ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านกับหยดวารีอมตะคือ หยดวารีอมตะจะมีคุณสมบัติรักษาบาดแผลอย่างเดียวเท่านั้น แต่กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านจะช่วยฟื้นฟูทั้งพลังปราณและร่างกายของเขาให้กลับไปอยู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
ลองคิดดูว่าจอมยุทธสองคนสู้กันอย่างสูสี ทั้งสองถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายกันทั้งครู่ แต่คนหนึ่งสามารถฟื้นสภาพของตนเองกลับไปสภาพที่สมบูรณ์เหมือนก่อนสู้ได้ อีกฝ่ายจะร้องไห้หนักขนาดไหน?
ไม่น่าแปลกใจที่วิหคเพลิงอมตะเป็นสัตว์อสูรต้นกำเนิดระดับต้นๆ ความสามารถเช่นนี้ของมันเพียงพอจะทำให้เหล่าศัตรูหวาดกลัวจนขนหัวลุก
น่าเสียตายที่เขาในตอนนี้มีโอกาสเพียงหนึ่งในร้อยที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่อย่างไรทักษะนี้ก็เป็นทักษะลับของเผ่าวิหคเพลิงอมตะ มันจะไม่เพ้อฝันไปหน่อยรึหากหลิงฮันที่มีพลังระดับสุริยันจันทราจะสามารถฝึกฝนจนเชี่ยวชาญได้?
หลิงฮันยังไม่ออกจากหอคอยทมิฬ เขานำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมากินและดูดซับมันใต้ต้นสังสารวัฏ
สามวันต่อมา พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูงสุด คงใช้เวลาทำให้รากฐานมั่นคงอีกราวๆเดือนหรือสองเดือนเขาถึงจะทะลวงผ่านขั้นกลาง
แน่นอนว่าสองเดือนที่ว่านั้นจำเป็นต้องบ่มเพาะพลังภายใต้ต้นสังสารวัฏ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องใช้เวลาถึงยี่สิบสามสิบปี
หลิงฮันไม่เหลือเวลาให้บ่มเพาะต่อพลังเนื่องจากงานประมูลใกล้จะเริ่มแล้ว
เขาไม่ได้ออกไปด้านนอกนานแล้วจึงคิดว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย โสมเฒ่ากับเจ้ากระต่ายก็ไม่ต้องการอยู่ในหอคอยทมิฬเช่นกัน พวกมันต้องการออกไปทำให้จิตใจกระปรี้กระเปร่าที่โลกภายนอก หนึ่งตัวอยากไปขโมยสมุนไพรในขณะที่อีกตัว… เกรงว่าสตรีงามในเมืองเขี้ยวหมาป่าคงต้องระวังตัวหน่อย
โชคดีที่ดาวหยุนติ่งแห่งนี้ สัตว์อสูรและสิ่งมีชีวิตห้าธาตุแห่งสวรรค์และปฐพีสามารถอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้ ไม่เช่นนั้นหากพวกมันออกไปโลกภายนอกเกรงว่าจะไม่ได้กลับมา
หลิงฮันออกมาด้านนอกและมายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาอยากจะรู้ว่าในช่วงนี้มีเหตุการณ์ใหญ่ๆอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งข่าวสารนั้นร้านอาหารย่อมเป็นแหล่งข่าวที่รวดเร็วที่สุด ผู้คนมากมายปากมากช่างพูด การได้โม้ข่าวที่ตัวเองรู้เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของพวกเขาชื่นบาน
เขานั่งอย่างสงบนิ่งในร้านอาหารและได้รับรู้ข่าวสารมากมาย
บางคนโอ้อวดว่าตนเองสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพไปมากมายเท่าไหร่
บางคนพูดถึงการประมูลที่จะจัดขึ้นที่มีข่าวลือว่าจะมีศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่าหัวกระทิงลงประมูล
บ้างก็พูดถึงการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน
“พวกเจ้าได้ยินกันบ้างรึไม่ ดูเหมือนใกล้จะถึงเวลาของการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนแล้ว”
“แน่นอน ผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนได้นั้นมีเพียงสุดยอดอัจฉริยะในรอบหมื่นปี”
“มากกว่าหมื่นปีต่างหาก ต้องอย่างน้อยแสนปี!”
