ห้านิกายโบราณนั่งประชุมหารือกันถึงวิธีการที่จะจัดการหลิงฮัน
ตัวตนระดับสูงในระดับสุริยันจันทราซึ่งเป็นตัวแทนจากห้านิกายมาร่วมมือกันเพื่อไล่สังหารมดปลวกระดับสุริจันทราขั้นกลางจากโลกใบเล็กเพียงคนเดียว เรื่องแบบนี้ช่างเหนือจะจินตนาการ
“เจ้าหนูนั่นสามารถเปิดสวรรค์ได้สำเร็จจึงได้รับวาสนาอันยิ่งใหญ่จากสวรรค์และปฐพี ไม่เช่นนั้นด้วยเวลาเพียงไม่กี่ปีย่อมไม่มีทางยกระดับได้เร็วถึงขนาดนี้”
“เจ้าหนูนั่นจะต้องพบเจอสมบัติล้ำค่าที่สุดในทวีปฮงเทียนแน่นอน เมื่อขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัตินั่นก็ยังช่วยให้เขาพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด”
“ทวีปฮงเทียนนั้นไม่อาจดูแคลน อย่างน้อยที่โลกใบเล็กใบนั้นก็มีเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ที่มีสมบัติสืบทอดอันยิ่งใหญ่ของราชันวารีสวรรค์”
“โชคร้ายที่โลกใบเล็กมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ป้องกันเอาไว้ พวกเราจึงไม่สามารถเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ที่ว่าได้”
“บางที… เจ้าหนูนั่นอาจจะได้รับสืบทอดสมบัติของราชันวารีสวรรค์!”
ฮึ่ม!
ตัวแทนทั้งห้าคนไม่อาจสงบสติได้อีกต่อไป ราชันวารีสวรรค์เป็นใครนั้นไม่มีใครรู้ แต่ที่พวกเขารู้ก็คืออีกฝ่ายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งหาผู้ใดเปรียบ แม้แต่สิบสองผู้ติดตามของเขาก็ยังไร้เทียมทาน
ถ้าได้รับสมบัติสืบทอดจากราชันวารีสวรรค์… ไม่สิ ขอแค่เป็นสมบัติสืบทอดจากเขตแดนลี้ลับสิบสองสวรรค์ก็สมควรเป็นสมบัติของตัวตนระดับวารีนิรันดร์เป็นอย่างน้อย?
“ต้องจับกุมตัวเจ้าหนูนั่นให้ได้!”
“ในเมื่อเขาอยู่ไม่ไกลและเป็นฝ่ายแส่หาความตายเอง ทำไมไม่สนองให้เขาล่ะ?”
“ส่งปรมาจารย์ทุกคนออกตามล่า!”
ทั้งห้าคนลงมติเป็นเอกฉันท์อย่างรวดเร็ว เหล่าปรมาจารย์ของห้านิกายจะถูกส่งออกไปตามล่าหลิงฮัน และเพื่อป้องกันไม่ให้นิกายใดนิกายหนึ่งฮุบเก็บสมบัติเอาไว้คนเดียว กองกำลังที่จะไล่ล่าหลิงฮันจึงต้องมีคนของทั้งห้านิกายอยู่ในกองกำลัง
แน่นอนว่าด้วยจำนวนของปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราของห้านิกายโบราณที่มีจำกัด การตามหาหลิงฮันในสนามรบสองดินแดนอันกว้างใหญ่จึงไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันมักจะเข้าไปฝึกฝนหลอมเม็ดยาอยู่ในหอคอยทมิฬด้วย โอกาสพบเจอตัวเขาจึงยิ่งน้อยลงไปอีก
หลิงฮันไม่ได้จงใจจะหลบซ่อนตัว เขายินดีอย่างมากที่จะปะทะกับศัตรูในสนามรบสองดินแดนและออกตามหาศิลาวิญญาณปฐพี
เวลาผ่านไปสามเดือนอย่างรวดเร็ว เขาสามารถดูดซับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเพื่อยกระดับพลังได้อีกครั้ง แต่เมื่อคิดว่าก่อนจะทำเช่นนั้นได้เขาต้องผ่านการขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์เสียก่อน มุมปากของเขาก็กระตุกไม่หยุด
‘ปัง ปัง ปัง’
เสียงการปะทะดังขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของเขา หลิงฮันไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่ที่นี่คือสนามรบสองดินแดน หากสิ่งมีชีวิตใต้พิภพกำลังสู้รบกับเผ่ามนุษย์อยู่ล่ะ?
