ณ ที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับสุริยันจันทราหรือระดับดารา ระดับพลังก็จะถูกลดลงมาเหลือระดับภูผาวารี ต่อให้ครอบครองอาวุธเซียนก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรพลังอำนาจที่สามารถใช้ได้จะถูกจำกัดอยู่ที่ภูผาวารีเท่านั้น
บางคนเพิ่งเคยเข้ามายังป่าภูผาวารีเป็นครั้งแรก แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ป่าภูผาวารีเปิดออก ดังนั้นต่อให้ไม่เคยมาที่นี่ก็ก่อนก็ต้องเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าภูผาวารีมาบ้าง
“ส่วนแรกคือการคัดเลือกราชาทั้งเก้า”
ป่าภูผาวารีกำเนิดขึ้นจากมิติที่ซ้อนทับกันของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพี การคัดเลือกอัจฉริยะจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
หลิงฮันก้าวเดินไปถึงด้านหน้าป่าขนาดใหญ่ที่มีแท่นยืนขนาดใหญ่และเล็กเรียงกันอยู่เก้าแท่น ส่วนแรกของการคัดเลือกอัจฉริยะคือการก้าวขึ้นไปยืนบนแท่น หลังจากผ่านไปสามวันแล้วใครก็ตามที่สามารถยืนอยู่บนแท่นทั้งเก้าได้จะได้รับพรจากสวรรค์และปฐพี และหลังจากนั้นอัจฉริยะทั้งเก้าจะถูกส่งตัวไปยังป่าภูผาวารีครึ่งหลัง ที่นั่นจะเป็นการปะทะกันของอัจฉริยะทั้งเก้าเพื่อแย่งชิงตำแหน่งราชาในหมู่ราชา
ในการคัดเลือดราชาทั้งเก้านั้น หากแท่นยืนใดไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้ ผู้ประลองในแท่นนั้นก็จะถูกตัดสิทธิ์ทั้งคู่
ราชาในหมู่ราชามีได้เพียงคนเดียวก็จริง แต่ในช่วงสิ้นสุดการคัดเลือก ราชาทั้งเก้าจะได้รับวาสนาจากสวรรค์และปฐพี รากฐานของพวกเขาจะได้รับการขัดเกลา นอกจากกายหยาบจะถูกยกระดับแล้ว แม้แต่ความเข้าใจในกฎแห่งเต๋าอันลึกลับก็จะขยายขอบเขตเพิ่มขึ้นหลายปีจนนับไม่ถ้วน
วาสนาเช่นนี้ล้ำค่าเป็นอย่างมาก อัจฉริยะมากมายยอมเดินทางมาจากดวงดาวอันแสนไกล
การปรากฏตัวของเป่ยหวงและฉือหวงเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้อย่างดี
เพียงแต่ว่าแต่ละคนสามารถรับพรได้เพียงสองครั้งเท่านั้น ซึ่งพรจากการคัดเลือกในส่วนแรกกับส่วนสองก็แยกออกมาจาก พรแรกคือการคัดเลือกราชาทั้งเก้า ส่วนพรที่สองคือการคัดเลือกราชาในหมู่ราชา
เพราะงั้นแล้ว หากอัจฉริยะคนใดได้รับคัดเลือกเป็นราชาในหมู่ราชาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ
ตอนนี้แท่นทั้งเก้ายังไม่เปิดออก ทุกคนจึงทำได้เพียงรอคอยและจ้องมองเท่านั้น
ในการคัดเลือกส่วนนี้ เหล่าราชาอย่างหยางหลินหรือแม่นางหยุนต่างเลือกที่จะไม่แย่งชิงแท่นของกันและกัน ถ้าราชาถึงสองคนเลือกแท่นยืนเดียวกันย่อมต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้หรือไม่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกตัดสิทธิ์กันทั้งคู่เพราะตัดสินกันไม่ได้
เพราะงั้นแล้วเหล่าราชาจึงพยายามกระจายตัวกันเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ พวกเขาตั้งใจออมแรงไปตัดสินกันที่การประลองเพื่อตัดสินราชาในหมู่ราชาอันนองเลือด
หลิงฮันกวาดสายตามองและนับนิ้ว
คนที่มีคุณสมบัติแห่งราชา ณ ที่นี่นั้น ทางฝั่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมหนีไม่พ้นหยางหลิง แม่นางหยุน เย่วหยิง อู่เมี่ยน เป่ยหวง ฉือหวงและตัวเขารวมกันแล้วเจ็ดคน ในฝั่งของดินแดนใต้พิภพนั้น ที่เขาเห็นคงมีเพียงสองคนคือฉื้อหวงจี่่และอ้าวซื่อหยิน
ดังนั้นหากเขาต้องการให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ได้รับตำแหน่งเก้าราชา เขาก็ต้องจัดการหนึ่งในเก้าคนนี้เสียก่อน
หลิงฮันเพ่งเล็งไปยังอ้าวซื่อหยิน
หลังจากแท่นยืนเปิด การแย่งชิงจะดำเนินการไปถึงสามวัน ในระหว่างนั้นไม่ว่าใครก็สามารถท้าประลองแท่นยืนใดก็ได้ แต่คนที่แพ้จะไม่สามารถท้าประลองต่อได้เลยและต้องรอเวลาครึ่งก้านธูป และหลังจากแพ้ถึงสามครั้งก็จะหมดสิทธิ์ประลองไปอย่างสมบูรณ์
หลิงฮันจะยึดแท่นหนึ่งไปก่อน เมื่อผ่านไปสามวันค่อยให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ท้าประลองเขาและจงใจยอมแพ้ เมื่อผ่านไปครั้งก้านธูปเขาจะท้าประลองอ้าวซื่อหยินและเขี่ยอีกฝ่ายลงการแท่น
ตราบใดที่คำนวณเวลาเอาไว้เหมาะเจาะ อ้าวซื่อหยินก็จะไม่เหลือเวลามากพอให้ท้าประลองสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
แต่ปัญหาก็คือดินแดนใต้พิภพมีอัจฉริยะระดับราชาที่ขัดเกลาพลังจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์เพียงแค่สองคนจริงๆรึเปล่า?
