ชายคนนี้ดูเยาว์วัยเป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนกับรุ่นเยาว์อายุยี่สิบปีเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับอายุขัยอันยาวนานของระดับพระเจ้า คนที่ดูเยาว์ล้วนแต่ไม่เยาว์วัยแม้แต่น้อย
ชายคนนี้เป็นจอมยุทธระดับดาราอย่างแท้จริง ขั้นพลังของเขาคือขั้นกลางชั้นต้น
อายุแท้จริงของเขาสมควรจะเกินล้านปีไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับอายุขัยอันยาวนานของระดับดารา เขายังสามารถเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงเยาว์วัย
สามารถบรรลุระดับดาราได้ในช่วงอายุล้านปีเพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ ไม่น่าแปลกใจที่ท่าทีของเขาจะหยิ่งยโสเหนือชั้นฟ้า
“คารวะนายน้อยขู่!” คนของนิกายมังกรปฐพีคุกเข่า
ไม่ต้องกล่าวพึงพื้นเพของรุ่นเยาว์ผู้นี้ แต่พลังบ่มเพาะระดับดาราของอีกฝ่ายก็เพียงพอจะล้มลงนิกายมังกรปฐพีของพวกเขาแล้ว
“ลุกขึ้นได้” รุ่นเยาว์ผู้นั้นโบกมืออย่างไม่แยแส สายตาของเขากวาดผ่านรอบด้านจนไปหยุดอยู่ที่พวกหลิงฮันที่กำลังกินอาหาร ใบหน้าของเขาชะงักและเปลี่ยนอารมณ์ทันที
“พวกเจ้าเห็นข้าเหตุใดยังไม่คุกเข่าอีก?”
“กล้าบังคับให้นายท่านโสมคุกเข่า? เจ้ากินขี้เข้าไปเกินขนาดรึเปล่า?” โสมเฒ่ามีน้ำโห มันหงุดหงิดมาตั้งแต่เห็นรุ่นเยาว์ผู้นี้มีสตรีมากมายคอยปรนนิบัติ พอเห็นท่าทีอันหยิ่งยโสของอีกฝ่ายมันก็ลั่นปากออกมาทันที
รุ่นเยาว์ผู้นั้นก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่สบอารมณ์เพียงเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดของโสมเฒ่าใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “สนมทั้งสิบสอง ใครนำโสมไร้ค่านั่นไปจัดการได้ คืนนี้ข้าจะทำรักกับผู้นั้นเป็นคนแรก!”
“เจ้าค่ะ นายน้อย!” สนมทั้งสิบสองยิ้มอย่างปลาบปลื้ม ใบหน้าของพวกนางขึ้นสีด้วยความอายเล็กน้อย
โสมเท่าอดที่จะถลึงตาไม่ได้ “สาวงามเช่นพวกเจ้าทางที่ดีมาติดตามนายท่านโสมจะดีกว่า ‘น้ำวิเศษ’ของนายท่านโสมน่ะยอดเยี่ยมอย่าบอกใคร”
“ข้าจะจับเจ้าไปทำซุปโสม!” สนมทั้งสิบสองกล่าวพร้อมกัน พวกนางทุกคนมีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด หากพวกนางโจมตีด้วยรูปแบบยุทธที่พร้อมเพรียง พลังโจมตีผสานของพวกนางอาจจะทรงพลังเกือบทัดเทียมระดับดารา
มีรึที่โสมเฒ่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนั้น มันกรีดร้องและเผ่นหนีทันที
ระดับพลังของมันยังไม่สูง แต่มันสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่ง มันวิ่งมาหลบด้านหลังหลิงฮันและชะโงกหน้ากล่าว “สาวน้อยทั้งหลาย แน่จริงก็เข้ามาสิ!” จากนั้นมันก็กล่าวกับหลิงฮัน “ฮันน้อย กำราบพวกนางเสีย ไว้นายท่านโสมจะคอยชี้แนะพวกนางทุกคืนเพื่อดัดนิสัยโหดร้ายของพวกนางให้เอง”
สนมทั้งสิบสองเกรี้ยวกราด เหตุใดโสมต้นนี้ถึงได้ปากเสียขนาดนี้?
“ยอมกลายเป็นน้ำซุปเสียโดยดี!” พวกนางไม่หวาดกลัวหลิงฮัน ทั้งสิบสองคนมีการโจมตีผสานที่สามารถต่อกรได้แม้แต่จอมยุทธระดับดารา!
หลิงฮันยื่นมือออกไป ‘พรึบ’ ชั้นบรรยากาศสั่นไหวไปยังทิศทางของสนมทั้งสิบสอง
‘ตุบ’ สนมทั้งสิบสองร่างกายอ่อนแรงและล้มลงกับพื้นทันที
ฝ่ามือหลิงฮันได้ปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ออกไป หากระดับพลังต่างกันเพียงเล็กน้อย ศัตรูก็จะได้รับผลกระทบเพียงแค่ระดับพลังลดลง แต่ถ้าพลังต่างกันเกินไป อีกฝ่ายจะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ได้ พวกเขาจะล้มลงหรือไม่ก็ตกตาย
“บังอาจ แม้แต่นางสนมของนายน้อยผู้นี้เจ้าก็กล้าลงมือ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นจ้องเขม็ง
ชื่อของเขาคือจ้าวขู่ พื้นเพของเขาน่าสะพรึงกลัวมาก เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเขาไปที่ใดก็ล้วนแต่ได้รับการต้อนรับอย่างดี
หลิงฮันสะบัดมือและกล่าว “เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า กลับไปยังที่ที่เจ้ามาซะ!”
