อู่เมี่ยนจริงจังยิ่งขึ้นและดีดสายพิณอย่างรวดเร็ว ‘ตึง ตึง ตึง’ เสียงพิณส่งเสียงดังด้องพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นเสียงออกมาทีละระลอก คลื่นเสียงแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของยุทธภัณฑ์มากมายโจมตีใส่หลิงฮัน
ท้องฟ้าแทบจะถูกปกคลุมไปด้วยยุทธภัณฑ์ บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นเย็นยะเยือก
หลิงฮันไม่เกรงกลัว นอกจากขั้นพลังแล้ว กายหยาบของเขาก็ยกระดับสูงขึ้นจนเทียบเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ต่อให้เป็นการโจมตีของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดอย่างมากเขาก็แค่กระอักโลหิต
อีกฝ่ายลดขั้นพลังของตนเองลงมาเหลือเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นกลาง ต่อให้ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีพลังต่อสู้มากกว่าหกดาวก็ยังถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กายหยาบของเขาบาดเจ็บ
‘ตูม’ หลิงฮันตอบโต้ทำลายคลื่นเสียงด้วยหมัดและค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้อู่เมี่ยน
อู่เมี่ยนแสดงท่าทีตะลึงเล็กน้อย ในการต่อสู้ระดับเดียวกัน คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก! แต่คนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นก็ทำให้โลหิตของเขาเดือดพล่าน เขาใช้ของมือดัดพิณปล่อยคลื่นเสียงเพิ่มขึ้นหลายระลอก ครั้งนี้คลื่นเสียงไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นยุทธภัณฑ์แต่เปลี่ยนเป็นรูปร่างมนุษย์
มันคือยักษ์ที่สูงสิบฟุต ทั่วร่างสวมใส่เกราะเหล็กโดยที่หนึ่งมือถือขวาน หากมองให้ดีจะเห็นว่ายักษ์ตนนี้เป็นซากศพที่เน่าเปื่อยจนเห็นโครงกระดูก ดวงตาของมันส่องสว่างราวกับดวงไฟที่ลุกโชน
ทันทีที่ยักษ์ตนนี้ปรากฏตัวมันเหวี่ยงขวานในมือโจมตีใส่หลิงฮันทันที เกราะบนร่างของมันปลดปล่อยรูปแบบอารมศักดิ์สิทธิ์ลึกลับออกมาทำให้ยักษ์ตนนี้ดูราวกับเป็นของจริง
เพียงแค่คลื่นเสียง เหตุใดถึงได้ให้ความรู้สึกเหมือนจริงขนาดนี้?
แต่ถึงอย่างไรหลิงฮันก็ไม่หวั่นเกรง เขากำหมัดตอบโต้ขวานขนาดมหึมา คลื่นปะทะที่เกิดขึ้นส่งผลให้พื้นดินรอบด้านพังทลายไม่เหลือซาก
เพียงแต่ว่าสถานที่แห่งนี้คือเขตรกร้าง ต่อให้จะเกิดความเสียหายมากขนาดไหนก็ไม่เป็นอะไร
ที่น่าตกใจก็คือยักษ์ตนนั้นสามารถป้องกันการโจมตีของหลิงฮัน
เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าเพียงแค่คลื่นเสียงเหตุใดถึงได้ทรงพลังเพียงนี้?
หลิงฮันหัวเราะสนุกและรัวหมัด รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายบนหมัดและแขนของเขา พลังทำลายของหมัดถูกยกขึ้นไปอีกระดับและทำลายยักษ์ทิ้งทันที
แต่เพียงอู่เมี่ยนดีดสายพิณอีกไม่กี่ครั้ง ยักษ์อีกตัวก็ปรากฏออกมาและโจมตีใส่เขา
ไม่จบไม่สิ้น!
