ผลจับฉลากคือ หลิงฮันปะทะฉือหวง ฉื้อหวงจี่่ปะทะเป่ยหวง
ไม่ต้องพูดพร่ำทําเพลง ทั้งสี่คนแยกคู่เข้าปะทะกันทันที
“เผ่ามนุษย์ รับหมัดของข้า!” ฉือหวงปล่อยหมัดออกไป มือหยกของเขามีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าฝาหม้อ อย่ามองว่าหมัดนี้เป็นเพียงหมัดที่ปล่อยออกไปลวกๆ ที่จริงการที่เขามีสายเลือดของจิตวิญญาณศิลาทำให้กายหยาบคือไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุด
กายหยาบของเขาเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ในระดับพลังเดียวกัน!
เพราะงั้นรูปแบบการต่อสู้ของฉือหวงจึงเป็นการต่อสู้ระยะประชิด เขาเคยปะทะกับอัจฉริยะระดับราชาเหมือนกันในพลังบ่มเพาะระดับดารา ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายถูกเขาบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อ ฉือหวงไร้ความปรานีถึงขนาดที่ว่าวิญญาณของอีกฝ่ายยังถูกเขาทำลายไม่เหลือ
หลิงฮันหัวเราะและตอบโต้ด้วยหมัด
ปัง!
หมัดของทั้งคู่เข้าห้ำหั่นกันเกิดคลื่นปะทะอันรุนแรงที่ทำให้ชั้นบรรยากาศฉีดขาด หลุมมิติที่แตกหักค่อยๆปรากฏขึ้นทีละหลุม
ฉือหวงแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด หลิงฮันตอบโต้หมัดของเขาด้วยหมัดเปล่างั้นรึ? ไม่เพียงแค่กระดูกของอีกฝ่ายจะไม่แตกหัก แต่ผิวหนังยังไม่ปรากฏรอยขีดข่วนอีกด้วย
เขาเห็นว่าการปะทะกันก่อนหน้านี้หลิงฮันมักจะใช้หมัดในการโจมตี ดังนั้นเขาจึงคาดหวังอย่างมากที่จะได้จับคู่สู้กับหลิงฮันเพื่อที่จะสั่งสอนว่าการใช้หมัดที่แท้จริงเป็นอย่างไร แต่เรื่องที่เขาไม่คาดคิดคือการที่หมัดของหลิงฮันนั่นแข็งขนาดนี้
“น่าสนุก!” ฉือหวงตื่นเต้น เพลิงสู้รบในจิตใจของเขาเริ่มลุกโชน ก่อนหน้านี้เขาแค่ลองเชิงเท่านั้น หลังจากนี้ต่างหากคือของจริง
หลิงฮันชักมือกลับและกล่าว “ไม่นึกว่าจะมีคนที่สู้กับข้าแล้วกระดูกในร่างไม่แตกหัก เจ้าช่างยอดเยี่ยม”
“ข้ากำลังจะพูดประโยคนี้อยู่พอดี!” ฉือหวงปล่อยหมัดอีกครั้ง “เผ่ามนุษย์ ไม่ต้องผิดหวังไป เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเจ้าก็เป็นได้เพียงลูกสุนัขตัวจ้อย” กายหยาบของเขานั้นไร้เทียมทานและไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน เขาเกรงว่าหลิงฮันจะหวาดกลัวจึงจงใจกล่าวยั่วยุ
หลิงฮันไม่หวาดหวั่น เขาส่ายหัวและยิ้ม “เอาเถอะ แต่ถ้าเจ้าแพ้ก็อย่าร้องไห้ทีหลังแล้วกัน”
“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีทางชนะ!” ฉือหวงกล่าว
“อย่าเสียใจแล้วกัน!”
ทั้งสองเข้าปะทะกระหน่ำปล่อยหมัดแลกเปลี่ยนกระบวนท่า หมัดทั้งสี่ตอบโต้กันอย่างดุเดือด
พวกอู่เมี่ยนและคนอื่นๆตกตะลึงจนปากกระตุก สองคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดไม่ผิดแน่
เป็นไปได้อย่างไรที่คนทั่วไปจะมีกายหยาบที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น?
พลังของคนเรานั้นมีจำกัด คนทั่วไปจะใช้พลังปราณเจ็ดส่วนในการโจมตีและสามส่วนสำหรับป้องกัน แต่ในกรณีของหลิงฮันกับฉือหวงนั้น พวกเขาใช้พลังปราณทั้งสิบส่วนไปกับการโจมตีทั้งหมด
นี่แสดงให้เห็นว่ากายหยาบของทั้งสองนั้นไร้เทียมทานจนไม่จำเป็นต้องใช้ปราณก่อเกิดในการป้องกัน
ในระดับพลังเดียวกัน จะมีใครสามารถสร้างบาดแผลให้พวกเขาได้จริงๆรึ?
