ฉือหวงและเป่ยหวงนิ่งเฉยพร้อมกับเค้นเสียง พวกเขาเป็นราชาในหมู่ราชา มีความจำเป็นอะไรที่พวกเขาต้องเข้าร่วมการปะทะตั้งแต่เนิ่นๆ
“พวกสวะมากันครบเสียที!” ฉื้อหวงจี่่ดูหมิ่นและปล่อยหมัดออกไป อำนาจของหมัดได้แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่อู่เมี่ยน หยางหลิน แม่นางหยุนและถัวป้าตง แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเหมือนกันก็ยังตกเป็นเป้าหมายของเขา
เมื่อหมัดเพลิงพุ่งเข้ามา อู่เมี่ยนและคนอื่นๆย่อมไม่กล้าประมาท พวกเขาหลบหลีกโดยไม่กล้าปัดป้องซึ่งๆหน้า
ฉื้อหวงจี่่หัวเราะ เขากระหน่ำปล่อยหมัดอย่างต่อเนื่องโดยดวงตะวันบ่นหัวส่องประกายแสงสีแสงราวกับเป็นพระเจ้า
พวกอู่เมี่ยนทั้งสี่คนคำราม เนื่องจากฉื้อหวงจี่่แข็งแกร่งเกินไปพวกเขาทั้งสี่จึงรวมพลังกันตอบโต้
เป็นการร่วมมือที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สามคนเป็นมนุษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่อีกหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตของดินแดนใต้พิภพ พวกเขาทั้งสี่รวมพลังกันโจมตีสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเพียงคนเดียวอย่างพร้อมเพียง
ใช่ว่าพวกเขาอยากจะร่วมมือกัน แต่เป็นเพราะฉื้อหวงจี่่ทรงพลังเกินกว่าระดับของราชาทั่วไป ถ้าเป็นโลกภายนอกพวกเขาอาจจะพึ่งพาระดับพลังที่สูงกว่าในการเอาชนะได้ แต่ที่นี่ทุกคนได้ถูกลดพลังบ่มเพาะลงมาเท่ากัน
แต่ถึงจะเป็นโลกภายนอก ฉื้อหวงจี่่ก็บรรลุระดับดาราแล้ว เขามีพลังที่ทัดเทียมกับฉือหวงและเป่ยหวง
“ฮ่าๆๆ!” ผมสีดำของฉื้อหวงจี่่สยายออก แววตาของเขาคมกริบราวกับกำลังสะท้อนอำนาจแห่งสวรรค์ ดวงตะวันบนหัวของเขาส่องประกายรุนแรงยิ่งขึ้น ราชาทั้งสี่ไม่กล้ารับหมัดของเขาและเลือกที่จะหลบเลี่ยงคอยหาโอกาสตอบโต้
“จะทำอย่างไรก็ไร้ประโยชน์!” ฉื้อหวงจี่่เหยียดหยาม ในสายตาของเขามีเพียงหลิงฮัน เป่ยหวงและฉือหวงที่มีคุณสมบัติจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา สำหรับคนอื่นๆนั้นเป็นเพียงแค่หินให้เขาเหยียบย่ำ
แต่พวกอู่เมี่ยนทั้งสี่คนจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร? พวกเขาปลดปล่อยทักษะเฉพาะตีวเพื่อต่อกรฉื้อหวงจี่่
“ท้องฟ้าแยกออก ยอดเขานับพันสะท้อนอำนาจแห่งมังกรแท้!” แม่นางหยุนคำราม นางเป็นคนแรกที่ใช้ทักษะลับอันทรงพลังออกมา มือทั้งสองของนางเคลื่อนไหวก่อเกิดเป็นเงาของยอดภูผาสีเขียว ท่า ท่ามกลางยอดเขาสีเขียวนี้คลื่นเสียงของมังกรได้แผ่คำรามออกมา
มังกรแท้จริง… สิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจเหนือสวรรค์ชั้นฟ้า
‘โฮกกกก’ แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระกายไปทั่วป่าภูผาวารีทันที พลังที่แม่นางหยุนปลดปล่อยออกมาราวกับไม่ว่าใครเบื้องหน้านางก็ต้องยอมสวามิภักดิ์
