อะไรคือการประมูล?
มันคือการที่ทุกคนแข่งขันกันตั้งราคาสินค้าให้สูงขึ้น
จ้าวขู่อวดดีข่มเหงเป็นอย่างมาก แค่สินค้าถูกนำขึ้นมาเขาก็ใช้อำนาจของบิดาข่มขวัญคู่แข่ง เรื่องนี้ทำให้ผู้คนมากมายแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์และอยากจะลากเขาลงมาทุบตีเสียเหลือเกิน
หลิงฮันยิ้ม ด้วยความช่วยเหลือของนายน้อยผู้เอาแต่ใจคนนี้ เขาสามารถประหยัดผลึกก่อเกิดไปได้มาก
“เหอะ การประมูลคือการตัดสินว่าใครมีเงินเยอะกว่า ไม่ใช่การเบ่งอำนาจ!” ในห้องส่วนตัวอีกห้อง ใครบางคนกล่าวอย่างเย็นชา “หกสิบล้าน!” คนคนนั้นเพิ่มราคาแก่นไขกระดูกหยก
“อวดดีนัก เจ้ามีอำนาจยิ่งใหญ่มาจากไหน กล้าเอ่ยนามของเจ้ารึไม่?” จ้าวขู่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เขาได้ประกาศชื่อของบิดาของเขาออกไปแล้ว ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าเขาอยู่อีกรึ อีกฝ่ายกำลังดูถูกเขาอยู่ชัดๆ
“ตระกูลกู่ กู่ฉ่าวอวิ๋น!” เสียงอันหยิ่งยโสดังขึ้นในห้องส่วนตัว ท่าทางอวดดีของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวขา
“หรือวจะเป็นตระกูลกู่ของจอมพลกู่?”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ เพราะงั้นเขาถึงไม่หวาดกลัวอำนาของต้องตระกูลจ้าว!”
ทุกคนอุทานด้วยสีหน้าตื่นเต้น ถ้าพวกเขาไม่สามารถประมูลแก่นไขกระดูกหยกได้ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะหวังให้ราคาของสินค้าสูงขึ้น ยิ่งจ้าวขู่ต้องผลาญเงินมากขึ้นเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกปลื้มปริ่ม
“เจ็ดสิบล้าน!” จ้าวขู่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ อีกฝ่ายมีเบื้องหลังเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์เช่นเดียวกันทำให้ไม่ต้องหวาดกลัวเขา เรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถใช้อำนาจของบิดาได้แล้วและต้องสู้ด้วยอำนาจเงินเพียงอย่างเดียว
“พี่ชายฮันไม่ต้องกังวล ข้านำเงินติดตัวมาด้วยสองร้อยล้านผลึกก่อเกิด ข้ามั่นใจว่าจะต้องนำแก่นไขกระดูกหยกมาให้พี่ชายฮันได้แน่นอน!” เขากล่าวอย่างมั่นใจ
หลิงฮันยิ้ม เขาไม่ชอบใช้ประโยชน์จากใคร แต่นายน้อยผู้เอาแต่ใจคนนี้เป็นกรณียกเว้นเนื่องจากอีกฝ่ายเคยกล้ามีความคิดไม่ดีต่อสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะเกราะรบสีเงิน อีกฝ่ายคงจะไปพบยมบาลเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเมื่อตอนนี้จ้าวขู่พยายามประจบเอาใจเขา หลิงฮันจึงไม่ห้ามปราม
“แปดสิบล้าน!” กู่ฉ่าวอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอย่างไม่แยแส
“เก้าสิบล้าน!” จ้าวขู่สู้ไม่ถอย เขาเพิ่มราคาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“หนึ่งร้อยล้าน!”
“หนึ่งร้อยสิบล้าน!”
ด้วยการแย่งชิงระหว่างสองนายน้อย ราคาของแก่นไขกระดูกหยกจึงทะยานสูงขึ้น คนอื่นไม่มีโอกาสประมูลแม้แต่น้อยเนื่องจากราคาในตอนนี้ได้สูงเกินกว่าที่พวกเขาจะจ่ายไหวไปแล้ว
แต่เมื่อราคาเพิ่มขึ้นมาถึงร้อยห้าสิบล้าน จ้าวขู่ก็เริ่มเหงื่อตก เขานำผลึกก่อเกิดติดตัวมาเพียงสองร้อยล้านผลึกซึ่งราคาในตอนนี้ใกล้จะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับยังคงสงบนิ่งราวกับว่ายังมีผลึกก่อเกิดเหลืออีกมากมาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกเสียหน้ามาก
แถมเขากำลังอยู่ต่อหน้านายน้อยฮันด้วย!
“สองร้อยล้าน!” เขาเสนอราคาสูงสุดที่สามารถจ่ายได้ออกไปเพื่อพยายามทำลายท่าทีเยือกเย็นของอีกฝ่าย
“สองร้อยล้านเชียวรึ!”
“แม้แก่นไขกระดูกหยกจะไม่มีราคาตลาด แต่สองร้อยล้านผลึกก็ถือว่ามากมายเกินไป”
“ราคาของมันสมควรอยู่ที่ราวๆหนึ่งร้อยล้านผลึกก่อเกิดเท่านั้น”
“ไม่หรอก นี่เป็นการแย่งชิงกันระหว่างสองขุมอำนาจใหญ่ หากมีฝ่ายใดเสนอราคาสามร้อยล้านผลึกข้าก็ไม่แปลกใจ”
“สองร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง!”
