จ้าวขู่ไม่กล้าลีลา เขารีบพาสนมทั้งสิบสองและกองทหารปฐพีหลบหนี ส่วนเรื่องจะกลับมาแก้แค้นรึไม่นั้นค่อยว่ากัน
ผู้คนของนิกายมังกรปฐพีที่หลืออยู่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง แม้แต่จ้าวขู่ก็ยังเผ่นหนี!
“เดรัจฉานเช่นพวกเจ้าไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตรอด!” หลิงฮันลงมือสังหารอย่างไรความปรานี
เฟิงโปหยุน ติงผิงและคนอื่นๆก็ลงมือบดขยี้นิกายมังกรปฐพีเช่นกัน
หลังจากการล่าสังหารเสร็จสิ้น ทุกคนก็รู้ว่าความแค้นอันหนักอึ้งในจิตใจถูกยกออกไป
ในที่สุดห้านิกายโบราณก็ถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะมีเหตุการณ์แบบทวีปฮงเทียนเกิดขึ้นอีก
หลิงฮันเก็บรวบรวมทรัพย์สินที่ได้จากสงคราม
เรือเหาะมีขนาดใหญ่เกินไป แม้แต่สัมผัสสวรรค์ของเขาก็ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่ว แถมการจะทำให้มันล่องลอยบนฟ้า เขาจำเป็นต้องใช้ผลึกก่อเกิดมหาศาล
หลิงฮันไม่ได้มั่งคั่งขนาดนั้น
เขาลงมือรื้อถอดเรือเหาะและขนของมีค่าออกจากเรือเหาะ หากพบแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ก็จะนำไปให้ดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืน วัสดุอื่นๆจากเรือก็จะนำไปขายเป็นผลึกก่อเกิด
เมื่อหลิงฮันถอดรูปแบบอาคมรูปแบบสุดท้ายของเรือออก เรือเหาะก็สูญเสียความสามารถในการลอยกลางอากาศและตกลงสู่พื้นทันที แต่เนื่องจากด้านลงเป็นแอ่งน้ำความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่หนักหนามากนัก
แต่คลื่นกระแทกของเรือเหาะขนาดใหญ่ก็ส่งผลให้พื้นที่รอบข้างสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
โชคดีที่ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โครงสร้างของพื้นดินจึงเสถียรอย่างมาก หากเป็นโลกใบเล็ก คลื่นกระแทกจากเรือคงหนีไม่พ้นส่งผลให้ดวงดาวระเบิด ความเสียหายจะรุนแรงกว่านี้อย่างน้อยหมื่นเท่า
สมกับที่จ้าวขู่เป็นทายาทของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ หลิงฮันได้รับแร่โลหะศักดิ์มามากมาย ดาบอสูรนิรันดร์ได้กลืนกินพวกมันอย่างบ้าครั้งจนค่อยๆยกระดับเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า ขนาดของมันที่หดลงก่อนหน้านี้ก็ฟื้นสภาพกลับมา แม้จะยังไม่เท่าเดิมแต่ตอนนี้ตัวดาบก็มีขนาดราวๆสองฟุตแล้ว
หลิงฮันรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเดินจากออกจากนิกายมังกรปฐพีและมุ่งหน้าไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อขายวัสดุต่างที่ได้จากการรื้อถอนเรือเหาะ
ผลจากการเก็บเกี่ยวนั้นมหาศาลอย่างมาก บางทีเขาอาจจะมีเงินมากพอที่จะซื้อแร่โลหะระดับเก้าจำนวนมากและยกระดับดาบอสูรนิรันดร์ให้เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบได้เลย หากเป็นเช่นนั้นอำนาจของดาบอสูรนิรันดร์จะเหนือกว่าระดับพลังของหลิงฮัน
พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเมืองวายุผสาน ที่นี่เป็นเมืองขนาดมหึมาที่มีตัวตนระดับดาราคอยคุ้มกันอยู่ ทั้งวรยุทธต่างๆและธุรกิจการค้าของเมืองนี้รุ่งเรืองอย่างมาก
หากพูดถึงการค้าขายก็ต้องเป็นโรงประมูลจินหยวน หลิงฮันส่งลูกศิษย์ไปจัดการเรื่องต่างๆโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเอง
หลังจากผ่านไปครึ่งวันเศษๆ ศิษย์ทั้งห้าก็กลับมาเพื่อแจ้งว่านำของไปส่งให้โรงประมูลเรียบร้อย ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังนำข่าวใหญ่กลับมาด้วย อีกไม่นานนี้ การประมูลครั้งใหญ่จะถูกจัดขึ้น หนึ่งในสินค้าที่จะถูกประมูลคือ… แก่นไขกระดูกหยก!
แก่นไขกระดูกหยก… มันคือสิ่งที่เฒ่าสวีขอให้หลิงฮันตามหา ชายชราไม่ได้บอกเอาไว้ว่าสิ่งนี้ใช้ทำอะไรได้ เขากล่าวเพียงแค่หากหลิงฮันพบเห็นสิ่งนี้จะต้องนำมันกลับไปให้เขาให้ได้
*เฒ่าสวี คนที่สอนทักษะจิตเจ็ดสังหารให้หลิงฮัน *
**เฒ่าสวีกับแก่นไขกระดูกหยก ผมไม่ได้บันทึกชื่อไว้เลยขอแปลใหม่เลย
หลิงฮันไม่เคยลืมเรื่องนี้แถมยังบอกให้พี่น้องทั้งสามกับเหล่าศิษย์คอยตามหาสิ่งนี้ด้วย ไม่คาดคิดว่าจู่ๆมันจะปรากฏขึ้นเช่นนี้
“อาจารย์ สิ่งนั้นสามารถใช้ทำอะไรได้?” ติงผิงเอ่ยถาม
“ข้าก็ไม่รู้” หลิงฮันยักไหล่
ศิษย์ทั้งห้ามีสีหน้างงงวย ไม่รู้วิธีใช้แต่กลับตามหา?