“ครืนวารีแหวกว่าย คลื่นเสียงนับพันมุ่งสังหาร!” อู่เมี่ยนดีดสายพิณก่อให้เกิดคลื่นเสียงที่สั่นระรัว หัวใจของคนที่ใครยินต้องเต้นเร็วไม่เป็นจังวะราวกับจะระเบิด
เสียงที่เกิดขึ้นเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำที่ไร้ร่องลอย เพียงแต่ว่าพลังอำนาจจากทักษะได้มุ่งสังหารไปยังฉื้อหวงจี่่เพียงคนเดียว
หยางหลินน้ำร่มคันหนึ่งออกมา ร่มคันนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายบรรพกาฬ ครึ่งนึงของร่มได้รับความเสียหายหลายจุด แต่ทันทีที่ร่มถูกกาง ตัวมันได้ปลดปล่อยอำนาจราวว่ามันเป็นจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาลอันไร้ผู้ใดเปรียบ
“หมื่นยุคสมัยใต้ท้องฟ้า ตัวข้าคือนิรันดร์!” หยางหลินกล่าว ทันทีที่ร่มถูกกางออกตัวเขาก็ราวกับกลายเป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์ แสงสีทองส่องประกายหลายหมื่นจั้ง หยางหลินผลักฝ่ามือเข้าใส่ฉื้อหวงจี่่
ร่มคันนี้คืออาวุธเซียนไม่สมบูรณ์ ที่โลกภายนอกมันสามารถช่วยให้เขาเหยียบย่ำได้แม้แต่ตัวตนระดับดารา!
ถัวป้าตงกัดฟันแยกเขี้ยวทุบหน้าอกตนเองพร้อมกับสำรอกโลหิตสีทองออกมา “พญาราชสีห์คำรามสะท้านโลกา!” ถัวป้าตงคำราม ‘โฮกกก’ ชั้นอากาศโดยรอบถูกบดขยี้ พลังทำลายที่เกิดจากเสียงคำรามพุ่งเข้าใส่ฉื้อหวงจี่่
ราชาทั้งสี่ต่างปลดปล่อยทักษะลับออกมา
ครั้งนี้ ต่อให้เป็นฉื้อหวงจี่่ก็ไม่กล้าประมาท
ในการปะทะตัวต่อตัวเขาสามารถจัดการใครก็ตามในสี่คนนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่สถานการณ์ที่ถูกล้อมโจมตีโดยทั้งสี่คนทำให้เกือบจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตอนนี้เมื่อทั้งสี่ใช้ทักษะที่ทรงพลังออกมา แรงกดดันที่เขาได้รับก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
หากเปิดเผลอแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เป็นเขาก็คงสาหัส
“ฮ่าๆ แบบนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย!” ฉื้อหวงจี่่หัวเราะลั่น โอกาสได้ปะทะกับราชาถึงสี่คนไม่ใช่ว่าจะพบได้บ่อยๆ ตอนนี้ตัวเขาตื่นเต้นอย่างมาก
“แต่ต่อหน้าข้า พลังเท่านี้ยังไม่พอ!” เขาปล่อยปล่อยออกไปตรงๆ แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังอันน่าหวาดกลั่ว
‘ตูมมม’ นี่ไม่ใช่หมัดธรรมดา แต่เป็นหมัดที่อัดแน่นไปด้วยทะเลเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุด
ภูผาสีเขียวของแม่นางหยุนปะทะเข้ากับทะเลเพลิง คลื่นมังกรของนางถูกแผดเผาในระยะที่ห่างจากฉื้อหวงจี่่เพียงสามฟุต
คลื่นเสียงวารีของอู่เมี่ยนก็ถูกเพลิงแผดเผาเช่นกันและสลายไปในระยะสองฟุต
การโจมตีของหยางหลินแข็งแกร่งยิ่งกว่า เพราะอย่างไรร่มของเขาก็เคยเป็นถึงอาวุธเซียน ประกายแสงแห่งนักบวชศักดิ์สิทธิ์ทะลวงผ่านทะเลเพลิงเข้าปะทะกับหมัดของฉื้อหวงจี่่ซึ่งๆหน้าแต่ก็ถูกทำให้สลายไป
คลื่นคำรามของถัวป้าตงเองก็ถูกสลายไปก่อนจะถึงตัวฉื้อหวงจี่่ราวๆครึ่งฟุต
การโจมตีผสานของราชาทั้งสี่ล้มเหลว!
