เมื่อรู้ว่ากายหยาบของหลิงฮันไร้เทียมทานขนาดไหน เชี่ยตงหลายก็เปลี่ยนวิธีรับมือทันที
ป้องกันให้ถึงที่สุด!
ทุกๆวินาทีที่เวลาผ่านไป พลังบ่มเพาะของเขาจะค่อยๆยกระดับขึ้นจนกลายเป็นระดับดาราในที่สุด ด้วยพรสวรรค์ของเขาแม้จะเพิ่งก้าวไปยังระดับดาราก็สมควรมีพลังต่อสู้เทียบเท่าระดับดาราขั้นต้นชั้นปลายเป็นอย่างน้อย ด้วยพลังเช่นนั้นเขาย่อมสามารถบดขยี้จอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้ทุกคน ต่อให้เป็นสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ขอเวลาแค่ครึ่งวัน…
จนกว่าจนถึงตอนนั้นเขาต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดป้องกันตนเองไว้
แต่จากที่รับกระบวนท่าของหลิงฮันมา เขาพบว่าพลังโจมตีของหลิงฮันไม่ได้ด้อยไปกว่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เลย
เป็นไปได้อย่างไรที่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้?
จากที่ดู เห็นได้ชัดว่าพลังบ่มเพาะของหลิงฮันนั้นยังไม่บรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังต่อสู้เทียบเท่าระดับดารา แต่เหตุใดเขาถึงสัมผัสได้ว่าการโจมตีของหลิงฮันมีพลังทำลายไม่ต่างกับระดับดารา?
พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายเหนือกว่าขอบเขตจินตนาการของเขาไปแล้ว
แต่จะรู้สึกเช่นนั้นก็ไม่แปลก เชี่ยตงหลายไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้นดูดซับปราณแห่งเซียนไปถึงสองครั้งทำให้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขายกระดับขึ้นหลายเท่าจนมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งดาว ต่อให้พลังต่อสู้ของหลิงฮันในตอนนี้จะยังไม่เทียบเท่าระดับดาราแต่ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
“บัดซบ!” เชี่ยตงหลายกัดฟัน ไม่เพียงแต่จะขโมยสตรีของเขาไป แม้แต่พลังบ่มเพาะกับพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายก็ยังเหนือกว่าเขา
ยอมรับไม่ได้!
เขากัดฟันพร้อมกับยกมือขึ้นสูงนำแผ่นภาพออกมาสะบัดโบกไปตามลม ในแผ่นภาพมีรูปอัศวินสิบสองคนถูกวาดเอาไว้ แต่ละคนสวมใส่เกราะรบทองคำและถือหอกไว้ในมือ
แม้จะเป็นเพียงแผ่นภาพวาดแต่กลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังสูงเสียดฟ้า อัศวินทั้งสิบสองคนดูน่ายำเกรงราวกับว่าพวกมันเคยผ่านสนามรบมามากมายและสังหารคนมานับไม่ถ้วน
“อัศวินโลหิตจงปรากฏ!” เชี่ยตงหลายคำราม ‘ครืนนน’ แผ่นภาพส่องแสงสว่าง ทันใดนั้นอัศวินสวมเกราะทองทั้งสิบสองก็ปรากฏออกมาจากแผ่นภาพ พวกมันยืนอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่าพร้อมกับชี้หอกขึ้นท้องฟ้า กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาน่าสะพรึงกลัวกว่าตอนเป็นภาพวาพหลายสิบ หลายร้อยเท่า
หืม?