หลิงฮันส่ายหัว นอกจากฉือหวงกับเป่ยหวงที่มาจากแดนไกลแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีราชาอยู่สี่คน ดินแดนใต้พิภพที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องมีจำนวนของราชารุ่นเยาว์พอๆกัน
จากที่ดู บางทีราชาเหล่านั้นอาจจะยังมาไม่ถึง
“ไม่ต้องคิดเรื่องข้า” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าว นางรู้ว่าหลิงฮันกำลังคิดอะไรอยู่
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ถ้าเจ้าได้รับวาสนา บางทีเจ้าอาจจะบรรลุชั้นสมบูรณ์ของระดับพลังได้”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ส่ายหัว “พูดง่ายแต่ทำยาก!”
นางรู้ตัวดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีคุณสมบัติต่อกรกับราชาที่แท้จริงหากตัวนางไม่ได้ขัดเกลาพลังจนถึงขั้นสมบูรณ์ บางทีด้วยพลังสายเลือดของนางอาจจะช่วยให้เอาชนะคู่ต่อสู้ที่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ชั้นต้นได้ แต่นั่นก็ต้องพึ่งดวงอยู่ดี
“ภรรยาข้า ไม่ต้องรีบร้อน ยังมีเวลาให้ดูสถานการณ์ตั้งสามวัน” หลิงฮันปลอบนาง
แต่ทันใดนั้นเองหลิงฮันก็ขมวดคิ้ว
นั่นเพราะทางฝั่งของดินแดนใต้พิภพมีฉัจฉริยะระดับราชาปรากฏตัวอีกสองคน หนึ่งคือราชสีห์ที่มีหัวสีทองกับอีกหนึ่งที่เป็นสิ่งมีชีวิตร่างควันไม่มีรูปร่างแน่นอน ร่างกายของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมาโดยไร้กายหยาบ
ราชสีห์หัวทองมีชื่อว่าถัวป้าตง สิ่งมีชีวิตร่างควันมีชื่อว่าถังเก่อ เมื่อทั้งสองปรากฏตัว เหล่าอัจฉริยะของดินแดนใต้พิภพต่างส่ายหัว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตระหนักถึงตัวตนของทั้งสองดีและพบว่าการแย่งชิงตำแหน่งเก้าราชาคงทำได้ยากเสียแล้ว
หลิงฮันติดสินใจลงมือตามแผน ตราบใดที่เขาไม่ไปแตะต้องเป่ยหวง ฉือหวงหรือฉื้อหวงจี่่ก็ไม่น่ามีอะไรยากลำบาก
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไม่มีทางเลือกและพยักหน้าตอบรับ ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกปราบปลื้มที่คนรักของนางตั้งใจทำเพื่อนางขนาดนี้
ยังมีอัจฉริยะคนอื่นๆอีกที่ค่อยๆปรากฏตัว แต่พวกเขาไม่ได้มีศักยภาพระดับราชา ทุกคนนั่งลงกับพื้นเพื่อรอการคัดเลือกที่ใกล้จะเปิดม่าน
ในวันถัดมา ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงจนพื้นที่รอบๆกลายเป็นมืดสลัว หุบเขาที่พวกเขาเดินผ่านมาหายไปราวกับว่าไม่เคยมีมาก่อน
คนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกย่อมตกตะลึง แต่คนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วมีท่าทีสงบนิ่ง ปรากฏการณ์เช่นนี้คือการปิดกั้นของป่าภูผาวารีที่ไม่อนุญาตให้ใครอื่นเข้ามาหลังจากนี้
ในขณะเดียวกัน หมอกที่ล้อมรอบแท่นทั้งเก้าก็สลายหายไป หรือก็คือการแย่งชิงตำแหน่งเก้าราชาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“ฮ่าๆๆ!”
ฉือหวงกระโดดขึ้นไปยังแท่นยืนอันแรก ร่างของเขากลับไปมีขนาดสามนิ้ว ดูเหมือนว่านี่จะเป็นขนาดตัวที่แท้จริงของเขา ขนาดตัวที่เท่ากับคนปรกติที่เห็นก่อนหน้านี้สมควรเป็นรูปร่างที่ขยายขึ้นด้วยปราณก่อเกิดเหมือนกับหลิงฮันในตอนนี้
เป่ยหวงเป็นคนที่สองที่เคลื่อนไหว เขาไม่แย่งชิงกับฉือหวงและเลือกกระโดดไปยังแท่นที่สองพร้อมกับนั่งลง
ดวงตาของฉื้อหวงจี่่ส่องประกายด้วยเพลิงสู้รบ ดวงตะวันบนหัวของเขาปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าจนผู้คนไม่สามารถเปิดตามองไปตรงๆ เขาจ้องมองไปยังฉือหวงและเป่ยหวงชั่วขณะก่อนที่จะเลือกกระโดดไปยังแท่นที่สาม
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาสู้กับศัตรูที่ทรงพลังทั้งสอง