หลิงฮันเข้าไปในห้องโดยมีจินซวนเดินตามเข้ามา อีกฝ่ายพยายามชวนเขาคุยเรื่องต่างๆ
ในศาสตร์แห่งวรยุทธ ถึงแม้จินซวนจะมีระดับพลังที่สูงกว่า แต่ด้วยการที่หลิงฮันเป็นนักปรุงยาการรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์จึงเหนือกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า จินซวนนั้นเพื่อ
หลิงฮันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยที่จงใจทำท่าทีไม่สนใจ คนประเภทจินซวนนั้นเป็นคนที่คบหาผู้อื่นเพื่อหวังผลประโยชน์ อีกฝ่ายพูดพล่ามไม่หยุดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าคนที่อยู่ห้องส่วนตัวห้องอื่นก็คงได้ยิน
“น่ารำคาญ!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้น มือขาวงามดั่งหยกปรากฏขึ้นมากลางอากาศที่ว่างเปล่าและกระแทกเข้าใส่จินซวน
‘เพี๊ยะ’ เสียงตบดังขึ้นและจินซวนสงบปากสงบคำทันที
ปากของเขาเม้มสนิทเข้าหากัน ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงจากการถูกตบเมื่อครู่
ต้องรู้ก่อนว่าเขานั้นเป็นถึงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด แต่อีกฝ่ายนั้นแม้ไม่ปรากฏตัวก็สามารถตบหน้าเขาได้โดยที่เขาไม่สามารถตอบโต้ทันเลย ถ้าอีกฝ่ายคิดจะสังหารเขาคงไม่ใช่เรื่องยาก
ยิ่งกว่านั้น นางที่ลงมือโดยไม่เผยตัวย่อมไม่มีหลักฐานว่านางเป็นคนลงมือฆ่าเขา
ที่เรียกอีกฝ่ายว่านางนั้นเป็นเพราะฝ่ามือที่ขาวเนียนเมื่อครู่เป็นหลักฐานว่าอีกฝ่ายคือสตรีอย่างแน่นอน
หลิงฮันเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามือนั่นมาจากที่ไหน มือที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่มือของจริงแต่เกิดจากการควบแน่นปราณก่อเกิดของปรมาจารย์ อีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดจัดการจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้อย่างง่ายดาย
ต้องเป็นระดับดาราเป็นอย่างน้อย!
หลิงฮันลองเทียบความแข็งแกร่งของปรมาจารย์เมื่อครู่กับจักรพรรดินีแห่งดารา แต่เมื่อตระหนักได้ว่าพลังของทั้งสองคนต่างเหนือกว่าเขาหลายขุม เขาจะไปรับรู้ได้อย่างไรว่าใครแข็งแกร่งกว่า?
ยิ่งกว่านั้นปรมาจารย์คนนี้ยังควบคุมพลังปราณได้อย่างเชี่ยวชาญ หลังจากใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าแล้วปราณก่อเกิดก็สลายไปทันทีโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ หากอีกฝ่ายคิดจะลงมือสังหารจริงๆนางคงทำได้ง่ายๆและไม่มีใครจับได้
ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับดารา เป็นไปได้ว่านางจะมีพลังระดับดาราขั้นกลางเป็นอย่างน้อย ที่คิดเช่นนั้นเพราะการที่นางกล้าลงมือในโรงประมูลจินหยวนซึ่งเป็นอาณาเขตของตัวตนระดับดาราอย่างจินหมิง นางก็สมควรจะมีระดับพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าเจ้าถิ่น
จินซวนที่ถูกตบ หลังจากแน่นิ่งตกตะลึงไปชั่วขณะเขาก็ตัดสินใจไม่ไปรายงานเรื่องนี้กับจินหมิง เขานั่งลงที่เก้าอี้อย่างมึนๆราวกับคนไร้สติ
หลิงฮันมีความสุขขึ้นทันใด ในที่สุดเขาก็จะได้อยู่เงียบๆเสียที
เขากำลังคิดว่าจะมีวิธีไหนไหมที่จะฝังร่างของเชี่ยตงหลายเอาไว้ที่สนามรบสองดินแดนตลอดการ
ผ่านไปสักพักการประมูลก็เริ่มขึ้น
ในเมื่อมันเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการประมูลสินค้าเพียงชิ้นเดียว ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่จะถูกประมูลท้ายสุด ก่อนหน้านั้นจะเป็นการประมูลสินค้าอื่นๆเช่นเม็ดยา แร่โลหะ อุปกรณ์มิติหรือทักษะบ่มเพาะ
