกครั้งและจะเป็นอิสระไม่มีแต้มสังหารผูกมัดและไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นทหารหนีสงคราม ส่วนจะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่นั้นก็แล้วแต่จะเลือกเอง
ครึ่งวันต่อมาหลิงฮันมาถึงเมืองเขี้ยวหมาป่าและเข้าไปยังหอกองทัพหลักเพื่อแลกเปลี่ยนแต้มสังหาร เขาโยนร่างของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพออกมาและศพเหล่านั้นถูกคำนวณเป็นแต้มสังหารอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ทั้งสองดินแดนนี้ใครเป็นฝ่ายบุกรุกกันก่อนกันแน่? ข้อมูลที่เขารู้มีเพียงทั้งสองดินแดนเป็นเหมือนคู่กัดที่ไม่มีทางลงรอยกันเท่านั้น ไม่ว่าฝ่ายใดก็คิดว่าตนเองเป็นเจ้าทุกข์ที่ถูกรุกราน
หลิงฮันส่ายหัว พลังของเขาในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไปที่จะแทรกแซงเรื่องใหญ่ขนาดนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้เป็นอันดับแรกคือยกระดับพลังบ่มเพาะของตัวเอง
เมื่อแต้มสังหารถูกคำนวณเสร็จ นอกจากแต้มที่เสียไปเพื่อถอนตัว เขาเหลือแต้มสังหารอยู่ราวๆสี่พันกว่า
แต่แต้มสังหารสี่พันกว่าแต้มนั้นไม่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสิ่งที่เขาต้องการได้ แม้แต้มเหล่านี้จะสามารถแลกเป็นทรัพยากรสำหรับระดับภูผาวารีได้มากมายแต่พวกมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดกับเขา
แถมสิ่งที่ใช้แต้มสังหารแลกเปลี่ยนมาก็มีกฎว่าเขานำไปขายเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกสังหาร
หลังฮันตัดสินใจยังไม่ใช้แต้มสังหาร เพราะอย่างไรตอนนี้เขาก็ว่างอยู่แล้ว เอาไว้ค่อยสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเพิ่มและสะสมแต้มมาแลกทีเดียว
เขามุ่งหน้าไปยังโรงประมูลภายในเมือง
การจะเปิดโรงประมูลที่สนามรบสองดินแดนได้นั้น ไม่เพียงต้องมีความกล้าแต่ยังต้องมีอำนาจและเส้นสายที่กว้างขวางอีกด้วย
“โรงประมูลจินหยวน” โรงประมูลของตระกูลจิน กล่าวว่าตระกูลจินนั้นเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังมาก พวกเขาทำธุรกิจการค้ามาหลายยุคหลายสมัยและครอบครองทรัพยากรล้ำค่ามากมาย
เมื่อหลิงฮันเข้าไปยังโรงประมูลและนำศิลาวิญญาณปฐพีออกมา เขาก็ถูกนำไปยังห้องรับรองของโรงประมูลเพื่อพูดคุยรายละเอียดทันที
ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่นั้นสามารถทำกำไรได้มหาศาล
ดังนั้นโรงประมูลจึงตัดสินใจไม่รีบร้อนประมูลทันทีและเลือกปล่อยข่าวออกไปให้กว้างที่สุดเพื่อดึงดูดเหล่าปรมาจารย์ให้มาเข้าร่วมประมูล แน่นอนว่ายิ่งผู้เข้าร่วมมีระดับพลังที่สูง ความมั่งคั่งของพวกเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วย
หลิงฮันไม่รังเกียจที่จะรอไปอีกสักพัก เขานำเม็ดยาออกมาและส่งมอบให้กับโรงประมูลเช่นกัน
โรงประมูลคิดค่าธรรมเนียมสิบห้าส่วนจากร้อยส่วนของราคาที่ศิลาวิญญาณปฐพีจะถูกประมูลออกไป มูลค่าของมันจะต้องมหาศาลแน่นอน ดังนั้นสำหรับเม็ดยาที่หลิงฮันจะนำมาประมูลด้วยทางโรงประมูลจึงไม่คิดค่าธรรมดาเนียมใดๆ
การเตรียมการจำเป็นต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งเดือน หลิงฮันรับคำเชิญจากโรงประมูลที่ให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้ระหว่างที่รอให้การประมูลเริ่มขึ้น
ในระหว่างนั้นเขาฝึกฝนหลอมเม็ดยาและบ่มเพาะพลัง ต้องรออีกราวๆยี่สิบวันหอคอยทมิฬจึงจะเปิดเตาหลอมให้เขาขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ได้
“สภาพของข้าในตอนนี้… ช่างน่าอนาถนัก!” เมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ หลิงฮันก็เปลี่ยนรูปร่างกลับมาเป็นทารกเช่นเดิมซึ่งทำให้เขารู้สึกสลดใจมาก
เมื่อเวลาผ่านไปอีกยี่สิบวัน หอคอยน้อยได้แจ้งหลิงฮันว่าเขาสามารถขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ครั้งที่สองได้แล้ว
เขาตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว แต่เมื่อวันนี้มาถึงหลิงฮันกลับชะงักเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงความเจ็บปวดในครั้งก่อนที่ร่างกายถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านและหลงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยววิญญาณ
แต่เพื่อที่จะแขงแกร่งขึ้น หลิงฮันกัดฟันสู้และกระโดดเข้าไปในเตาหลอม
การขัดเกลากินเวลาถึงสามวันสามคืน
ร่างของหลิงฮันเกิดใหม่อีกครั้งด้วยร่างของทารก ระยะเวลาสามเดือนไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจถึงหลักการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านมากขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่ ดังนั้นร่างของเขาจึงยังคงเป็นทารกอยู่เหมือนเดิม
“เอาเถอะ… อย่างไรความทนของผิว กล้ามเนื้อ โลหิตและกระดูกของข้าก็พัฒนาขึ้นกว่าเดิม” หลิงฮันพยักหน้า “ด้วยการรู้แจ้งของข้าในตอนนี้ หากข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย ข้ามีโอกาสหนึ่งในร้อยที่จะสามารถกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้ ไม่เพียงแค่บาดแผลจะหายสนิทแต่ร่างกายก็จะฟื้นฟูกลับไปยังสภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด”