เมื่อธิดาซื่อเย่วปรากฏตัว ทุกคนรีบเปิดทางให้นางเดินทางทันที
เชี่ยตงหลายจ้องมองไปที่หลิงฮันไม่หยุด ถึงแม้เขาจะประมูลศิลาวิญญาณปฐพีมาไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็มาไม่ได้เช่นนั้น แล้วประเด็ดสำคัญคือเขาประมูลแพ้ให้กับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์
หลังจากที่ทุกคนส่งมอบผลึกก่อเกิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินหมิงก็ไปหาหลิงฮันด้วยตัวเองและมอบถุงมิติให้กับหลิงฮันพร้อมกับพูดว่า “นายน้อยฮัน ผลึกก่อเกิดทั้งหมด 365,580,000 ก้อนถูกบรรจุอยู่ในถุงมิตินี้เรียบร้อยแล้ว”
พรวด!
เชี่ยตงหลายแทบตาถลนและเกือบกัดลิ้นไก่ตัวเองขาด เดี๋ยวก่อนนะ หลิงฮันไม่ได้มาที่นี่เพื่อประมูล แต่มาเพื่อขายอย่างนั้นรึ?
ผลึกก่อเกิดที่เขาได้รับมากกว่าสามร้อยล้านก้อนที่เขาได้รับมาหมายความว่าอย่างไร?
นั่นหมายความว่าหลิงฮันเป็นคนนำผลึกวิญญาณปฐพีมาประมูล มิฉะนั้นเขาจะได้รับผลึกก่อเกิดมากกว่าสามร้อยล้านก้อนได้อย่างไร?
สีหน้าของเชี่ยตงหลายเปลี่ยนไปมาก ราวกับถูกอีกฝ่ายตบหน้าอย่างแรง
ก่อนหน้านี้เขาพูดอย่างมั่นใจว่าจะประมูลผลึกวิญญาณปฐพีมาให้ได้และปล่อยให้หลิงฮันเจ็บใจ ทว่าหลิงฮันกลับเป็นคนที่นำผลึกศิลาวิญญาณปฐพีมาประมูล! และเขายังประมูลแข่งกันด้วยราคาที่สูงลิ่วแบบนั้น แล้วด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขามีปัญหากับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์
น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจ!
ข้าเป็นลูกหลานของแม่ทัพเชี่ยที่มีจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หนุนหลังอยู่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักปรุงยาระดับแปด แต่ถ้าจะเทียบกับข้าน่ะหรือ เจ้าไม่มีคุณสมบัติเป็นที่รองเท้าของข้าเลยด้วยซ้ำ!
หลิงฮันรับถุงมิติจากจินหมิงและเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที โดยที่ไม่ตรวจสอบ
“นายน้อยฮันจะไม่ตรวจสอบหน่อยหรือ?” จินหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไว้วางใจผู้อาวุโสจินหมิง” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
จินหมิงพยักหน้า โรงประมูลตระกูลจินของพวกเขามีชื่อเสียงในด้านความซื่อสัตย์มาโดยตลอด และไม่เคยมีประวัติโกงลูกค้า แต่ว่าผลึกก่อเกิดจำนวนเกือบสี่ร้อยล้านก้อนเป็นจำนวนที่มหาศาลที่แม้แต่จอมยุทธระดับดารายังต้องไหวติ่ง
ทว่าหลิงฮันกลับไว้วางใจเขามากและไม่ขอตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้จินหมิงรู้สึกพึงพอใจในตัวหลิงฮันเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นนักปรุงยาอย่างนั้นรึ?” ธิดาซื่อเย่วจู่ๆก็พูดถามหลิงฮัน
“ใช่แล้ว ข้าเป็นนักปรุงยา” หลิงฮันพยักหน้า
“ว่ากันว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับแปด เรื่องนั้นจริงหรือไม่?” ธิดาซื่อเย่วถามอีกครั้ง
“จริง!” ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เช่นนาง เขาไม่มีทางพูดจาเหลวไหลอยู่แล้ว
ธิดาซื่อเย่วแสดงสีหน้าชื่นชมและพูดว่า “อายุที่แท้จริงของเจ้าน่าจะน้อยกว่าห้าสิบปี ทว่าเจ้าไม่ได้เป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาระดับแปดอีกด้วย ความสำเร็จของเจ้าอาจทำให้ผู้คนทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องอิจฉา”
อะไรนะ!
จินหมิงและเชี่ยตงหลายรู้สึกตกตะลึงมาก สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือความรู้สึกของธิดาซื่อเย่วนั้้นผิด มันจะมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวิถีวรยุทธและเป็นนักปรุงยาได้อย่างไร?”
อายุน้อยกว่าห้าสิบปี?
เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
แต่ว่าสายตาของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะมองผิดได้อย่างไร?
หลิงฮันแอบยิ้มอยู่ในใจ ยังไงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็คือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์อยู่ดี แม้ทุกคนจะทราบดีอยู่แล้วว่าเขายังเป็นรุ่นเยาว์ แต่จากมุมมองของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราจะคิดว่าเขามีอายุน้อยกว่าพันปี ส่วนจอมยุทธระดับดาราจะคิดว่าเขามีอายุน้อยกว่าร้อยปี
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ อีกฝ่ายตัดสินใจว่าเขามีอายุน้อยกว่าห้าสิบปี มันเป็นการตัดสินใจที่แม่นยำกว่ามาก สายตาของนางช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ถ้าความสำเร็จของเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายในหนึ่งพันปี เจ้าคงกลายเป็นนักปรุงยาระดับสิบห้าได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” ธิดาซื่อเย่วกล่าว
นักปรุงยาระดับสิบห้า?