หลิงฮันขมวดคิ้วเล็กน้อย อัศวินเกราะทองทั้งสิบสองนี้มีพลังระดับดารา แม้จะเป็นเพียงระดับดาราขั้นต้นชั้นกลาง แต่จิตสังหารที่พวกมันปลดปล่อยออกมานั้นหนักหน่วงเป็นอย่างมาก เกรงว่าคงมีบางคนทีแค่เห็นพวกเขาก็คงจะฉี่ราดเข่าอ่อน
“ไม่นึกว่าข้าจะถูกบังคับให้ใช้สิ่งนี้!” เชี่ยตงหลายกัดฟัน “ในเมื่ออัศวินโลหิตปรากฏตัวออกมาแล้ว ต่อให้เจ้าไม่ตาย ข้าก็จะเป็นคนคิดบัญชีกับเจ้าด้วยตัวเองหลังจากผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์!”
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาพ่ายแพ้อย่างอัปยศและกลับตระกูล ผู้อาวุโสก็ได้มอบสมบัติชิ้นนี้ให้กับเขา แผ่นภาพอัศวินโลหิตนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันสามารถใช้อัญเชิญอัศวินรับใช้ทั้งสิบสองได้
เขาไม่เชื่อว่าสมบัติเช่นนี้จะไม่สามารถถ่วงเวลาหลิงฮันได้!
“นี่คือสมบัติที่ปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดของตระกูลข้าสร้างขึ้นมา วิญญาณของปรมาจารย์ทั้งสิบสองคนในจักรวรรดิราชวงศ์เมฆาครามถูกผนึกลงมาในแผ่นภาพนี้ อัศวินโลหิตแต่ละคนล้วนมีจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดอันเกิดจากการดูดซับโลหิตจากสนามรบนับไม่ถ้วน!” เชี่ยตงหลายกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ทีนี้ล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร?”
ครืนนน!
สายฟ้าจากทัณฑ์สวรรค์ผ่าคงกลางหัวของเขา แม้จะรวบรวมพลังทั้งหมดมาใช้ป้องกันแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ผมของเขายุ่งเหยิงยับเยินอย่างน่าอนาถ ท่าทีภาคภูมิใจเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น
นำวิญญาณมาสร้างเป็นอุปกรณ์งั้นรึ? เป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมนัก!
แม้จะมีคนมากมายที่ตายด้วยเงื้อมมือหลิงฮัน แต่เมื่อสังหารไปแล้วทุกอย่างก็จบแค่นั้น แต่ตระกูลเชี่ยกลับนำวิญญาณของคนตายมาสร้างเป็นสมบัติ? ในความคิดของหลิงฮัน การกระทำเช่นนั้นช่างมนุษยธรรมสิ้นดี!
จะบอกว่า อัศวินเหล่านี้คือวิญญาณงั้นรึ?
หลิงฮันหัวเราะและปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ‘ครืนนน’ ทันใดนั้นเอง ไม่เพียงพลังบ่มเพาะของเชี่ยตงหลายถูกลดลงมาสองดาว แต่เหล่าอัศวินโลหิตทั้งสองยังแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา
พวกมันไม่ได้หวาดกลัวหลิงฮันแต่เป็นอำนาจสวรรค์ที่เขาปลดปล่อยออกมา วิญญาณไร้กายหยาบเป็นสิ่งที่ฝืนกฎของสวรรค์และปฐพีและจะถูกเพ่งเล็งโดยสวรรค์ ดังนั้นเมื่อหลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ออกมา แม้จะไม่ใช่อำนาจสวรรค์ของจริง เหล่าอัศวินโลหิตทั้งสิบสองก็ยังรู้สึกหวาดกลัว
อะไรกัน!
เชี่ยตงหลายสบถคำสามคำออกมาจากปาก เขาตกตะลึงอ้าปากกว้างจนลิ้นห้อยออกมา
อัศวินโลหิตระดับดาราเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮันกลับสั่นกลัวราวกับพบเจอศัตรูธรรมชาติโดยที่ตนเองเป็นเหยื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ล่า… อีกฝ่ายก็แค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราแท้ๆ ต่อให้ขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่เหนือพลังระดับดาราที่แท้จริง!
