สองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันสะสมพลังปราณได้มากพอที่จะทะลวงผ่านขั้นถัดไปแล้ว การฝึกฝนใต้ต้นสังสารวัฎ มันช่วยเหลือเขาได้มาก ซึ่งทำให้เขาสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลางได้ทุกเมื่อ แต่เขายังไม่ทำเช่นนั้นทันทีและคิดจะแวะไปที่โรงประมูลตระกูลจินก่อน
จินหมิงจัดหาแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ให้เขาได้มากมาย แต่จำนวนของมันจ่ายจริงแค่สามแสนผลึกก่อเกิดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ได้มานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ดาบอสูรนิรันดร์ทะลวงผ่านขั้นถัดไป
หลิงฮันปล่อยให้ดาบอสูรนิรันดร์กลืนกินแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปครึ่งวันดาบอสูรนิรันดร์ก็มาถึงจุดสูงสุด ตราบใดที่มันกลืนกินแร่เหล็กจนหมด มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงจากดาบระดับห้าเป็นระดับหกได้ทุกเมื่อ
แต่หลิงฮันไม่รีบกระบวนการดังกล่าว และเริ่มที่ทะลวงผ่านระดับสุริยันัจนทราขั้นกลางแทน
เขาต้องการให้ดาบอสูรนิรนดร์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดในตอนที่เขารับทัณฑ์สวรรค์ เมื่อรับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกัน มันก็จะทำให้เขาและดาบอสูรนิรันดร์แข็งแกร่งขึ้น
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่หลิงฮันฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎมานานกว่าสามสิบปี เขาก็ออกมาจากหอคอยทมิฬและทันใดนั้นเองเมฆดำก็ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับสายฟ้าที่วิ่งพาดผ่าน
แต่สิ่งที่แปลกคือมันไม่ได้มีสายฟ้าสีขาวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสายฟ้าสีดำด้วย!
ที่นี่คือสนามรบสองดินแดน ซึ่งเป็นทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ ดังนั้นทัณฑ์สวรรค์ของที่นี่…จึงแสดงลักษณะของทั้งสองดินแดน
หลิงฮันออกจากเมืองเขี้ยวหมาป่ามานานไปที่สนามรบสองดินแดน การฝึกฝนภายในหอคอยทมิฬเขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครรบกวน และหลังจากที่ออกมาเขาก็สามารถรับทัณฑ์สวรรค์ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายคนอื่น
ภายในก้อนเมฆ มีสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัววิ่งไปมาไม่หยุดและสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ผ่าลงมาที่เขาอย่างกะทันหัน
เปรี๊ยง!
แต่หลิงฮันก็ไม่สะทกสะท้าน เขารีบกระบวนการทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่ทันที ขณะรับทัณฑ์สวรรค์
ในขณะเดียวกันดาบอสูรนิรันดร์ก็ดูดกลืนแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายเสร็จ หลิงฮันนำมันออกมารับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกับเขา ตัวดาบเริ่มปรากฏรอยแตกหักและมีกากเหล็กลอยออกมา จากนั้นมันก็เริ่มเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น
ไม่เลว!
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ทัณฑ์สวรรค์ก็หายไป
ทว่าหลิงฮันกลับรู้สึกว่าเขายังเรียนรู้จากมันได้ไม่มากพอ!
แต่ไม่เป็นไร ถ้าทัณฑ์สวรรค์ที่เขาจะได้รับในอนาคตรุนแรงแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องกังวล เพราะอนุภาพของมันจะรุนแรงกว่าครั้งนี้อย่างน้อยสองเท่า
ดาบอสูรนิรนดร์สั่นเล็กน้อยและลอยไปมาอยู่รอบตัวหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็น
กายหยาบของหลิงฮันนั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและความยืดหยุ่นที่น่าทึ่ง ขณะที่ดาบอสูรนิรันดร์มีพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว
ถ้าเขาใช้ดาบอสูรนิรันดร์โจมตีใส่ร่างกายของตัวเอง ดาบอสูรนิรดนร์จะโจมตีผ่านพลังป้องกันของเขาได้หรือไม่?
“ดาบของเจ้าไม่เลวเลย!” เสียงชื่นชมของใครบางคนดังมาจากระยะไกล มันเป็นเสียงของคนผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาวปกปิดทั้งร่างกาย แม้แต่เส้นผมของเขาก็ยังถูกผ้าคลุมปิดมิดชิด ดังนั้นหลิงฮันจึงมองไม่เห็นดวงตา จมูก หรือปากของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่แปลกประหลาดมาก
ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายหรือหญิง แม้จะฟังเสียงของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถตัดสินใจได้
จากนั้นอีกฝ่ายก็นำพิณออกมาวางไว้ต้นขา มือซ้ายบรรเลงไปมา และทันใดนั้นเสียงพิณอันไพเราะก็ดังขึ้น
คนๆนี้แข็งแกร่งมาก!
