ที่จริงหลิงฮันไม่ได้มองเห็นพลังบ่มเพาะของอู่เมี่ยน
แต่ก่อนหน้านี้พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายคือขั้นสมบูรณ์ชั้นปลาย ตอนนี้เมื่ออู่เมี่ยนปรากฏตัวอีกครั้งและแข็งแกร่งขึ้นย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายยกระดับได้สำเร็จแล้ว
ปรมาจารย์ของห้านิกายโบราณทั้งตะลึงและโมโห เหตุใดถึงได้มีคนนอกเข้ามาแทรกได้? ดูเหมือนอีกฝ่ายยังเป็นสหายกับหลิงฮันแถมยังทรงพลังมากอีกด้วย!
อู่เมี่ยนยิ้มและกล่าว “การพูดคุยแลกเปลี่ยนกับน้องชายหลิงฮันทำให้วิสัยทัศน์ของข้ากว้างขึ้น! ฮ่าๆ น้องชายหลิงฮันมีเวลารึไม่ พวกเขาไปพูดคุยกันอีกเป็นอย่างไร?” เขาตื่นเต้นจนไม่เห็นคนของห้านิกาบโบราณอยู่ในสายตา
ที่จริงเขาก็มีคุณสมบัติจะทำเช่นนั้นเนื่องจากเขาบรรลุขั้นสมบูรณ์ขั้นสูงสุดแล้ว สถานะของเขาทัดเทียมกับตัวตนระดับดารา
แล้วตัวตนระดับดาราจะแยแสระดับสุริยันจันทราตัวจ้อยรึ?
หลิงฮันยิ้ม “พี่ชายอู่เมี่ยนรอสักครู่ ขอข้าสะสางกับคนเหล่านี้ก่อน!”
“ให้ข้าช่วยไหม?” ดวงตาของอู่เมี่ยนกวาดมองอย่างไม่สนใจ
“ไม่จำเป็น!” หลิงฮันส่ายหัว
“อืม” อู่เมี่ยนพยักหน้าก่อนจะเดินไปด้านข้างและนั่งลง
หานเฟิงและคนอื่นๆกลายเป็นเกรี้ยวกราด แต่ถึงอย่างไรพลังของอู่เมี่ยนนั้นก็ลึกลับจนไม่อาจมองเห็นได้ทะลุปุโปร่ง เพราะงั้นในเมื่ออีกฝ่านไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาแทรกแซงก็อย่าไปยั่วยุจะดีกว่า
สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือจำจัดหลิงฮันทิ้งเพื่อลบล้างภัยพิบัติของห้านิกาย
“ตาย!” หานเฟิงเป็นฝ่ายลงมือก่อน เขายกดาบชี้ขึ้นฟ้า ‘พรึบ’ กงล้อดาบด้านหลังของเขาระเบิดออก เล่มดาบนับหมื่นพุ่งเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกัน
อู่เมี่ยนพยักหน้า “พลังของชายคนนั้นไม่อ่อนแอเลย แม้พลังต่อสู้จะแค่สี่ดาว แต่วิถีแห่งดาบของเขาสูงส่งมาก หากเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราทั่วไปคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
ดาบนับพันกระหน่ำพุ่งใส่หลิงฮัน ดาบทุกๆเล่มผสานเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งสุริยันจันทราขั้นสูงสุด แม้จะเป็นราชันเช่นอู่เมี่ยนก็คงเลือกที่จะป้องกันหรือหลบการโจมตีนี้แทนที่จะรับซึ่งๆหน้า
ฉายาปรมาจารย์อันดับหนึ่งไม่ได้มีไว้ประดับเฉยๆ
หลิงฮันยกมือขวาขึ้นก่อนจะกำหมัดต่อยออกไป
‘ปัง ปัง ปัง ปัง’ ดาบนับไม่ถ้วนปะทะกับหมัดของหลิงฮันก่อให้เกิดประกายสว่างจ้าราวกับเป็นดอกไม้ไฟลูกใหญ่ ร่างของหลิงฮันถูกพลักถอยหลังเล็กน้อย เมื่อดาบนับพันถูกบดขยี้เป็นเศษซากร่างของหลิงฮันก็ถอยไปร้อยก้าว
แต่หมัดของเขาหรือผิวพนังไม่ปรากฏรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
อะไรกัน!