“อ้ากกก!” เชี่ยตงหลายร้องโอดครวญ พลังต่อสู้ของเขาถูกลดไปสองดาว เป็นไปได้อยางไรที่เขาจะสามารถต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ผ่าลงมาตามพลังต่อสู้ดั้งเดิมของเขา? ทันทีที่สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมา ไหล่ซ้ายของเขาก็ปรากฏรอยบาดแผลที่ลากยาวไปจนถึงช่วงซี่โครงขวา ร่างของเขาเกือบขาดออกเป็นสองท่อน
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร!” เชี่ยตงหลายคำรามขึ้นฟ้า “เป็นไปได้อย่างที่สามัญชนเช่นเจ้าจะอยู่เหนือข้า! แค่นิ้วมือเดียวของข้าก็สมควรจะมีค่ามากกว่าชีวิตของเจ้าแล้ว ตระกูลเชี่ยของข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้นับล้านครั้ง!”
“พล่ามเสร็จรึยัง?” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา เขาตัดสินความตายของเชี่ยตงหลายตั้งแต่ตอนนี้อีกฝ่ายมีคิดจะครอบครองสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์แล้ว
“เจ้า… คนเช่นเจ้ากล้าสังหารข้ารึ?” เชี่ยตงหลายตงอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มาก เขาต้องรับทั้งการโจมตีของหลิงฮันกับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ แถมตอนนี้พลังต่อสู้ก็ยังถูกลดไปอีกสองดาว
“เจ้าคิดว่าข้าจะล้อเล่นกับเจ้า?” หลิงฮันยิ้มหน้าตาย
“เจ้าไม่กล้าสังหารข้าแน่นอน!” เชี่ยตงหลายไม่ได้อย่างจะใช้วิธีขี้ขลาดเช่นนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว “สมาชิกทุกคนของตระกูลเชี่ยจะถูกสลักสัญลักษณ์เอาไว้ในร่างกาย หากสมาชิกตระกูลตาย ปรมาจารย์ของตระกูลเชี่ยจะสามารถรับรู้รูปลักษณ์และกลิ่นอายของคนที่สังหารได้! ดังนั้นหากเจ้าสังหารข้า บรรพบุรุษตระกูลเชี่ยที่อยู่ไม่ไกลนี้จะปรากฏตัวมาสังหารเจ้าด้วยตัวเอง!”
ที่อีกฝ่ายกล่าวคือเรื่องจริงหรือแต่งขึ้น?
แต่จะเป็นแบบไหนหลิงฮันก็ไม่สนใจ!
ตายซะ!
เขาลงมืออย่างไร้เมตตา ดาบอสูรนิรันดร์ในมือทำการโจมตีด้วยตัวมันเอง ตัวดาบส่องประกายเจิดจ้า ในขณะเดียวกันหลิงฮันกระตุ้นได้กระตุ้นรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าบนมือขวาและปล่อยการโจมตีไปพร้อมกับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ พลังอำนาจทั้งสามเมื่อผสานรวมกันแล้วน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
เชี่ยตงหลายตกตะลึง เขาบอกผลที่จะตามมาหากสังหารเขาไปแล้ว เหตุใดอีกฝ่ายถึงยังกล้าลงมืออีก?
หากสังหารเขาที่นี่ แม่ทัพเชี่ยที่เป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์แค่ก้าวเท้าครั้งเดียวก็มาถึงที่นี่ได้ แถมหนึ่งฝ่ามือก็เพียงพอจะบดขยี้หลิงฮันแล้ว
เช่นนั้นแล้วหลิงฮันยังลงมือโดยไม่ลังเลยรึ?
บ้าไปแล้ว!
เขาก็ไม่ได้อยากดูหมิ่นตัวเองหรอก แต่หากพูดตามตรงแล้วพรสวรรค์ของหลิงฮันนั้นอยู่เหนือเขาหลายขุม อีกฝ่ายสมควรจะรักชีวิตของตนเองมากแท้ๆ เหตุใดถึงได้ยอมตายง่ายแบบนี้?