มีศิษย์ระดับล่างของนิกายดาบสวรรค์มากมายที่ไม่รู้ว่าหลิงฮันคือใคร แต่สำหรับผู้อาวุโสชั้นแนวหน้าแล้ว พวกเขาต้องรู้ดีแน่นอน
‘ตัวการที่ทำการเปิดสวรรค์นำพาทวีปฮงเทียนขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์’
‘อัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดที่บรรลุระดับสุริยันจันทราด้วยเวลาเพียงสิบปี ศัตรูเป็นตายอันเป็นภัยคุกคามสูงสุดของห้านิกายโบราณ!’
ตอนนี้ศัตรูเช่นนั้นได้มาปรากฏตัวเงียบๆในนิกายดาบสวรรค์ของพวกเขาแล้ว
ขนทั่วร่างของเชิงหยวนตั้งชัน เนื่องจากรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากออร่ารอบกายเขาจึงปั่นป่วน ‘ปัง’ หงโถวจินผู้โชคร้ายถูกออร่าที่ปั่นป่วนซัดจนร่างกระเด็น ใบหน้าของเขากระแทกลงกับพื้นพร้อมกับฟันที่หลุดออกมาหลายซี่
“ละ หลิงฮัน!” เชิงหยวนตะโกน เสียงของเขาสั่นเครือจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของบุรุษ
หลิงฮัน?
ศิษย์คนอื่นๆมึนงง หรือว่าผู้อาวูโสเชิงหยวนจะรู้จักรุ่นเยาว์ผู้นี้? เดี๋ยวก่อน… แซ่หลิง? หรือว่าอีกฝ่ายจะเป็นทายาทของปรมาจารย์อาวุโสหลิง? แต่หากเป็นเช่นนั้นทำไมเขาเดินมากับเจียนเสี่ยวหลิงที่เป็นคนของตระกุลเชิง?
เชิงหยวนไม่กล่าวอะไรต่อ เขายกมือขึ้นท้องฟ้าทันที ‘ปังงง’ ดอกไม้ไฟระเบิดขึ้นกลางท้องฟ้า
นั่นไม่ใช่ดอกไม้ไฟทั่วไป มันคือสัญญาณเตือนภัยของนิกายดาบสวรรค์ ประกายไฟของดอกไม้ไฟสาดกระกายปกคลุมไปทั่วไปเมืองดาบสวรรค์ในพริบตาแถมยังแพร่กระจายรัศมีกว้างออกไปไกลอีกหลายพันไมล์
หงโถวจินและคนอื่นๆใบหน้าเปลี่ยนสี นี่คือสัญญาณเตือนภัยของนิกายดาบสวรรค์ซึ่งดอกไม้ไฟจะมีทั้งหมดห้าสีแบ่งเป็น แดงเข้ม แดง ฟ้าเข้ม ฟ้าและม่วง สัญญาณสีม่วงคือสัญญาณเตือนภัยที่รุนแรงน้อยที่สุด ส่วนสีแดงเข้มนั้นบ่งบอกถึงภัยอันตรายที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของนิกาย
อย่างมากที่พวกเขาเคยเห็นก็คือสัญญาณเตือนภัยสีฟ้าเข้ม ส่วนสีแดงหรือสีแดงเข้มนั้นไม่เคยพบเห็นแม้แต่ครั้งเดียว
สัญญาณเตือนภัยที่ผู้อาวุโสเชิงหยวนยิงขึ้นฟ้าคือสีแดงเข้ม หรือว่ารุ่นเยาว์ตรงหน้าพวกเขาจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สามารถสั่นคลอนความอยู่รอดของนิกายดาบสวรรค์?
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ร่างหลายสิบร่างก็ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว จำนวนของพวกเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ห้านิกายโบราณนั้นง หลังจากสงครามกับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพจบลง พวกเขาทั้งหมดได้กลับสู่นิกายของตนเองโดยที่แม้แต่ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราก็ไม่กล้าออกไปไหนเพราะกลัวว่าหลิงฮันอาจจะบุกรุกนิกาย
ดังนั้นทันทีที่เห็นสัญญาณเตือนภัยสีแดงเข้ม เหล่าปรมาจารย์จึงได้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว
“หลิงฮัน!”
“เป็นเจ้าหนูนั่น!”
“บัดซบ กล้ามากที่บุกมาถึงนี่”
“รีบเปิดใช้งานรูปแบบอาคมป้องกัน แล้วให้นำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาสังหารเจ้าหนูนี่ซะ!”
กลุ่มคนที่ปรากฏตัวตะโกนลั่น พวกเขาเป็นปรมาจารย์ระดับสูงในสายตาของเหล่าศิษย์ แต่เมื่อมาปรากฏตัวต่อหน้าหลิงฮัน ปรมาจารย์แต่ละคนกลับมีท่าทีหวาดกลัวและทำท่าทีราวกับพวกเขาเป็นคนไร้พลัง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกหงโถวจินมึนงงทำอะไรไม่ถูก ชายตรงหน้าพวกเขาเป็นใครกันแน่?
“เสี่ยวเอ๋อร์ รีบถอยออกมา!” ชายชราคนหนึ่งปรากฎตัวและกล่าวกับเจียนเสี่ยวหลิงด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
เขาคือเชิงจินผู้นำของตระกูลเชิงและเป็นปู่ของเจียนเสี่ยวหลิง ทันทีที่เห็นหลานสาวของตัวเองยืนอยู่ข้างดวงดาวหายนะหลิงฮัน หัวใจของเขาก็แทบหยุดเต้นและแอบคิดในใจว่านางช่างใจกล้ายิ่งนัก
เจียนเสี่ยวหลิงตกตะลึง สหายเก่าของบิดานางยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยรึ? เขาสามารถทำให้ปรมาจารย์มากมายในนิกายตื่นตัวได้ เท่าที่นางรู้เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถึงแม้นางจะเป็นเด็กสาวเอาแต่ใจ แต่ท่าทีจริงจังของเชิงจินทำให้นางไม่กล้าขัดคำสั่งและรีบเดินไปหาหยางจินก่อนจะหันหลังกลับมามองหลิงฮัน นางรู้สึกว่าหลิงฮันไม่เห็นจะดูเหมือนกับคนชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเจียนเสี่ยวหลิงเดินมาถึงด้านข้างเขา เชิงจินก็รู้สึกโล่งอก เขารู้สึกว่าถึงแม้หลิงฮันจะเป็นปีศาจแต่ก็ยังมีคุณธรรมอยู่บ้างที่ไม่ลงมือกับเจียนเสี่ยวหลิง
“หลิงฮัน เจ้าช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก แม้กระทั่งอาณาเขตของนิกายดาบโบราณยังกล้าบุกรุกเข้ามา ไม่กลัวว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่รึไง?” ชายชราคนหนึ่งกล่าว เขาคือผู้นำของตระกูลหลิง หลิงคง
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “จงไปเรียกเจียนเยว่ซวนมา ข้ามีเรื่องต้องถามเขา”
“ฮึ่ม มาถึงถิ่นเช่นนี้ยังกล้าทำตัวอวดดีอีก?” เชิงจินเค้นเสียง ตอนนี้รูปแบบอาคมป้องกันที่ใหญ่ที่สุดได้ถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว แถมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งหมดก็ยังถูกนำมาด้วย ตอนนี้ทั่วทุกมุมของเมืองหรือแม้แต่ท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว
รูปแบบอาคมป้องกันนั้นถูกสร้างขึ้นมานานไม่รู้กี่แสนกี่ล้านปี เหล่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณเองก็เช่นกัน หากเป็นการผสานรวมอำนาจกันของทั้งสอง ในอาณาเขตของนิกายดาบสวรรค์แห่งนี้พวกเขาจะมีพลังเทียบได้กับตัวตนระดับดาราขั้นต้นชั้นต้น
ตอนนี้หลิงฮันมีทางเลือกอยู่สองทางคือสู้และหนี แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนผลสุดท้ายโชคชะตาของเขาก็ต้องจบลงที่ความตาย
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เมื่อตอนที่อยู่ที่ทวีปฮงเทียนก็ครั้งหนึ่ง ยี่สิบปีย่อมาในที่สุดข้าได้เห็นว่าแท้จริงแล้วสัตว์เดรัจฉานนั้นเป็นเช่นไร”
“บังอาจ!” ชายชราอีกคนตะโกนขึ้น ด้านหลังของเขาปรากฏสุริยันจันทราสี่ลูก รอบกายเขาปลดปล่อยอำนาจแห่งเปลวเพลิงออกมาจนอากาศที่ว่างเปล่ารอบด้านถูกเผาไหม้
คนอื่นๆเองก็แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นกัน บุกมายังนิกายดาบสวรรค์ไม่พอยังกล้าเรียกพวกเขาที่เป็นคนของนิกายดาบสวรรค์ว่าสัตว์เดรัจฉานอีก ช่างยิ่งยโสนัก เจ้าคงไม่รู้สิว่าเขาเจ้าได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในรูปแบบสังหารแล้ว?
เจียนเสี่ยวหลิงแสดงสีหน้าเลื่อมใส ไม่ว่าหลิงฮันจะเป็นศัตรูหรือมิตร ความกล้าหาญของเขาก็ควรค่าแก่การเคารพ
เพียงแต่ว่า ชายตรงหน้านางเองก็ชื่อว่าหลิงฮันงั้นรึ? นางรู้ว่าอาจารย์ของบิดานางเองก็ชื่อนี้เช่นกัน หลิงฮันกล่าวว่าเขาเป็นสหายเก่าของบิดา แต่เป็นไปได้ด้วยรึที่เขาจะบังเอิญมีชื่อเดียวกัน
หรือว่า…
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของนาง แต่นางรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว เรื่องแบบนั้นมันเหลือเชื่อเกินไป เป็นไปได้อย่างไรที่รุ่นเยาว์ตรงหน้าจะเป็นอาจารย์ของบิดานาง? ลองเป็นเช่นนั้นจริงนางที่เรียกเขาว่าลุงมาตั้งนานหากบิดารู้เข้านางจะไม่ถูกตีก้นจนแดงหรอกรึ
“รับลงมือสังหารเจ้าหนูนั่น!” เชิงจินกล่าว
“ดี ปลดปล่อยอำนาจของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณได้!” หลิงคงกล่าวต่อ
ถึงแม้เชิงจินกับหยางคงจะเป็นคู่กัดกันมาชั่วชีวิต แต่ถ้าหากไม่ร่วมมือกันจัดการภัยร้ายจากคนนอกนิกายดาบสวรรค์คงไม่อาจอยู่รอด
“ยักษ์แปดวิญญาณสวรรค์!” เชิงจินชี้นิ้วไปยังหน้าผากของตนเอง ‘พรึบ’ รูปแบบอาคมที่ครอบคลุมอยู่ทั่วนิกายดาบสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งานทันที ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดมหึมารูปร่างคล้ายมนุษย์ได้ปรากฏออกมา ในมือของมันถือไม้เท้าสั้นเอาไว้ ออร่าของสัตว์ประหลาดตนนี้รุนแรงจนราวกับจะทำให้สวรรค์และปฐพีพังทลาย