หลิงฮันหัวเราะ “คงต้องลองไปสอบถามเสียหน่อย” ในเมื่อรู้แล้วว่าแก่นไขกระดูกหยกจะถูกนำมาประมูล ทำไมไม่ไปสอบถามเสียหน่อยล่ะ?
หลิงฮันมุ่งหน้าไปสอบถามรายละเอียดของแก่นไขกระดูกหยก
การข้อมูลที่ได้มา สิ่งนี้มีคุณสมบัติสองอย่าง หนึ่งคือมันสามารถช่วยระงับและรักษาพิษที่มีคุณสมบัติเผาผลาญได้ สองคือมันมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูพลังชีวิต กล่าวได้ว่ามันคือสมบัติที่ถูกสร้างขึ้นจากปาฏิหาริย์ของสวรรค์และปฐพี ความสามารถในการฟื้นฟูของมันยอดเยี่ยมกว่าเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่หลายขุม
ดังนั้นราคาของแก่นไขกระดูกหยกจึงสูงเป็นอย่างยิ่งและดึงดูผู้คนจำนวนมากให้มาประมูล ไม่ว่าอย่างไรสมบัติที่สามารถรักษาพลังชีวิตได้ก็ถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด
หลิงฮันถอนหายใจ ตอนนี้เขากลับมาพบเจอปัญหาเดิมๆอีกแล้ว
ไม่มีเงิน!
ถึงแม้วัสดุที่เขาส่งไปประมูลจะสามารถขายได้เป็นเงินจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะเพียงพอกับแก่นไขกระดูกหยกรึเปล่า ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังต้องการซื้อแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์อีกเป็นจำนวนมาก
จะหาเงินอย่างไรดี?
“อาจารย์ ที่เมืองนี้มีลานประลองอยู่ ทุกๆครั้งที่ชนะเงินพนันจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่หากชนะสิบครั้งติดต่อกันเงินพนันจะเพิ่มขึ้นถึงพันเท่า! แต่หากพ่ายแพ้จะไม่ได้อะไรเลย” เจียนเยว่ซวนกล่าว
“โอ้?” หลิงฮันตาโตทันที “แล้วการประลองยุติธรรมรึไม่?”
ถ้าชนะเก้าครั้งรวดแล้วครั้งที่สิบทางนั้นส่งจอมยุทธที่ระดับสูงกว่าหนึ่งระดับเต็มลงมาประลอง ใครจะเอาชนะการประลองสิบครั้งติดต่อกันได้?
“ผู้ประลองจะพบกับคู่ต่อสู้ที่ระดับพลังเท่ากันเท่านั้น” เจียนเยว่ซวนกล่าว “เพียงแต่ว่าตัวอาจารย์นั้นไม่สามารถเข้าร่วมได้”
“ทำไมกัน?”
“มีกฎว่าผู้ลงประลองต้องเป็นจอมยุทธที่ระดับพลังต่ำกว่าดาราเท่านั้น” เจียนเยว่ซวนหัวเราะ
หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูด แต่พอคิดดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เมืองนี้มีตัวตนระดับดาราคอยคุ้มครอง นั่นหมายถึงจอมยุทธระดับดาราเป็นตัวตนสูงสุดของเมืองนี้ แล้วพวกเขาจะยอมลดสถานะของตัวเองลงมาประลองเพื่ออะไร?
“ไปกันเถอะ พวกเจ้าจะต้องชนะเพื่อข้า!” หลิงฮันทำได้เพียงพึ่งพาคนอื่น
“ข้าจัดการเอง!” ติงผิงตบหน้าอก “ศิษย์จะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”
“ไม่ ให้ข้าเอง!” เฉินหลุยเจียงรีบกล่าวแทรก
เหล่าศิษย์แย่งกันเป็นคนแก้ไขปัญหาให้กับหลิงฮัน
“ฮ่าๆ น้องสี่ พวกเราก็อยากจะลองเหมือนกัน” เฟิงโปหยุนกับมู่หลงชิงเสนอตัว
หลิงฮันครุ่นคิดและกล่าว “ในกลุ่มพวกเรา ติงผิงคือคนที่ได้เปรียบที่สุดคือติงผิงที่ขัดเกลาพลังบ่มเพาะบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ชั้นกลาง ในหมู่จอมยุทธระดับเดียวกันเขากล่าวได้ว่าเป็นตัวตนไร้พ่าย”
ทุกคนพยักหน้า ในการประลองคู่ต่อสู้จะเป็นจอมยุทธระดับเดียวกันเท่านั้น แต่ชั้นพลังต่ำ กลาง สูง ปลายหรือสูงสุดนั้นไม่จำเป็นต้องเท่ากัน
ดังนั้นยิ่งขั้นพลังสูงก็ช่วยรับประกันว่าจะไม่เสียเปรียบให้กับคู่ค่อสู้ระดับเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้นจะมีสักกี่คนเชียวที่ขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์?
น้อยมาก! เพราะงั้นคนเหล่านี้จึงเป็นราชาในหมู่ราชา!
“เช่นนั้นคนลงประลองคนแรกให้เป็นหน้าที่ของติงผิง เจ้าต้องเอาชนะสิบครั้งติดต่อกันเพื่อให้เงินเดิมพันเพิ่มขึ้นเป็นพันเท่าให้ได้” หลิงฮันตัดสินใจเดิมพันผลึกก่อเกิดทั้งหมดไปกับติงผิง
“อาจารย์โปรดไว้ใจศิษย์!” ติงผิงตบหน้าอกอย่างมั่นใจ