หลิงฮันส่ายหัว เขาโคจรทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพุ่งเข้าไปประจันหน้ากับอู่เมี่ยน
“หืม?” อู่เมี่ยนชะงัก นึกไม่ถึงว่าหลิงฮันจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็แค่ตะลึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาหยิบดาบเล่มบางออกมาจากพิณและแทงเข้าใส่หลิงฮัน
ดาบถูกซ่อนอยู่ในพิณ? ช่างเป็นการโจมตีสังหารฉับพลันที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ช้าไปแล้วที่หลิงฮันจะเปลี่ยนวิถีของทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา เขาพยายามฮึดเบี่ยงร่างของตัวเอง
‘พรึบ’ ร่างของเขาเบี่ยงลอยถอยหลังราวกับใบไม้ที่ร่วงจากต้น
‘ฉัวะ’ ปลายดาบเฉียดจมูกของหลิงฮัน หากเขาเบี่ยงหลบน้อยกว่านี้อีกนิดเดียวจมูกของเขาคงถูกเฉือนแน่ ถึงแม้ดาบจะฟันไม่เข้าแต่ก็คงเจ็บไม่น้อย
ด้านหลังของหลิงฮัน ยักษ์ได้เตรียมโจมตีเอาไว้แล้ว ขวาของมันฟาดลงมายังหลังของเขา
อู่เมี่ยนไม่ปล่อยให้หลิงฮันมีโอกาสตั้งตัว เขาโจมตีจากด้านหน้าอีกทางเพื่อกดดันหลิงฮัน
‘ปัง ปัง ปัง’ เขากับยักษ์ร่วมมือกันผสานการโจมตีกระหน่ำใส่หลิงฮัน
รุนแรงมาก!
จิตใจของหลิงฮันรู้สึกบีบรัด ในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกไล่ต้อนเช่นนี้ ที่จริงต่อให้บอกว่าระดับพลังเท่ากัน แต่ความจริงขั้นพลังของอีกฝ่ายสูงกว่าเขาหนึ่งขั้นย่อย แถมต่อให้อู่เมี่ยนลดพลังของตัวเองลงมา ความเข้าใจในการควบคุมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลังต่อสู้ของทั้งสองแตกต่างกันอย่างมาก
แต่ในโลกนี้จะมีการต่อสู้ที่ยุติธรรมอย่างแท้จริงรึไง? หากจะโทษก็สมควรโทษตัวเขาเองที่มีพลังไม่มากพอ
หลิงฮันไม่บ่นร้องขอความเป็นธรรม ในเมื่ออีกฝ่ายใช้อาวุธเขาก็ไม่จำเป็นต้องออมมืออีกต่อไป เขาคำรามและจับดาบอสูรนิรันดร์
ทันใดนั้นเอง พลังปราณอันเข้มข้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ดาบอสูรนิรันดร์ยกระดับเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกแล้ว พลังของมันเรียกได้ว่าชั้นหนึ่ง และเมื่อผสานพลังเข้ากับอำนาจสวรรค์ พลังทำลายของมันจึงน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม หลิงฮันสะท้านดาบออกไป ‘ฉัวะ’ ยักษ์ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนในพริบตา คลื่นดาบยังไม่สลายไปและบดขยี้ร่างที่ถูกผ่าครึ่งของยักษ์จนไม่เหลือซาก
“เป็นดาบที่ดี!” อู่เมี่ยนไม่ลืมที่จะเอ่ยชมพร้อมกับกวัดแกว่งดาบของตนไปพร้อมๆกัน
ปัง!
ดาบของทั้งคู่ปะทะเข้าหากันก่อให้เกิดประกายลุกโชน
ดาบของอู่เมี่ยนนั้นเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด แต่มันไม่สามารถกำราบดาบอสูรนิรันดร์ลงได้ ดาบเล่มนี้อยู่กับอู่เมี่ยนมานานจนเจตจำนงของเขาถูกสลักลงบนตัวดาบแล้วอย่างสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถชิงความได้เปรียบจากดาบอสูรนิรันดร์ได้เลย
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่สามารถต่อกรกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้… อู่เมี่ยนจะต้องการมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ปัง! ปัง! ปัง!