“สองร้อยล้านครั้งที่สอง!”
“สองร้อยสิบล้าน!” ในขณะที่จ้าวขู่คิดว่าตนเองชนะแล้ว เสียงของกู่ฉ่าวอวิ๋นก็ดังขึ้นเพิ่มราคาอีกครั้ง
“บดซับ!” จ้าวขู่สบถออกมาทันที แต่เมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ขมวดคิ้วมองมาที่เขา จ้าวขู่ก็รีบยิ้มแฉ่งทันที “ข้าพลั้งปากไปหน่อย ข้าจะลงโทษตัวเองเดี๋ยวนี้!” เขาใช้ฝ่ามือตบปากตัวเอง แต่แน่นอนว่าแค่เบาๆเท่านั้น
“นายน้อยฮัน ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่เหลือไม่ผลึกก่อเกิดมากกว่านี้แล้ว” จ้าวขู่หน้าแดงด้วยความอับอาย นายน้อยเจ้าสําราญเช่นเขากลับต้องมาอับจนในช่วงเวลาสำคัญ!
หลิงฮันไม่สนใจและกล่าว “สองร้อยห้าสิบล้าน!”
‘ว่าไงนะ?’
ทุกคนตกตะลึง เหตุใดถึงมีเสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นมา? ยิ่งกว่านั้นเสียงของคนที่ว่ายังดังออกมาจากห้องส่วนตัวของจ้าวขู่อีกด้วย คราวนี้เป็นนายน้อยของตระกูลใดอีก?
แต่จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าครั้งนี้ตระกูลซือหม่าเป็นคนเชิญและคอยดูแล้วความสะดวกสบายของจ้าวขู่อยู่หรอกรึ?
ใครบางคนรู้มากและกล่าวออกมาว่าคนที่จองห้องส่วนตัวห้องนั้นคือซือหม่าหลิงทำให้ทุกคนคิดไปเองว่าเสียงของคนที่กำลังประมูลแข่งอยู่คือซือหม่าหลิง
“ซือหม่าหลิงผู้นี้ใจกล้าไม่เบา ไม่นึกว่าเขาจะกล้าประมูลสมบัติแข่งกับนายน้อยตระกูลกู่”
“ราคาของแก่นไขกระดูกหยกในตอนนี้ก็สูงมากอยู่แล้ว ถ้าท้ายที่สุดคนที่ชนะประมูลคือนายน้อยกู่ เมื่อถึงตอนนั้นกู่ฉ่าวอวิ๋นก็จะคิดว่าซือหม่าหลิงจงใจเพิ่มราคาให้สูง และทั้งสองก็จะเกิดความขัดแย้งกันอย่างช่วยไม่ได้”
“แต่ถ้าซือหม่าหลิงชชนะประมูลจริงๆ กู่ฉ่าวอวิ๋นคงไม่อยู่เฉยแน่”
“ไม่ว่าผลลัพธ์การประมูลจะเป็นอย่างไร ตระกูลซือหม่าก็ได้ล่วงเกินตระกูลตระกูลกู่ไปแล้ว”
ถ้าซือหม่าหลิงอยู่ที่ดี เขาคงกระอักโลหิตออกมาอีกครั้งแน่ นี่มันเรื่องบัดซบอันใด? ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย!
“สะ… สองร้อยหกสิบล้าน!” นายน้อยกู่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะเสนอราคาเพิ่ม
ราคาในตอนนี้เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก แต่ในฐานะนายน้อยใหญ่ของตระกูลกู่เขาจะยอมรับความพ่ายได้อย่างไร?
การประมูลฝนตอนนี้ไม่ใช่เพื่อแก่นไขกระดูกหยก แต่เป็นเกียรติยศ!
“สามร้อยล้าน” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส เขาในตอนนี้ไม่เพียงถือเงินก้อนใหญ่อยู่ แต่เขายังนำเม็ดยาและอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์มากมายลงประมูลด้วย ซึ่งอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ชิงมาจากจ้าวขู่ รวมๆแล้วพวกมันน่าจะขายได้สองถึงสามร้อยล้าน
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงถือว่ามั่งคั่งโดยที่ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเสนอราคาเท่าไหร่
“สะ สามร้อยสิบล้าน!” กู่ฉ่าวอวิ๋นปาดเหงื่อ เขามีลางสังหรณ์ว่าตนเองกำลังจะแพ้แล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไม่ผิด เสียงของหลิงฮันดังขึ้นต่อจากเขาทันที “สามร้อยห้าสิบล้าน”
เมื่อราคาเพิ่มถึงขนาดนี้ กู่ฉ่าวอวิ๋นก็ลังเลอยู่ชั่วขณะและเลือกที่จะไม่เสนอราคาต่อ
“สามร้อยห้าสิบล้านครั้งที่หนึ่ง!”
“สามร้อยห้าสิบล้านครั้งที่สอง!”
“สามร้อยห้าสิบล้านครั้งที่สาม! สิ้นสุดการประมูลสินค้าชิ้นนี้!”
ผู้บรรยายการประมูลเคาะโต๊ะและประกาศผู้ที่ได้แก่นไขกระดูกหยกไปครอบครอง