“ฮ่าๆ!” จ้าวขู่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าในจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีคนที่กล้าพูดจาเช่นนี้กับเขาอยู่ด้วย “ข้าให้โอกาสเจ้าคุกเข่า หากข้าพึงพอใจจะยอมไว้ชีวิตไร้ค่าของเจ้า หากไม่…”
เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปยังสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ สีหน้าของเขาแสดงถึงตัณหาออกมาทันที “สตรีผู้นั้น เหมาะสมกับนายน้อยผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง!”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพบเจอสตรีที่งดงามมาก่อน แต่สตรีอย่างสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์นั้นเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ทั้งบรรยายกาศรอบกายหรือรูปลักษณ์ของนางเรียกได้ว่าชั้นเลิศ
เมื่อใดยินเช่นนั้น เฟิงโปหยุนและคนอื่นๆก็มีท่าทีเกรี้ยวกราด เจียนเยว่ซวนและศิษย์คนอื่นๆถึงขั้นเปิดปากสบถด่าออกมา
สีหน้าหลิงฮันเปลี่ยนเป็นมืดมนและกล่าว “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรนหาที่ตาย!” เขารู้ว่าชายตรงหน้ามีตัวตนระดับวารีนิรันดร์อยู่เบื้องหลัง แต่ขนาดเชี่ยตงหลายเขายังสังหารอย่างไม่ลังเล มีรึที่เขาจะหวาดกลัวอีกฝ่าย?
“ฮึ่ม ช่างอวดดีนัก เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าคือใคร?” จ้าวขู่กล่าวอย่างหยิ่งยโส
“บิดาของข้าคือจ้าวจู่อี้!”
จ้าวจู่อี้เป็นตัวตนซึ่งเป็นตำนานของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ใดอดีตเขาเป็นเพียงตัวตนไร้ชื่อ แต่ไม่รู้วาสนาใดนำพา เขาหลงเข้าไปยังถ้ำลึกลับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายโบราณที่หายสาปสูญไปเมื่อนานมาแล้ว
เมื่อเขากลับออกมา ชื่อเสียงของเขาก็ทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาพบเจอวาสนาที่ช่วยให้ทะลวงผ่านระดับและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา
ตอนนี้จ้าวจู่อี้มีอายุราวๆสามร้อยล้านปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะสามารถทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งได้ก่อนหมดสิ้นอายุขัยหรือไม่
เนื่องจากไต่เต้ามาจากเบื้องล่าง จ้าวจู่อี้จึงไม่เหมือนกับปรมาจารย์คนอื่น แม้เขาจะมีชื่อเรื่องและภรรยามากมาย บุตรของเขากลับมีเพียงคนเดียวคือจ้าวขู่
ผู้คนของนิกายมังกรปฐพีมีสีหน้าภาคภูมิใจ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาครั้งหนึ่งเคยเป็นองครักษ์ให้กับตระกูลของจ้าวจู่อี้ แม้พวกเขาจะไม่มีต้นกำเนิดเดียวกันแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีสายสัมพันธ์เชื่อมต่อกันอยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่องนิกายพบเจอกับภัยพิบัติที่ถึงขั้นจะล่มสลาย พวกเขาจึงนึกคิดสายสายสัมพันธ์นี้ขึ้นมาและส่งคนไปพูดโน้มน้าวของตระกูลจ้าว หลังจากที่มอบสาวงามไปมากมาย ในที่สุดจ้าวขู่ก็รับปากจะช่วยเหลือ
หลิงฮันยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ในตอนที่เขาได้รับทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีเขาก็ถูกเพ่งเล็งโดยขุมอำนาจของดินแดนแห่งเซียนไปเรียบร้อยแล้ว กับแค่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์เหตใดเขาจะต้องเกรงกลัว?
เขามองไปยังจ้าวขู่และกล่าว “ในเมื่อเจ้าแส่หาที่ตาย ข้าก็จะสนองให้!”
ในเมื่อยังไงต้องล่วงเกินตระกูลจ้าวอยู่แล้ว หลิงฮันตัดสินใจสังหารจ้าวขู่เสียเลย
ยิ่งกว่านั้นเกวียนของอีกฝ่ายยังมีวัสดุที่สร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ตกแต่งเอาไว้มากมาย หากไม่ขโมยก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรแล้ว
“กล้าดี!” จ้าวขู่แสยะยิ้ม อีกฝ่ายคิดว่าเขาจะพึ่งพาแต่บารมีของบิดารึอย่างไร? เขามีบ่มเพาะอยู่ที่ระดับดาราขั้นกลาง ในจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ตัวเขาเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้นการที่เป็นผู้สืบทอดของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ เขาจะไม่มีสมบัติที่ทรงพลังติดตัวได้อย่างไร?