“ถูกแล้ว ว่าแต่ครั้งนี้จะมีขึ้นที่ป่าภูผาวารีหรือหุบเขาสุริยันจันทรานะ?”
“ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนคือที่หุบเขาสุริยันจันทรา เช่นนั้นครั้งนี้คงเป็นป่าภูผาวารี”
“ที่จริงป่าภูผาวารีนับว่ายุติธรรมที่สุดแล้วที่จะได้เห็นความแตกต่างของเหล่าอัจฉริยะอย่างแท้จริง”
“ไม่จริงเสียหน่อย! อัจฉริยะบางคนสามารถขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ในระดับสุริยันจันทรา”
ยิ่งพูดทุกคนก็ยิ่งตื่นเต้น
หลิงฮันทำหน้าตางงงวย ชายชราที่เห็นเช่นนั้นจึงอธิบายให้เขาฟัง
“ป่าภูผาวารีกับหุบเขาสุริยันจันทราเป็นสถานที่ลับของสนามรบสองดินแดน ที่นั่นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังบ่มเพาะสูงขนาดไหน ต่อให้เซียนก็ตามหากเข้าไปยังป่าภูผาวารี พลังบ่มเพาะจะถูกลดลงมาเป็นระดับภูผาวารี ส่วนหุบเขาสุริยันจันทรานั้นพลังบ่มเพาะก็จะถูกจำกัดอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราเช่นกัน”
หลิงฮันชะงักก่อนจะแสดงท่าทีผ่อนคลาย
ครั้งนี้การชุมนุมจะถูกจัดขึ้นที่ป่าภูผาวารี ตัวเขานั้นขัดเกลาระดับพลังของภูผาวารีจนถึงขั้นสมบูรณ์ หากเป็นระดับพลังเดียวกันเขาย่อมไม่มีทางแพ้ใครแน่นอน
ในทางตรงกันข้าม หากเป็นหุบเขาสุริยันจันทราที่พลังบ่มเพาะของเขายังไม่บรรลุขั้นสมบูรณ์ แน่นอนว่าเขาย่อมพ่ายแพ้หรืออาจจะสู้เหล่าอัจฉริยะที่เข้าร่วมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้จะเหลือเวลาอีกสามปีให้เขาบ่มเพาะพลัง แต่การจะบรรลุขั้นสมบูรณ์ด้วยระยะเวลาเท่านี้ก็นับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดี
“จริงสิ พวกเจ้าได้ยินข่าวใหญ่อีกเรื่องรึเปล่า?” จู่ๆชายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา เขาเกริ่นเอ่ยถามทุกคนขึ้นมาก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจราวกับกำลังคิดว่า ‘พวกเจ้าคงไม่รู้ข่าวนี้กันสินะ นี่เป็นข่าวที่ข้าลับที่ข้าเป็นคนรู้เอง!’
“มีข่าวอะไรอีกรึ?” หลายคนถาม
เมื่อเห็นสายตาทุกคู่จดจ้องมาที่เขา ชายคนนั้นก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายสูบฉีดและยกจอกสุราขึ้นมาจิบ
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวาน หลานชายของแม่ทัพเชี่ยไปยังกองทัพจันทราม่วงเพื่อขอตัวสตรีนางหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายเขาก็ถูกขับไล่ออกมาด้วยใบหน้าที่ปูดบวมเกือบจะทั่วไปหน้า”
“ว่าไงนะ!”
ใครหลายคนหัวเราะลั่น “คนผู้นั้นบ้าไปแล้วรึไง? เขากล้าถึงขนาดไปขอตัวสตรีจากกองทัพจันทราม่วง เขาไม่รู้รึไงว่าธิดาซื่อเยว่นั้นเป็นสตรีที่อารมณ์ร้อนขนาดไหน?”