คนของห้านิกายโบรารอ้าปากค้าง ในด้านของพลังโจมตี วิถีดาบเรียกได้ว่าทรงพลังที่สุด ในหมู่พวกเขาหานเฟิงเองก็เป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีสุดกำลังของหานเฟิงกลับถูกหลิงฮันป้องกันเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น เรื่องนี้ทำให้พวกเขาทุกคนตะลึงจนไร้คำบรรยาย
ฝืนสวรรค์! เจ้าหนูจากโลกใบเล็กคนนี้ฝืนสวรรค์เกินไป!
หลิงฮันบิดตัวและยิ้ม “อืม ถือว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงเล็กน้อย พอจะทำให้เขาเจ็บๆได้บ้าง”
พอจะทำให้เจ็บได้บ้าง?!
คนของห้านิกายโบราณไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดาบของหานเฟิงทำให้หลิงฮันรู้สึกเจ็บ… แต่ไม่สามารถทำให้เกิดบาดแผล
อู่เมี่ยนปรบมือและยิ้ม “ที่แท้กายหยาบของน้องชายหลิงฮันก็มีระดับเหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะ! เกรงว่าหากจะทำลายการป้องกันของน้องหลิงฮันข้าคงต้องโจมตีด้วยพลังทั้งหมด”
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนสี ดาบของหานเฟิงไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับผิวหนังของหลิงฮันแม้แต่รอยเดียว แต่คนคนนี้กลับกล่าวว่าตนเองสามารถทำลายการป้องกันของหลิงฮันได้ นี่เขาโอ้อวดหรือว่าพูดจริงกันแน่?
ถ้าที่อีกฝ่ายกล่าวเป็นความจริงก็น่าสะพรึงกลัวมาก ที่เขานั่งดูข้างก็อาจจะเพราะเตรียมตัวเข้าช่วยหลิงฮัน!
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ลงมือหรอก” อู่เมี่ยนหัวเราะ “แค่ขยะพวกเจ้า น้องชายหลิงฮันสามารถจัดการด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว”
ฮึ่ม!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งห้าคนเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพาะหวั่นเกรงต่อพลังของอีกฝ่าย พวกเขาคนมีสักคนที่ลงมือแล้ว
หานเฟิงสูดหายใจและกล่าว “ข้าไม่เคยเลื่อมใสใครมาก่อน แต่สำหรับเจ้า ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนที่ถูกข้าคนนี้บดขยี้ ข้าก็จะให้เกียร์ติเจ้าโดยการเขียนคำสรรเสริญให้เจ้า! เจ้ามาถึงจุดนี้หลังจากเปิดสวรรค์เพียงสิบปี แถมยังมีพลังต่อสู้เช่นนั้นอีก ข้าขอยอมรับว่าเจ้าน่าอัศจรรย์มาก!”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรปลอมๆเช่นนั้น” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา “พลังต่อสู้ของข้านั้นได้มาจากการฝึกฝนของตัวข้าเอง แล้วพวกเจ้าล่ะ? เกรงว่าเม็ดยาที่หลอมจากโลกของข้าคงถูกพวกเจ้ากินเข้าไปกว่าครึ่ง? สุนัขเฒ่า ข้าจะตัดหัวเจ้าเพื่อเป็นการไว้ทุกข์ให้กับสิ่งมีชีวิตนับพันล้านที่ตายไป!”