สิ่งของที่ถูกนำมาประมูลทุกคนล้วนแต่ราคาแพงหูฉีก มีของบางอย่างที่ทำให้จิตใจของหลิงฮันสั่นคลอน แต่เมื่อคิดว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์ เขาก็ระงับความอยากเอาไว้และตัดสินใจทำให้ดาบอสูรนิรันดร์กลายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเป็นอันดับแรก
ตัวเขาใกล้จะทะลวงผ่านขั้นกลางแล้ว หากมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ระดับใกล้เคียงกับตนเองจะทำให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
เม็ดยาที่เขาส่งไปประมูลถูกประมูลไปแล้ว เม็ดยาเหล่านั้นค่อนข้างสร้างเสียงฮือฮาได้พอสมควรเนื่องจากคุณภาพอันยอดเยี่ยมของพวกมัน หากเทียบกับเม็ดยาชนิดเดียวกันแล้วผลลัพธ์จากเม็ดยาของเขานั้นมีประสิทธิ์ภาพสูงกว่าถึงสอง สามหรือห้าส่วนเลยทีเดียว
เพราะมัวแต่นึกถึงแต่ศิลาวิญญาณปฐพี หลิงฮันจึงลืมไปเลยกว่าการขายเม็ดยาเหล่านี้ก็ทำกำไรให้เขาได้อย่างมหาศาลเช่นกัน
เมื่อการประมูลผ่านมาครึ่งทางแล้ว ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนเล็กก็ตรงนำมาประมูลก่อน
หลังจากการแย่งชิงอย่างดุเดือด ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนเล็กก็ถูกประมูลไปที่ราคาสี่ล้านผลึกก่อเกิด นับว่าเกินกว่าที่คิดมาก โดยปกติแล้วศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่านี้สามารถขายได้ราวๆสี่ล้านผลึกก่อเกิดเท่านั้น
แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าทรัพยากรอย่างศิลาวิญญาณปฐพีนั้นไม่ได้มีราคาตลาด ดังนั้นหากมีการแข่งขันแย่งชิงกันซื้อ ราคาย่อมสูงกว่าปกติเป็นธรรมดา
หลังจากอุ่นเครื่องเสร็จทุกคนก็คาดเดาได้ว่าศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่จะต้องมีการแย่งชิงที่ดุเดือดกว่านี้แน่นอน
เห็นว่าศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่นั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือซึ่งใหญ่กว่าก้อนนี้อย่างน้อยสิบเท่า
ใหญ่กว่าสิบเท่าราคาก็ต้องแพงกว่าอย่างน้อยสิบเท่า อย่างที่รู้กันว่ายิ่งศิลาวิญญาณปฐพีมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีภายในนั้นก็จะยิ่งสมบูรณ์
ราคาของมันสมควรอยู่ที่ราวๆสามถึงสี่ร้อยล้านผลึกก่อเกิด!
หลังจากราคาจำนวนนี้ผุดขึ้นในหัว ใครหลายคนก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ทันที ช่างเป็นราคาที่สูงลิบลิ่วจริงๆ
หลิงฮันคาดหวังเอาไว้มาก เพื่อที่จะยกระดับดาบอสูรนิรันดร์เขาจำเป็นต้องใช้แร่โลหะจำนวนมหาศาล และเพื่อที่จะซื้อแร่โลหะเหล่านั้นผลึกก่อเกิดจึงเป็นสิ่งจำเป็น
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและการประมูลก็มาถึงจุดสุดท้าย ในที่สุดศิลาวิญญาณปฐพีก้อนใหญ่ก็ถูกนำออกมา
“สิบล้าน!”
“ยี่สิบล้าน!”
ทันทีที่ศิลาวิญญาณปฐพีปรากฏออกมา ทุกคนก็แย่งประมูลกันอย่างดุเดือด ราคาของมันทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าราคาในตอนนี้ยังเป็นเพียงการเกริ่นราคาเท่านั้น ยังห่างไกลกับราคาที่ทุกคนคิดเอาไว้
หลังจากที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นถึงสองร้อยล้าน จำนวนของผู้แย่งประมูลก็น้อยลงไปกว่าครึ่ง แต่ตราบใดที่ยังเหลือคนสองคนที่ไม่ยอมแพ้ให้กัน ราคาก็จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างมาก ราคาที่เขาคาดหวังเอาไว้คือสองร้อยล้าน ตอนนี้แค่มีคนประมูลเพิ่มขึ้นอีกสักครั้งเขาก็ดีใจแล้ว
เพียงแต่ว่าหลังจากที่ราคาสูงไปอีก จำนวนผู้ประมูลก็ยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อผ่านการแย่งชิงไปสักพักราคาของศิลาวิญญาณปฐพีก็ทะลุถึงหลักสามร้อยล้าน
คือเกือบจะเป็นราคาสุดท้ายของศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้แล้ว
“สามร้อยสิบล้าน!” ในห้องรับรองส่วนตัว เสียงอันหยิ่งทะนงของเชี่ยตงหลายก็ดังออกมา