จิตใจของหลิงฮันชะงักทันที หลานชายของแม่ทัพเชี่ย? นั่นคงเป็นเชี่ยตงหลาย เขารู้แล้วรึว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หนีมายังสนามรบสองดินแดนและอยู่ในกองทัพจันทราม่วง?
รอเดี๋ยวก่อน… แม่ทัพเชี่ยไม่น่ามีอำนาจมาถึงสนามรบสองดินแดนได้ แม้ความลับจะไม่มีในโลก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เชี่ยตงหลายจะหาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หนีพบเร็วขนาดนี้
นอกเสียจาก… จะมีใครบางคนบอกเขา!
หลิงฮันนึกถึงจูหลี่หยุนทันที นางเป็นสหายสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ มีเพียงนางที่รู้เรื่องของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ดีและรู้ถึงเหตุผลที่ทำไมนางถึงมาที่สนามรบสองดินแดนแห่งนี้
ฮึ่ม!
จิตสังหารของหลิงฮันระเบิดออกมาทันทีจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆร่างแข็งทื่อ จิตสังหารของหลิงฮันน่าสะพรึงกลัวมากเนื่องจากมันแฝงไว้ด้วยอำนาจสวรรค์ คนที่สัมผัสถึงจิตสังการของเขาต่างรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจ พวกเขารีบลุกขึ้นจ่ายเงินและเผ่นหนีทันที
เพียงแต่ว่าคนที่ไม่ได้อยู่ข้างๆเขาและไม่รู้สึกถึงจิตสังหารยังคงพูดคุยกันต่อ
“หลานของแม่ทัพเชี่ยที่ว่าคือหลานคนไหนกัน?” ใครบางคนอยากรู้อยากเห็นและถามขึ้นมา
“เหอๆ!” ชายคนที่ปล่อยข่าวกล่าว “เชี่ยตงหลาย!”
“เชี่ยตงหลายงั้นรึ? เขาเป็นทายาทที่สำคัญของตระกูลเชี่ยเลยไม่ใช่รึไง!”
“ใช่แล้ว เขาใช้เวลาแค่หมื่นปีก็บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว มีคนพูดกันว่าเขาจะสามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ในช่วงอายุเพียงล้านปีเท่านั้น!”
“แค่ข้าสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลางได้ในระยะเวลาล้านปี ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”
“ฮ่าๆ สังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพให้เยอะและรวบรวมแต้มสังหารให้พอ หากแลกเปลี่ยนแต้มเหล่านั้นเป็นทรัพยากรแล้วการทะลวงผ่านขั้นกลางก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
ทุกคนพยักหน้า มีผู้คนมากมายที่ถอนตัวไปแล้วแต่ก็ยังไม่ไปจากที่นี่เพราะต้องการสู้และนำแต้มมาทำให้พลังบ่มเพาะของตนเองยกระดับขึ้น
บางคนทำตามที่หวังได้ แต่บางคนก็ต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
ปรมาจารย์สามวิถีคงอยู่ที่นี่จนบรรลุระดับวารีนิรันดร์ได้ แต่โชคร้ายที่สุดท้ายเขาก็ตายด้วยหมัดของฮูหนิว
“ธิดาซื่อเยว่ช่างไร้ปรานียิ่งนัก แม้แต่ตระกูลเชี่ยนางก็ไม่ไว้หน้า”
“ฮ่าๆ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าธิดาซื่อเยว่นั้นเอ็นดูจอมยุทธสตรีในกองทัพของนางขนาดไหน ต่อให้แม่ทัพเชี่ยมายังกองทัพจันทราม่วงด้วยตัวเองนางก็คงไม่ปรานี ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเชี่ยตงหลายเลย”
“อืม!” ทุกคนพยักหน้า
“เหอๆ เชี่ยตงหลายที่ว่าเขาทำไมงั้นรึ?” เสียงกล่าวเยาะเย้ยดังขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นอยู่บรงบันไดทางเข้าร้าน มือสองข้างของเขาพาดเอาไว้ที่หลังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา