ผมของเชี่ยเฉียนกระเซอะกระเซิง โลหิตสีดำปกคลุมไปทั่วใบหน้าราวกับภูตผี
วารีนิรันดร์ด้านหลังของเขาค่อยๆระเบิดออกทีละดวง ที่น่าตกตะลึงกว่านั้นก็คือแม้แต่วิญญาณของเขาก็กำลังถูกเผาผลาญ
“ป่ายฉง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงบังอาจทำร้ายคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์!” กู๋ซื่อลุกขึ้นยืน ชุดคลุมสีทองของเขาส่องประกายระยิบ ออร่าอันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา
กู๋ซื่อคือตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นชายที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับสืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิมากที่สุด
ป่ายฉงที่ว่าคือปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ที่เมื่อครู่ได้รับผลกระทบจากสัมผัสสวรรค์ของเชี่ยเฉียน เมื่อได้ยินกู๋ซื่อกล่าวเช่นนั้นเขาก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
ข้าไม่เกี่ยวด้วย!
เขาน่ะรึลอบโจมตี? ไร้สาระ! เขายังไม่ทันได้ลงมืออะไรเลย คิดว่าที่ใบหน้าของเชี่ยเฉียนมีโลหิตสีดำไหลออกมาและระเบิดวารีนิรันดร์ของตนเองทิ้งเช่นนั้นเป็นการกระทำของเขางั้นรึ? หากเขามีพลังขนาดนั้นก่อนหน้านี้เขาจะอดทนยอมถูกสัมผัสสวรรค์ของอีกฝ่ายรบกวนทำไม?
ถ้าคนที่ใส่ร้ายเขาเป็นปรมาจารย์ทั่วไป เขาคงไม่มัวรอช้าและลงมือโจมตีอีกฝ่ายไปแล้ว เพียงแต่บุคคลตรงหน้าของเขาคือกู๋ซื่อที่มีสถานะและพลังที่สูงส่ง เขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธเอาไว้
“กู๋ซื่อ ตาของเขาบอดไปแล้วรึไง?” ปรมาจารย์ของดินแดนใต้พิภพที่มีอำนาจทัดเทียมกับกู๋ซื่อปรากฏตัว เขาสวมชุดคลุมสีฟ้าครามที่ดูแล้วไม่โดดเด่นอะไร แต่ดวงตาที่เหมือนกับผลึกทับทิมของเขานั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
สีหน้าของกู๋ซื่อเปลี่ยนเป็นจริงจัง อีกฝ่ายคือฟู่ตงหลิว เครือญาติของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชวงศ์วายุดาราครามของดินแดนใต้พิภพ อีกฝ่ายแข็งแกร่งมากพอที่จะถูกเรียกว่าปรมาจารย์ที่แท้จริง
ที่เขากล่าวหาป่ายฉงว่าเป็นคนรอบโจมตีก็เป็นเพราะท่าทางของเชี่ยเฉียนนั้นแปลกประหลาดเกินไป อย่างที่เห็นว่ายังไม่ทันจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นแท้ๆแต่ใบหน้าของเชี่ยเฉียนกลับมีโลหิตไหลออกมา แถมยังทำลายวารีนิรันดร์ที่เป็นสิ่งแสดงถึงระดับพลังบ่มเพาะของตนเองอีก
ถ้านี่ไม่ใช่การลอบโจมตีด้วยทักษะชั่วร้ายของดินแดนใต้พิภพแล้วจะเป็นอื่นใดไปได้
กู๋ซื่อมองไปยังฟู่ตงหลิวด้วยแววตาขึงขัง ดินแดนทั้งสองนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เหตุผลที่พวกเขาไม่ก่อสงครามขึ้นทั้งๆที่มาปรากฏตัวอยู่ในที่เดียวกันแห่งนี้ก็เป็นเพราะผลประโยชน์จากโลงศพโบราณนั้นล้ำค่าเกินไป ทั้งสองฝ่ายจำใจต้องอดอทนอยู่ร่วมกันอย่างช่วยไม่ได้
แต่ตอนนี้เชี่ยเฉียนได้บ้าคลั่งไปแล้ว สถานการณ์จึงเปลี่ยนไป
“อ้ากกกก” เชี่ยเฉียนคำรามและเผาผลาญพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้เอง พลังต่อสู้ของเขาถูกยกระดับสูงขึ้นจนเกินขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงและกลายเป็นขั้นสูงสุด
การเผาผลาญพลังชีวิตของตนเองขนาดนี้แม้แต่ตัวตนระดับเซียนก็ไม่สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้
หรือก็คือเชี่ยเฉียนนั้นจะตายอย่างแน่นอน แต่ก่อนตายเขาจะได้รับพลังต่อสู้อันทรงพลังที่สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับวารีนิรีนดร์ได้เกือบทั้งสิ้น
ทันใดนั้น จู่ๆเชี่ยเฉียนก็หยุดทำร้ายตัวเองและลุกขึ้นปล่อยการโจมตีไปยังผู้คนรอบข้าง
ตูมม!
เขาปล่อยการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวออกไปโดยไม่สนว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู
“บ้าไปแล้ว!”
“บัดซบ!”
เหล่าปรมาจารย์ทุกคนใบหน้าเปลี่ยนสี แม้พวกเขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์เหมือนกัน แต่ขั้นพลังก็แบ่งออกไปอีกสี่ขั้น พลังต่อสู้ของเชี่ยเฉียนในตอนนี้คือขั้นสูงสุดที่อาจจะเป็นชั้นสูงสุดด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าต่อให้จักรพรรดิชื่อเยี่ยนและจักรพรรดิหลันอวิ๋นอยู่ที่พวก ทั้งสองก็ไม่กล้ากล่าวอย่างมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเชี่ยเฉียนได้
ปรมาจารย์แข็งแกร่งที่บ้าคลั่ง ใครบ้าจะไม่หวาดกลัว?
เหล่าปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดทุกคนร่วมมือกันตอบโต้ หากไม่ช่วยกันพวกเขาคงหนีไม่พ้นถูกเชี่ยเฉียนสังหาร
ปัง! ปัง! ปัง!
โดยปรกติแล้วสงครามระหว่างตัวตนระดับวารีนิรันดร์จะเกิดขึ้นเหนือน่านฟ้า แต่ครั้งนี้เมื่อต่อสู้กันที่พื้นดินจึงมีผู้เสียชีวิตจำนวนมหาศาล เพียงแค่ลมหายใจเดียวคนที่เข้ามาที่นี่อย่างน้อยหนึ่งในสามก็ตกตาย
คนที่ยังไม่ตายส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนที่พกสมบัติที่ได้รับมาจากปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ติดตัวเอาไว้ แม้แต่ตัวตนระดับดาราขั้นสูงสุดก็ยังถูกบดขยี้เป็นเถ้าถ่าน สมบัติที่ได้จากพวกเขาจะใช้คุ้มกันได้อย่างไร?
“บัดซบ!” ไม่เพียงแค่เหล่าคนจากดินแดนใต้พิภพที่สบถด่า ทางฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่ต่างกัน ที่นี่มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์มารวมกันมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่ครอบครองสมบัติระดับวารีนิรันดร์หรือระดับเซียนอย่างฉื้อหวงจี่่และฉือหวง
มีผู้คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสมากมาย!
เมื่ออัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งยุคตกตายไปมากมาย เกรงว่าความรุ่งโรจน์ในวิถีวรยุทธของเขตดวงดาวแสงคงกระพันคงเสื่อมถอยไปอีกหลายล้านปี
เหล่าปรมาจารย์พยายามจะสังหารเชี่ยเฉียนเพื่อหยุดการสังหารหมู่
ที่จริงการร่วมมือกันของปรมาจารย์มากมายขนาดนี้ย่อมสมควรกำจัดจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ได้ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ปัญหาก็คือเชี่ยเฉียนนั้นบ้าไปแล้ว เขาทั้งเผาผลาญพลังชีวิตของตนเองและต่อสู้อย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บหรือตาย
คนบ้าขนาดนั้นจะมีใครหยุดเขาได้?
เชี่ยเฉียนกระหน่ำโจมตีไม่หยุดยั้ง เหล่าปรมาจารย์คนอื่นจึงทำได้เพียงป้องกัน หากเป็นแบบนี้ต่อไปไม่เกินหนึ่งวันต่อให้เชี่ยเฉียนจะเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์ที่แข็งแกร่งขนาดไหน พลังชีวิตของเขาก็ต้องถูกเผาผลาญจนตาย
แต่ในช่วงโกลาหลเช่นนี้ ไม่มีใครเลยที่สังเกตเห็นว่าวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่ตายไปได้ถูกดูดลอยเข้าไปยังโลงศพโบราณ
ภายในโลงศพขนาดเท่าภูเขานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่มีใครมองเห็น แต่จะอย่างไรคนที่สร้างโลงศพนี้ขึ้นมาก็เป็นถึงตัวตนระดับโลกียนิพพาน แม้เซียนจะอยู่ที่นี่ก็คงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
นอกจากปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์แล้ว ทุกคนพยายามหลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้การร่วมมือกันของเหล่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะช่วยให้พวกเขามีโอกาสหนีรอดไปได้ การโจมตีของเชี่ยเฉียนก็ถูกหยุดเอาไว้ในระยะขอบเขตหนึ่งเท่านั้น
ในหมู่รุ่นเยาว์ มีเพียงอัจฉริยะอย่างฉือหวงและราชาคนอื่นๆที่มีสมบัติที่ช่วยให้หลบหนีออกมาจากระยะพันไมล์เท่านั้นถึงรอดพ้นจากระยะโจมตีของเชี่ยเฉียได้ แม้แต่แม่นางหยุนกับเย่วหยิงก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะขนาดไหน พวกเขาก็ไร้พลังเมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์
ด้วยเหตุนี้ เหล่ารุ่นเยาว์ที่มาที่นี่จึงเสียชีวิตไปถึงเก้าในสิบส่วน วิญญาณจำนวนมหาศาลถูกดูดเข้าไปยังโลงศพโบราณซึ่งเป็นตัวช่วยพลักดันการเปลี่ยนแปลงของโลศพให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ ทันทีที่มีเสียงดังออกมาจากโลงศพโบราณ ฝาของโลงศพก็ค่อยๆเปิดออก