อู่เมียนจะต้องเป็นรุ่นเยาว์ระดับราชาที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ผิดแน่ พลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินจะบรรยาย
เขาเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ยิ่งกว่าหลิงฮัน ส่วนหลิงฮันก็มีกายหยาบที่ทนทานราวกับสัตว์ประหลาด คนหนึ่งมีพลังโจมตีที่รุนแรงกับอีกคนหนึ่งมีพลังป้องกันที่ทนทาน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้นยากที่จะคาดเดา
เพียงแต่ว่า หากการต่อสู้ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ชนะที่ยืดหยัดเป็นคนสุดท้ายสมควรเป็นหลิงฮัน
นั่นเพราะพลังป้องกันของเขาคือกายหยาบที่คงสภาพอยู่ตลอด ในขณะเดียวกันเมื่อใดที่อู่เมี่ยนใช้พลังปราณจนแห้งเหือด แค่อีกฝ่ายถูกโจมเล็กน้อยเล็กก็ตัดสินการต่อสู้ได้แล้ว
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงเราะลากยาวดังขึ้น อู่เมี่ยนเป็นฝ่ายหยุดสู้ก่อนและกล่าว “ในการต่อสู้ระดับเดียวกันข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้จริงๆ”
“ข้าก็ชนะเจ้าไม่ได้เช่นกัน” หลิงฮันกล่าวตอบ
“ถ้าระดับพลังของเจ้าเท่ากับข้าจริงๆ เจ้าอาจจะเอาชนะข้าได้ เพราะอย่างไรข้าก็แค่ลดระดับพลังลงมาเท่านั้น ความเชี่ยวชาญในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของข้ายังเหนือกว่าเจ้าอยู่ดี” อู่เมี่ยนกล่าวตามตรง
“แต่…” เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ “นั่นก็แค่การสู้ประลองเท่านั้น ถ้าเป็นการฆ่าฟันของจริงก็ไม่มีใครรู้ว่าฝ่ายใดจะรอดหรือตาย”
หลิงฮันพยักหน้า อัจฉริยะเช่นพวกเขาจะไม่มีไพ่ลับซ่อนเอาไว้ได้อย่างไร?
การต่อสู้เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้อำนาจแห่งสวรรค์ แถมต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาก็ยังมีหยดวารีอมตะที่สามารถฟื้นฟูบาดแผลทันที และต่อให้จะเป็นโอกาสหนึ่งในร้อยส่วนก็ตามเขาก็ยังสามารถกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านได้อีก
และแน่นอนว่าไพ่ลับก้นหีบที่แท้จริงย่อมเป็นหอคอยทมิฬ หากสถานการณ์ย่ำแย่จริงๆต่อให้เขาเข้าไปซ่อนในนั้นแม้แต่เซียนก็หาเขาไม่พบ!
ทั้งสองคนมีความรู้สึกเหมือนกับเป็นสหายเก่าที่พบเจอกันอีกครั้ง ทั้งสองนั่งลงสนทนาคุยกันอย่างสนิทสนม แม้อู่เมี่ยนจะมีระดับพลังที่สูงกว่า แต่ความเข้าใจในศาสตร์แห่งวรยุทธของหลิงฮันก็ทำให้เขาได้รับรู้สิ่งใหม่ๆอย่างคาดไม่ถึง
หลิงฮันก็ได้เรียนรู้จากการสนทนากับอีกฝ่ายเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็มีระดับพลังที่สูงกว่าเขา
พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสจนแม้จะผ่านไปสามวันแล้วก็ยังไม่หยุด พวกยังคุยกันราวกับว่าต่อให้ผ่านไปอีกเจ็ดถึงแปดวันพวกเขาก็ยังมีเรื่องให้คุยกันต่อได้
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้าแล้ว!” น้ำเสียงที่ฟังดูโกรธแค้นดังขึ้นพร้อมกับร่างของเชี่ยตงหลายที่เดินเข้ามา ด้านหลังของเขาตามมาด้วยคนรับใช้ชราสองคนและสตรีวัยกลางคนคนหนึ่ง
จูหลี่หยุน