เมืองเขี้ยวหมาป่าได้ประกาศแจ้งเตือนถึงการบุกรุกอย่างเต็มรูปแบบของดินแดนใต้พิภพ
ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่ต้องกล่างถึงเรื่องถอนตัวจากสนามรบสองดินแดนอีกต่อไป ใครก็ตามที่เป็นบุคลากรของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่มีภาระหน้าที่ต้องต่อกรกับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ
สงครามครั้งใหญ่กับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเช่นนี้ เหล่าจอมยุทธทั่วดาวหยุนติ่งต้องผนึกกำลังกันร่วมต่อต้าน
ตัวของหลิงฮันเองก็ได้รีบมุ่งหน้าไปยังแนวหน้าของสงครามเพื่อกำจัดสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ สงครามครั้งนี้คือความบาดหมางระหว่างสองดินแดน ถ้าดาวดวงนี้สิ่งมีชีวิตใต้พิภพยึดครองจริงๆ สิ่งมีชีวิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงตกอยู่ในความสิ้นหวัง
สิ่งมีชีวิตใต้พิภพไม่ได้จะหลอมสิ่งมีชีวิตดาวหยุนติ่งให้เป็นเม็ดยาก็จริง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมันก็ไม่ต่างกัน เผ่ามนุษย์จะตกตายนับไม่ถ้วน
หลิงฮันมาถึงแนวหน้าและพบเห็นการเผชิญหน้าอันรุนแรงของทั้งสองดินแดน
ฝ่ายดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีกำลังหลักคือกองทัพจันทราม่วง กองทัพเวหาแหวกว่าย กองทัพบัญญัตินิพพานรวมไปถึงจอมยุทธพเนจรมากมาย พวกเขารวมตัวกันจนเป็นกองกำลังจำนวนราวๆเจ็ดแสนคน ส่วนระดับพลังนั้นก็คละๆกันไป
มีทั้งจอมยุทธที่มีพลังระดับภูผาวารีและสุริยันจันทรา จำนวนของจอมยุทธระดับภูผาวารีนั้นมีถึงครึ่งกองกำลังทำให้อำนาจของฝ่ายดินแดนศักด์สิทธิ์ด้อยกว่าฝ่ายดินแดนใต้พิภพหลายเท่า
กองทัพของฝ่ายดินแดนใต้พิภพนั้นมีจำนวนเป็นล้าน แถมยังเป็นระดับสุริยันจันทราทั้งหมด!
ณ เวลานี้หลิงฮันไม่มีอารมณ์ไปกระหนุงกระหนิงกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ เขาเข้าร่วมกับกองกำลังและรับฟังคำสั่งในการปฏิบัติ
ทั้งๆที่ทางฝ่ายดินแดนใต้พิภพมีกำลังที่เหนือกว่าแท้ๆ พวกมันกลับพยายามยื้อสถานการณ์ของสงครามเอาไว้ไม่ยอมลงมืออย่างเต็มกำลังเสียที คนที่ลงมือโจมตีทั้งหมดเป็นตัวตนระดับสุริยันจันทรา ส่วนระดับดาราที่ลงมือนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้น
หรือพวกมันกำลังทดสอบพวกเราอยู่?
ทุกคนไม่สนใจว่าพวกมันจะมีเหตุผลอะไร สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้คือการมาถึงของกองกำลังสนับสนุน
แต่คนบางคนที่ฉลาดกลับรู้สึกสับสนยิ่งขึ้นไปอีก ทำไมดินแดนใต้พิภพถึงเลือกทำความผิดผลาดครั้งใหญ่เช่นนี้
ต้องรู้ก่อนว่าหากพวกมันบุกรุกมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สภาพแวดล้อมคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ไม่คุ้นเคย พลังต่อสู้ของพวกมันจะลดลงสมถึงสี่ดาว การบุกรุกมาเช่นนี้คือการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
ยิ่งกว่านั้นฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีพลังอำนาจไม่ได้อ่อนแอไปกว่าดินแดนใต้พิภพ การที่พวกเขาบุกรุกเข้ามาจะเกิดประโยชน์อันใด?