“หืม?” อู่เมี่ยนเค้นเสียงเย็นชาและจ้องมองไปยังหานเฟิง
เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าเม็ดยาที่หลอมจากโลกหมายถึงอะไร
จิตสังหารของหานเฟิงปะทุ “สำหรับคนใกล้ตายเช่นเจ้านับว่าพูดมากจริงๆ!” คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ‘พรึบ’ ดาบสี่เล่มปรากฏออกมาจากระหว่างคิ้วของหานเฟิง ดาบเหล่านั้นปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังที่ไม่ได้ไปกว่าตัวเขาเลย
อุปกรณ์กรณ์มิติที่ผสานเข้ากับพลังบ่มเพาะ!
เช่นนั้นแล้วดาบที่เขาถืออยู่คงเป็นอุปกรณ์ศักดิ์ทั่วไป ไม่ใช่ดาบที่ผสานเข้ากับพลังบ่มเพาะ
ที่จริงแล้วการผสานพลังบ่มเพาะดับอุปกรณ์ศักดิ์นั้นช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ก็จริง แต่เจตจำนงของคนคนนั้นจะอ่อนแอลงเนื่องจากต้องแบ่งพลังสุริยันจันทราออกเป็นส่วนๆ เพียงแต่ว่าทั้งๆที่หานเฟิงผสานพลังเข้ากับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงสี่ชิ้น แต่เจตจำนงของเขากลับไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย
นี่คงเป็นเพราะเม็ดยาที่หลอมจากสิ่งมีชีวิตนับล้าน!
“เจ้าตัวบัดซบ!” หลิงฮันคำรามพร้อมกับปล่อยหมัดใส่หานเฟิง ‘ครืนน’ เขาโคจรอำนาจสวรรค์ปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อยู่บนจุดสูงสุดของโลก
กลิ่นอายนี้ไม่ใช่ราชาแต่เป็นตัวตนที่เหนือกว่า
ต่อให้เป็นราชันก็ต้องแหงนมองท้องฟ้า แต่หลิงฮันคือตัวแทนที่ยืนข้างเจตจำนงแห่งสวรรค์และปฐพี!
พลังต่อสู้ของหานเฟิงลดลงทันที
ก่อนนี้อำนาจสวรรค์ของหลิงฮันสมควรลดพลังต่อสู้ของศัตรูได้หนึ่งดาว แต่เมื่อการรู้แจ้งในอำนาจสวรรค์ของเขายกระดับขึ้น พลังต่อสู้ของศัตรูจึงถูกลดลงสองดาว
ระดับพลังของพวกเขาห่างกันสามชั้นย่อย หานเฟิงเป็นอัจฉริยะสี่ดาว ด้วยเม็ดยาที่หลอมจะสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนทำให้พลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขาคือราวๆห้าดาว หลิงฮันที่เป็นอัจฉริยะหกดาวนั้นหากหักลบกับความต่างระดับพลังสามชั้นย่อย พลังต่อสู้ของเขาจึงต่างกับอีกฝ่ายสองดาว
แต่เมื่ออำนาจสวรรค์ถูกใช้ ความต่างสองดาวนั่นก็หายไป
การต่อสู้นี้ทั้งสองคนมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกัน!
หลิงฮันคำรามราวกับฟ้าผ่าในขณะที่ปล่อยหมัดเข้าใส่หานเฟิง หมัดของเขาปกคลุมไปด้วยสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัว
ปัง ปัง ปัง ปัง
หลิงฮันใช้หมัดเปล่าปะทะกับดาบทั้งสี่เล่มของหานเฟิง พลังของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้านิกายโบราณนั้นเกือบจะทัดเทียมกัน พวกเขาแต่ละคนสามารถจัดการจอมยุทธระดับสุริยันจันทราทุกคนได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮัน หานเฟิงกลับไม่มีท่าทีว่าจะได้เปรียบแม้แต่น้อย
คนของห้านิกายโบราณอ้าปากค้าง หานเฟิงที่เป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้านิกายโบราณไม่สามารถเอาชนะจอมยุทธที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้?
ร่างของทั้งห้าคนสั่นสะท้าน หรือว่าห้านิกายโบราณที่ตั้งรากฐานมาหลายล้านปีจนนับไม่ถ้วนจะมีโชคชะตาถูกทำลายด้วยมือของหลิงฮันจริงๆ?