เขารุดหน้าไปทันที แต่เมื่อมาเห็นสองฝ่ายที่กำลังปะทะกันอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
มันไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างสิ่งมีชีวิตใต้พิภพกับมนุษย์ แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ บางทีที่นี่อาจจะมีศิลาวิญญาณปฐพีอยู่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกัน
พลังของทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งมาก พวกเขาเป็นตัวตนระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
เมื่อเห็นหลิงฮันปรากฏตัว ทั้งฝายก็หยุดชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อพบว่าหลิงฮันมาคนเดียวและมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นกลางพวกเขาก็เลิกสนใจ
“หยุดก่อน!” แต่ทันใดนั้นเอง ฝ่ายหนึ่งได้กล่าวหยุดการปะทะ
“เหอะ จะรีรออะไรอยู่ พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” อีกฝ่ายกล่าวถาม
“เราจะยอมยกศิลาวิญญาณปฐพีให้พวกเจ้า” คนที่กล่าวหยุดการปะทะเอ่ยต่อ
อีกฝ่ายตกตะลึงประหลาดใจ ที่จริงพวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ด้วยซ้ำ พวกเขาตั้งแต่จะหาโอกาสแย่งชิงศิลาวิญญาณปฐพีและหาโอกาสเผ่นหนี แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนยุติการปะทะเช่นนี้
พวกเขาค่อยๆเดินจากไปและพบว่าอีกฝ่ายไม่ขยับไล่ตามแม้แต่นิดเดียว เมื่อพวกเขาเขยิบออกมาได้ไกลพอสมควรพวกเขาก็รีบเผ่นหายไปอย่างรวดเร็ว
“เหอๆ ข้ากำลังตามหาเจ้าอยู่พอดี แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับกลายเป็นคนที่เดินเข้ามาหาพวกข้าเอง” ชายวัยกลางคนที่พาดดาบไว้ด้านหลังกล่าวอย่างโหดเหี้ยม เขามองไปยังหลิงฮันด้วยจิตสังหาร
“ตรงกับข้อมูลที่ได้มา เขามีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง!” สตรีวัยกลางคนกล่าวต่อ
“เจ้าหนู ยอมรับความตายเสียโดยดี แล้วเจ้าจะได้ตายอย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด” หญิงชราหลังค่อมคนหนึ่งกล่าว มือข้างหนึ่งของนางยันไม้เท้าเอาไว้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ช่างบังเอิญ ข้าเองก็กำลังตามหาพวกเจ้าอยู่พอดี!”
ในกลุ่มคนเหล่านี้ เขามองเห็นสองคนมีสัญลักษณ์ของนิกายดาบสวรรค์ปักอยู่บนแขนเสื้อ ส่วนอีกแปดคนก็มีสัญลักษณ์ของนิกายตนเองปักอยู่เช่นกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขามาจากนิกายโบราณอีกสี่นิกาย
“เหอะ ข้าอยากเห็นมาตลอดว่าเจ้าหนูที่เปิดสวรรค์สำเร็จจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าเจ้ากินมังกรหรือวิหคเพลิงเข้าไปถึงได้มีความกล้าขนาดนั้น!” หญิงชรายกไม้เท้าขึ้นและกระแทกลงพื้น ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ พื้นดินปรากฏรอยร้าวทันและค่อยๆลามไปยังบริเวณที่หลิงฮันยืนอยู่
ทันทีพื้นดินถูกกระแทก เงาแสงสีดำอันมืดมิดได้ปรากฏขึ้นมาจากรอยร้าวเบื้องล่างและผสานรวมกันเป็นรูปร่างของอสรพิษ
หากมองให้ดีจะพบว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่อสรพิษ แต่เป็นไส้เดือนที่มีอำนาจแฝงของมังกรปฐพี
“ฮึ่ม!” หลิงฮันเค้นเสียงและสะบัดดาบ คลื่นดาบนับพันถูกปลดปล่อยออก ไส้เดือนมังกรปฐพีเหล่านั้นถูกฟันจนสลายร่างกลับไปเป็นเงาแสงสีดำดังเดิม
ทันทีที่ดาบถูกนำออกมา กลุ่มคนทั้งสิบของห้านิกายโบราณก็ตกตะลึงทันที
ถึงแม้หญิงชราจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่การที่หลิงฮันสลายการโจมตีของนางได้ก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่อาจดูถูกได้เลยจริงๆ
“ให้ข้าจัดการเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้เจ้าหนูนั่นหลบหนีไปเด็ดขาด” ชายพาดพลังไว้ที่ด้านหลังก้าวเดินมาด้านหน้า ทันทีที่เขาหยิบดาบลงมา เจตจำนงแห่งดาบอันรุนแรงก็ระเบิดไปทั่วบริเวณ แม้แต่อากาศโดยรอบก็ถูกฉีกขาด
ชายคนนี้เป็นปรมาจารย์ของนิกายดาบสวรรค์
เขาเจตจำนงแห่งดาบของเขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ในหมู่ห้านิกายโบราณ ทั้งนิกายมังกรปฐพี นิกายนกอมตะเมฆาหรือนิกายอัสนีบาตรสีครามนั้น พวกเขาไม่ใช่เผ่ามนุษย์บริสุทธิ์แต่เป็นครึ่งมนุษย์ หรือก็คือพวกเขาเป็นลูกหลานของสัตว์เทพและเผ่ามนุษย์
พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าจอมยุทธทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อใดที่สายเลือดของพวกเขาตื่นขึ้นมา พลังต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว
แต่น่าเสียดายที่ห้านิกายนั้นมีอำนาจที่จำกัด พวกเขาไม่มีทักษะบ่มเพาะที่จะช่วยให้ยกระดับสูงขึ้นไปกว่าสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ หากไม่พบเจอวาสนาชั่วชีวิตของพวกเขาก็ต้องติดอยู่ในระดับพลังนี้
การที่นิกายดาบสวรรค์ที่ไม่มีสายเลือดของสัตว์เทพสามารถยืนหยัดทัดเทียมกับนิกายโบราณอีกสามนิกายนั้น แสดงให้เห็นว่าทักษะดาบของพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะทดแทนสายเลือดได้
โดยเฉพาะปรมาจารย์ระดับดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดตรงหน้าผู้นี้ เพียงแค่อีกฝ่ายนำปลายดาบชี้มายังหลิงฮัน เขาก็รู้สักราวกับว่าผิวหนังกำลังถูกฉีกกระชาก เจตจำนงของอีกฝ่ายน่าสะพรึงกลัวมาก
แข็งแกร่ง!