ทั้งสี่คนมองหน้ากันและรู้สึกว่าด้วยพลังของพวกเขาคงเป็นไปไม่ได้ หลิงฮันกับฉือแลกหมัดกันเกินกว่าพันหมัดแล้ว แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดเลยที่กระดูกหรือผิวหนังแตกหัก
ใบหน้าของฉือหวงเบิกบานด้วยความตื่นเต้น ไม่มีใครเคยทำให้เขารู้สึกคันไม่คันมือเช่นนี้มาก่อน เขาเกิดความรู้สึกในแง่ดีกับหลิงฮันและคิดว่าต่อให้อีกฝ่ายเป็นมนุษย์พวกเขาก็สามารถเป็นสหายกันได้
“เผ่ามนุษย์ ข้าจะใช้พลังต่อสู้ที่สูงขึ้น!” ฉือหวงกล่าว เห็นได้ชัดว่าหากสู้กันด้วยพลังกายเพียงอย่างเดียว คงไม่มีฝ่ายใดทำลายกายหยาบของกันและกันได้
“ข้าก็เช่นกัน” หลิงฮันหัวเราะ
“ฮึ่ม!” ฉือหวงเค้นเสียง หมัดทั้งสองของเขาที่ก่อนหน้านี้เรียบเนียนดั่งหยกแปรเปลี่ยนเป็นผลึกใส รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนหมัดของเขาทีละน้อยจนในที่สุดหมัดของเขาก็อัดแน่นไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์
ทางด้านของหลิงฮัน หมัดของเขาปรากฏรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าใส ประกายสายฟ้าโอบล้อมไปทั่วหมัดทั้งสองของเขา สายฟ้านี้ไม่ใช่สายฟ้าทั่วไปแต่เป็นสายฟ้าจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
‘ฉึบ’ ฉือหวงที่กำลังปล่อยหมัดออกไปถูกทำให้หยุดชะงักทันที
ต่อให้เป็นเขาก็ยังมีความหวาดกลัวต่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
“ไม่รู้สู้รึ?” หลิงฮันยิ้ม
“เข้ามา!” ฉือหวงคำรามและปล่อยหมัดออกไปไม่ยั้ง
หลิงฮันตอบโต้ ‘ปัง’ หมัดของทั้งสองปะทะกัน ครั้งนี้คลื่นพลังที่เกิดขึ้นน่าสะพรึงกลัวกว่าครั้งก่อนเนื่องจากทั้งสองคนได้ผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เข้าไปในหมัด
ทั้งสองคนก้าวถอยหลังตั้งหลัก ครั้งนี้พวกเขาได้ผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เข้าไปในหมัด พลังต่อสู้ของทั้งสองจึงไม่เท่ากันเหมือนครั้งก่อน
ฉือหวงยกมือขึ้นมาดู เขาพบว่าหมัดใสราวกับผลึกของตนเองแตกร้าวและมีของเหลวสีฟ้าครามไร้กลิ่นไหลออกมา
ของเหลวนี้คือโลหิตของเขา เนื่องจากสายเลือดในตัวเขาส่วนใหญ่เป็นจิตวิญญาณศิลา แม้สายเลือดของเขาจะไม่บริสุทธิเท่าบิดา แต่โลหิตของเขาก็ยังเป็นของเหลวที่มีพลังงานอัดแน่นเอาไว้มากมายและยังเป็นยาบำรุงชั้นเลิศ
เขาตกตะลึงมาก ถึงแม้เขาจะไม่บาดเจ็บอะไร แต่การทำให้เขาเกิดบาดแผลได้ในการปะทะด้วยหมัดต่อหมัดนั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉือหวง
หมายความว่าหมัดของเผ่ามนุษย์คนนี้ทนทานกว่าเขางั้นรึ?
เขามองไปยังหลิงฮันและพบว่าหมัดของอีกฝ่ายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วน
หลิงฮันทำท่าสูดจมูดและจ้องไปยังของเหลวบนมือฉือหวง “ไอ้นั่นน่ะปล่อยให้ไหลลงพื้นก็น่าเสียดาย หาขวดมาใส่ด้วยสิ”
ฉือหวงชะงักทันที “นี่มันโลหิตของข้า!”
“ข้ารู้ ถึงได้ไม่อยากให้มันเสียของไงล่ะ ไหนๆมันก็ไหลออกมาแล้ว มอบมันให้ข้าก็ได้” หลิงฮันเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
“บัดซบ!” ฉือหวงเกรี้ยวกราด หมัดของเขาส่องประกายและฟื้นฟูสภาพด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง เขาเป็นผู้สืบทอดของจิตวิญญาณศิลา ดังนั้นนอกจากกายหยาบที่ทนทานแล้ว ความสามารถในการฟื้นฟูของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
“มาสู้กันอีกครั้ง!” ฉือหวงปล่อยหมัดออกไป เขาไม่เชื่อว่าสายเลือดจิตวิญญาณศิลาในตัวเขาจะแพ้ให้กับการต่อสู้ระยะประชิดกับมนุษย์
“ไม่มีปัญหา แต่ว่าถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องนำโลหิตใส่ขวดแล้วมอบให้ข้า” หลิงฮันยิ้ม
“นี่มันโลหิตของข้า!” ฉือหวงกล่าวย้ำ
“ข้ารู้อยู่แล้ว อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย ถ้าเจ้าอยากได้ข้าจะให้ของข้าด้วยก็ได้” หลิงฮันกล่าว
“ฮึ่ม ตราบใดที่เจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะมอบโลหิ… หยดพลังวิญญาณให้เจ้า!” ฉือหวงเกรี้ยวกราดและกระหน่ำปล่อยหมัดอย่างต่อเนื่อง ชุดคลุมที่ทอจากโลหะหยดเลือดนกอมตะส่องประกาย ชุดตัวนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้กับเขา แต่ยังทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นด้วย
จะอย่างไรชุดคลุมตัวนี้ก็เป็นวัตถุดิบแห่งเซียน ต่อให้พลังของมันถูกลดระดับลงมาเหลือระดับภูผาวารี อำนาจของมันก็ยังทรงพลังอยู่ดี