“สยบต่อข้าเสีย พวกสวะ!” ฉื้อหวงจี่่ปล่อยหมัดปลดปล่อยพยัคฆ์เพลิงทมิฬทั้งสี่เข้าใส่พวกอู่เมี่ยน
‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ หลังจากใช้ทักษะลับออกไป ทั้งสี่คนได้ตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงเกินกว่าที่จะตอบโต้การโจมตีของฉื้อหวงจี่่ โชคดีที่ว่าไม่ว่าอย่างไรทั้งสี่ก็เป็นอัจฉริยะระดับราชา การโจมตีของฉื้อหวงจี่ส่งพวกเขาลอยกระเด็น แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสมากนัก
แขนเสื้อขวาของแม่นางหยุนถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนเผยให้เห็นแขนที่ขาวนวลดั่งหยก หยางหลินถูกทำให้ล่าถอยออกไปไกลสามฟุต ใบหน้าของเขาซีดเผือดแต่ไม่ได้กระอักโลหิตใดๆ
ถัวป้าตงถูกบังคับให้เดินถอยไปสิบเจ็ดก้าว ที่บริเวณพื้นดินปรากฏรอยเท้าอันหนาลึก
‘พรึบ’ เศษผ้าที่คลุมหัวอู่เมี่ยนเอาไว้ขาดกระจาย ใบหน้าของเขาที่ปรากฏให้เห็นนั้น… ไม่มีอะไรบนใบหน้าเลย!
อะไรกัน!
เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอู่เมี่ยน ราชารุ่นเยาว์ทุกคนที่นี่ล้วนแต่สูดหายใจลึกด้วยความตะลึง
บนใบหน้าของเขาเป็นสีขาวโพลนไร้อวัยวะใดๆ! แม้แต่ผมหรือหูก็ไม่มี หากเขาใส่เสื้อผ้ากลับด้านย่อมไม่มีทางมองออกว่าหัวของเขาด้านไหนคือด้านหน้า
แล้วแบบนี้หมอนี้สามารถพูดได้อย่างไร?
ไร้หน้า! ไร้หน้าตามชื่อจริงๆ!
อู่เมี่ยนถอนหายใจทั้งๆที่ไม่มีปาก แต่ทุกคนกลับสัมผัสรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังถอนหายใจ เขานำดาบออกมาจากพิณและถอนหายใจเบาๆ “ข้าไม่นึกว่าเวลานี้จะมาถึงไวขนาดนี้!”
“หมายถึงอะไร?” ฉื้อหวงจี่่แสดงท่าทางสนใจ ในโลกนี้นอกจากวิถีวรยุทธแล้ว สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจได้มีไม่มาก เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีมนุษย์คนใดที่ไร้หน้าแบบนี้
‘ฉัวะ’ อู่เมี่ยนแทงดาบ ทว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่ฉื้อหวงจี่่แต่เป็นใบหน้าของตนเอง ‘ฉู่’ โลหิตสาดกระจายออกมาจากใบหน้า
นี่มัน… หรือว่าเขาจะฆ่าตัวตายเพราะรับความอัปลักษณ์ของตัวเองไม่ได้?
ไม่ใช่แน่นอน!
อู่เมี่ยนกรีดดาบบนใบหน้าโดยใช้โลหิตที่ไหลออกมาวาดเป็นดวงตาสองดวง หูสองหู จมูกและปาก
ที่น่าตะลึงก็คือรอยที่ถูกดาบกรีดวาดจู่ๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ดวงตาสองดวงนูนออกมา จมูกค่อยๆโด่ง ริมฝีปากเปิดออกให้เห็นฟันสองแถวบนล่าง
ผมของเขายาวสยายด้วยความเร็วอันน่าทาง หูเองก็นูนเด่นออกมาเช่นกัน ภายในไม่กี่ลมหายใจ จากชายไร้หน้าก็เปลี่ยนเป็นคนปรกติ
รูปลักษณ์ของเขานั้นหล่อเหลาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่ว่าชายใดก็ต้องอิจฉาใบหน้าของเขา
ทั้งเจ็ดคนตกตะลึง นั่นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าจู่ๆพลังของอู่เมี่ยนก็ทะยานสูงขึ้นจนเหนือกว่าระดับราชาทั่วไปจนใกล้เคียงกับราชาในหมู่ราชา