“บางที่ ดวงดาวของพวกเราอาจจะมีสมบัติที่ล้ำค่าจนแม้แต่ขุมอำนาจของดินแดนใต้พิภพก็ยังหวั่นไหวและเกิดความต้องการ เพราะงั้นพวกมันจึงก่อสงครามบุกรุกมาที่นี่”
“สามารถทำให้ตัวตนระดับวารีนิรันดร์เกิดความโลภได้ สมบัติที่ว่าสมควรถูกทิ้งไว้โดยตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดหรืออาจจะเป็นตัวตนระดับเซียน!”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นอย่างที่ว่า ทุกคนในกองกำลังเริ่มเกิดความคิดอยากจะออกตามหาสมบัติล้ำค่านั่น หากมันเป็นสมบัติของเซียนจริงๆ การที่พวกเขาจะยกระดับพลังของตนเองอย่างก้าวกระโดดก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
สงครามที่เหมือนไม่จริงจังยังคงดำเนินต่อไป จนในที่สุดกองกำลังสนับสนุนจากจักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองก็มาถึง
ยิ่งตัวตนที่ทรงพลังของฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีมาเพิ่มขึ้น การบุกรุกของดินแดนใต้พิภพก็ดูเหมือนจะค่อยๆชะลอลงจนทำให้ทุกคนเชื่อยิ่งกว่าเดิมว่าที่ดินแดนใต้พิภพบุกรุกมานั้นไม่ได้มีจุดประสงค์คือยึดครองดาวหยุนติ่งแต่เป็นสมบัติสืบทอดของเซียน
“หลิงฮัน หัวหน้าชั่วคราวต้องการพบเจ้า” จอมยุทธคนหนึ่งมาหาเขาพร้อมกับบอกคำสั่งที่ได้รับให้กับหลิงฮัน
จอมยุทธพเนจรนั้นจะไม่ถูกนำไปสู้รวมกับกองทัพปรกติเนื่องจากพวกเขาไม่เคยได้รับการฝึกฝนต่อสู้เป็นกลุ่ม ต่อให้บางคนจะมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งก็ตาม แต่ถ้าหากให้ไปร่วมกันสู้กับกองกำลังทางการที่เป็นระเบียบอยู่แล้วก็มีแต่จะทำให้ประสิทธิภาพของกองกำลังลดลง
ดังนั้นเหล่าจอมยุทธพเนจรจึงรวมตัวกันขึ้นมาเป็นกองกำลังอิสระ หากพวกเขาต่อสู้โดยไร้ความสามัคคี ผลกระทบก็จะเกิดกับกองกำลังนี้เพียงกองกำลังเดียวเท่านั้นไม่ส่งผลเสียใดๆต่อกองกำลังทางการ
ผู้นำชั่วคราว?
หลิงฮันรู้สึกไม่ชอบมาพากล เขารู้สึกจักอีกฝ่ายรึอย่างไร จู่ๆถึงได้เรียกเขาไปพบส่วนตัวกระหัน?
คงต้องลองไปดู
เขาเดินตามจอมยุทธคนนั้นไปและมาถึงค่ายพักกองทัพแห่งหนึ่ง จอมยุทธผู้นั้นหยุดเดินและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ “พาหลิงฮันมาแล้วขอรับ”
ค่ายพักแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากแสดงให้เห็นถึงสถานะของผู้ที่อาศัยอยู่
“ให้เขาเข้ามา” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านใน
หืม? เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆ
หลิงฮันกล่าวในใจ จอมยุทธที่นำทางเขามาเปิดประตูค่ายพักทำให้มองเห็นคนที่อยู่ด้านใน
เชี่ยตงหลาย!