หลิงฮันคิดในใจ เขาไม่สามารถมองเห็นระดับอีกฝ่ายได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขา และสัญชาตญาณของเขาเองก็บอกเช่นนั้น
การชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนกำลังใกล้เข้ามา อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งก็ปรากฏตัวออกมามากมายราวกับเห็ด
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว มันเป็นดาบที่ดีจริงๆ”
“แล้วเจ้าสามารถขายดาบเล่มนี้ให้กับข้าได้หรือไม่?” คนในชุดคลุมขาวถาม
“โทษที ข้าไม่ขาย” หลิงฮันส่ายหัว
คนในชุดคลุมขาวบรรเลงพิณหนักหน่วงขึ้น จากนั้นสักพักอีกฝ่ายก็หยุดมือและพูดว่า “ถ้างั้นพวกเรามาเดิมพันกันเถอะ ถ้าข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าจะต้องขายดาบเล่มนี้ให้กับข้า!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าไม่สนใจ!”
“แล้วถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนวรยุทธซึ่งกันและกันล่ะ?” คนในชุดคลุมขาวกล่าวอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้
“ก็ได้!” หลิงฮันกล่าวและเก็บดาบอสูรนิรันดร์
คนในชุดคลุมขาวรีบกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “เจ้าแน่ใจหรือที่จะไม่ใช้ดาบเล่มนั้น?”
“เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ ข้าก็จะใช้มันเอง!” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไรดี?”
คนในชุดคลุมขาวดูลังเลและพูดว่า “อู่เมี่ยน” (ไร้หน้า)
อู่เมี่ยน?
คนในชุดคลุมขาวเรียกตัวเองว่าอู่เมี่ยน เจ้าจะบอกว่าตัวเองไร้ตัวตนอย่างนั้นรึ?
อู่เมี่ยนหมายถึงไร้หน้า
“ข้าหลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวและยกหมัดขึ้นมา ในเมื่อเขามีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง ดังนั้นเขาจึงชอบใช้หมัด ความรู้สึกที่ได้แนบเนื้อของอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไรที่เขารู้สึกสุดยอดมาก
“เตรียมรับมือ!” อู่เมี่ยนเริ่มบรรเลงพิณ และคลื่นเสียงก็ก่อตัวเป็นดาบที่แหลมคมพุ่งเข้าหาหลิงฮัน
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะเผยสีหน้าประหลาดใจ การโจมตีครั้งนี้ทรงพลังมากถึงทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากอีกฝ่าย แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะแรงกดดันของอีกฝ่ายโดยตรง แต่เป็นแรงกดดันของการโจมตีครั้งนี้
อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง!
ไม่ ไม่ใช่ หลิงฮันหลบการโจมตีและคิดพร้อมกัน การโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงไม่น่าจะทรงพลังขนาดนี้
ขั้นสูงสุด!
ใช่แล้ว อีกฝ่ายสมควรที่จะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด มันถึงจะมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมีพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้
ต้องทราบก่อนว่าหลิงฮันเพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดล่ะก็มันจะต่างชั้นกันแค่ไหน?
มันจะต่างชั้นราวกับฟ้าและเหว
“โอ้ว จริงสิ เจ้าเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นต้นเท่านั้น” อู่เมี่ยนพยักหน้า ราวกับเพิ่งจะรู้ตัว “ถ้างั้นข้าจะลดระดับพลังชั่วคราวเพื่อต่อสู้ในระดับเดียวกับเจ้า”
กลิ่นอายของเขาลดลงในพริบตา และหยุดอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นกลาง
แม้อู่เมี่ยนจะแสดงความยุติธรรม แต่ความยุติธรรมก็อาจทำให้พ่ายแพ้ได้ ดังนั้นเขาจึงลดระดับพลังให้เหนือกว่าหลิงฮันเล็กน้อย
มันไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงอยู่บนโลกใบนี้
ตึง ตึง ตึง อู่เมี่ยนดีดพิณอีกครั้ง ตึง ตึง ตึง คลื่นเสียงอีกระลอกก่อตัวเป็นดาบและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน
ปัง!
การโจมตีของอู่เมี่ยนไร้ผล และถูกหลิงฮันทำลายหายไป