หลิงฮันคิดในใจว่าบางทีธิดาซื่อเย่วอาจเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูง ดังนั้นนางจึงต้องการเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้า
“ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมของท่าน เมื่อใดที่ข้ากลายเป็นนักปรุงยาระดับสิบห้า ข้ายินดีที่จะหลอมเม็ดยาให้ท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้?” ธิดาซื่อเย่วประหลาดใจ หลอมเม็ดยาให้อย่างไม่มีเงื่อนไข มันไม่ใช่คำสัญญาณแค่ลมปาก
ยิ่งเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในการขอให้หลอมเม็ดยาให้ก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขึ้นไปที่ต้องใช้เวลาหลอมนานขึ้นจากหลายเดือนจนเป็นหลายปี
อย่างเช่นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้า มันต้องใช้เวลาประมาณสิบปีในการหลอมแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นอะไรที่เสียเวลาชีวิตมาก
ดังนั้นหากต้องการให้นักปรุงยาระดับสูงหลอมเม็ดยาให้จะต้องเสนอราคาที่มากพอ
แต่หลิงฮันกลับพูดว่าจะหลอมเม็ดยาให้อย่างไม่มีเงื่อนไข เขาช่างเป็นคนใจกว้างยิ่งนัก
หลิงฮันพูดเสริมว่า “ท่านคิดว่าเป็นเรื่องแปลก? อันที่จริงแล้วเหตุผลของข้านั้นง่ายมาก ข้ามีภรรยาอยู่ในกองทัพจันทราม่วงที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่าน ซึ่งข้าอยากขอให้ท่านดูแลนางให้ดี”
ธิดาซื่อเย่วส่งเสียงหัวเราะออกมาทันที แม้คำขอของหลิงฮันจะเห็นแก่ตัว แต่นางก็พึงพอใจ นางเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้มีความจริงใจมาก แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขายอมจ่ายค่าตอบแทนไม่อั้นเพื่อหญิงสาวที่เขารัก
“เจ้าเดินไปกับข้า!” ธิดาซื่อเย่วกล่าว
“ขอรับ!”
เมื่อทั้งสองคนเริ่มเดิน เชี่ยตงหลายอยากจะติดตามไปด้วย แต่ธิดาซื่อเย่วก็สะบัดมือและส่งเชี่ยตงหลายกระเด็นไปที่ไหนสักแห่ง
“นายน้อย!” ชายชราสองคนรีบติดตามเชี่ยตงหลายไปทันที เพราะหน้าที่หลักของพวกเขาคือปกป้องเชี่ยตงหลาย
ธิดาซื่อเย่วดูสนใจหลิงฮันเป็นอย่างมาก ระหว่างเดินทางก็ถามเขาเกี่ยวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ซึ่งนั่นยังทำให้นางเข้าใจความบาดหมางระหว่างเขากับเชี่ยตงหลาย และนางก็อดหัวเราะไม่ได้แล้วพูดว่า “ปล่อยให้ภรรยาของเจ้าอยู่กับข้าซักพัก หากนางอยู่ในกองทัพจันทราม่วงของข้าต่อให้เชี่ยเฉียนมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้!”
เสียงของนางเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“ขอบคุณท่านมาก!” หลิงฮันพูดด้วยความจริงใจ ก่อนออกจากดาวติงหยุน กองทัพจันทราม่วงน่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหค เมื่อใดที่เขากำจัดห้านิกายโบราณได้แล้ว เขาก็จะกลับไปที่จักรวรรดิต้าหลิงพร้อมกับนาง
“เจ้าจงรับแผ่นป้ายเหล็กนี้ไป แผ่นป้ายเหล็กนี้จะทำให้เจ้าสามารถเข้าออกกองทัพจันทราม่วงได้เดือนละหนึ่งครั้งเพื่อไปหาภรรยาของเจ้า” ธิดาซื่อเย่วโยนแผ่นป้ายเหล็กให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันรู้สึกมีความสุขมาก ถึงจะพบได้แค่เดือนละหนึ่งครั้ง แต่ค่ายทหารกองทัพจันทราม่วงไม่เคยอนุญาตให้ชายใดเข้าไปมาก่อน
จากนั้นธิดาซื่อเย่วก็โบกมือลา และร่างของนางก็หายไปในพริบตา
จอมยุทธระดับดาราสามารถบินบนท้องได้ ซึ่งแน่นอนว่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เองก็สามารถบินบนท้องฟ้าได้เช่นกัน ทั้งยังมีความเร็วที่น่าทึ่้งกว่ามาก
หลิงฮันเก็บแผ่นป้ายด้วยรอยยิ้ม ถ้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเห็นเขาในค่ายทหารกองทัพจันทราม่วง นางจะแสดงสีหน้าเช่นไร?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้รับผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาลมาแล้ว แน่นอนว่าเขาจะนำมันไปซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ เขาเดินกลับไปที่โรงประมูลตระกูลจินอีกครั้งและขอให้อีกฝ่ายจัดหาซื้อแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าหรือสูงกว่านั้นขึ้นไปในนามของเขา
แค่ตัวหลิงฮันเองก็มีสถานะเป็นนักปรุงยาระดับแปดแล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความโปรดปรานจากธิดาซื่อเย่วอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จินหมิงประเมินหลิงฮันสูงขึ้นมาก และพยักหน้าตอบรับคำขอหลิงฮันทันที โดยไม่แม้แต่จะคิด