ไม่น่าแปลกใจทำไมเขาถึงได้คุ้นเสียงนี้นัก ที่อีกฝ่ายเรียกเขามาพบคงไม่พ้นต้องการแก้แค้นเป็นแน่
“ฮ่าๆๆ หลิงฮันข้าไม่คาดคิดว่าพวกเราจะพบกับใหม่เร็วขนาดนี้!” เชี่ยตงหลายแสยะยิ้มดูถูก
ที่จริงเขาตั้งใจจะเก็บตัวบ่มเพาะพลังเพื่อทะลวงผ่านระดับดาราแล้วไปแก้แค้นหลิงฮัน ส่วนอู่เมี่ยนเขาก็คิดจะสังหารด้วยเช่นกันเนื่องจากบังอาจมาทำให้เขาเสียหน้า แต่คาดไม่ถึงว่าดินแดนใต้พิภพจะทำการพวกรุกอย่างกระทันหันทำให้แม้แต่แม่ทัพเชี่ยยังต้องเคลื่อนไหว ที่เขาได้ตำแหน่งหัวหน้ากองทัพชั่วคราวก็เป็นเพราะบารมีของตระกูลเชี่ย
ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือหลิงฮันได้กลายมาอยู่ในการบังคับบัญชาของเขา! เขาดีใจมากจนอดใจไม่ไหวจึงเรียกหลิงฮันมาพบเพื่ออวดเบ่งอำนาจ
“ทำไมตัวโง่งมเช่นเจ้าถึงเรียกข้ามาพบ?” หลิงฮันยิ้ม “ก่อนหน้านี้ยังอับอายไม่พออีกรึไง?”
เชี่ยตงหลายหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ครั้งนี้เขาต่างหากที่เป็นผู้ถือชัยชนะอยู่ในกำมือ “เหอๆ เจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า หากข้าสั่งอะไรเจ้าก็ตองทำตาม!”
“โอ้ แล้วหัวหน้ากองกำลังชั่วคราวมีอะไรอยากใช้ข้าล่ะ?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไปผ่าฟืนมาให้ข้า” เชี่ยตงหลายกล่าว ตอนนี้เขาจะออกคำสั่งไร้สาระกับหลิงฮันเล่นๆไปก่อน เมื่อใดที่กองกำลังของพวกเขาจะทำการปะทะกับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ เขาจะนำหลิงฮันไปอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายที่สุดเพื่อยืมมือสิ่งมีชีวิตใต้พิภพมาสังหาร
“อืม” หลิงฮันพยักหน้าและเดินจากไป
เชี่ยตงหลายแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ เมื่อหลิงฮันผ่าฟื้นเสร็จเขาจะออกคำสั่งให้อีกฝ่ายทำอย่างอื่นต่อทันที ถ้าหลิงฮันไม่เชื่อฟังเขาจะต้องถูกลงโทษตามกฎของกองกำลัง
ฮ่าๆๆ ใครใช้ให้เขามีสถานะเป็นหัวหน้ากันล่ะ?
แต่ยิ่งรอใบหน้าของเขาก็ยิ่งมืดมน หลิงฮันยังไม่กลับมาเสียที…
เจ้าหนูนั่น… กล้าขัดขืนงั้นรึ?
เขามีน้ำโหและมุ่งหน้าไปยังค่ายที่พักของหลิงฮันทันที
“หลิงฮัน!” เชี่ยตงหลายคำรามลั่นราวกับฟ้าผ่าเพื่อแสดงความโกรธ
เสียงคำรามของเขาทำให้คนรอบๆตื่นตกใจ มีหลายคนเดินออกจากค่ายที่พักเพื่อมาดูการแสดงสนุกๆ
“มีอะไรอีกเจ้าตัวโง่งม?” หลิงฮันเดินออกมาจากค่ายที่พัก
“เจ้ากล้าคัดขืนคำสั่งข้า ข้าจะลงโทษเจ้า!” เชี่ยตงหลายกล่าวอย่างเย็นชา เขาตั้งใจใช้โอกาสนี้จัดการหลิงฮันด้วยมือตัวเอง