หลิงฮันแสดงสีหน้าพึงพอใจ ในที่สุดเขาก็ทำสัญญาที่ให้ไว้กับเฒ่าสวีสำเร็จเสียที
เขาได้รับผลประโยชน์มากมายมาจากเฒ่าสวี ไม่ว่าจะเป็นทักษะจิตเจ็ดสังหารหรือทักษะบ่มเพาะหกธาตุผสาน ทั้งสองล้วนเป็นทักษะชั้นยอด
ทีนี้เขาก็สามารถกลับดาวเหอหนิงได้โดยไม่ต้องมีอะไรติดค้างคาใจ
“นายน้อยฮันช่างมั่งคั่ง ข้านับถือนายน้อยจริงๆ!” จ้าวขู่ยกนิ้วให้หลิงฮัน แม้เขาจะกล่าวเพื่อประจบประแจงแต่ก็กล่าวออกมาจากใจจริง เพราะอย่างไรต่อให้เป็นนายน้อยเช่นเขาก็ไม่สามารถผลาญเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้
หลิงฮันยิ้ม เขากับจ้าวขู่ไม่ได้มีชะตาต้องกัน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะสร้างมิตรภาพกับอีกฝ่าย
หลังจากนั้นก็มีสมบัติมากมายถูกนำออกมาประมูล ไม่ว่าจะเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หรือเม็ดยาก็ถูกนำออกมาประมูลปะปนกันไป
หลิงฮันร่วมประมูลชิงเอาแร่โลหะทั้งหมดมาเพื่อยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์
“หืม ทำไมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นถึงดูคุ้นตานัก!” จ้าวขู่กำลังเบื่อหน่าย แต่เมื่อมองไปยังกระบี่ที่ถูกนำออกมาประมูล เขาก็เกาหัวด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดกับกระบี่เล่มนั้น
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ยิ้ม เขาจะไม่คุ้นได้อย่างไร? อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นแต่เดิมเป็นของจ้าวขู่ที่หลิงฮันแย่งชิงมาและนำไปลงประมูล
หลังจากนั้นจ้าวขู่ก็ยังคงพบว่ามีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อีกไม่น้อยที่เมื่อมองไปแล้วรู้สึกคุ้นตา จนกระทั่งดาบเล่มสุดท้ายถูกประมูลออกไปเขาถึงจะจำได้ว่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั่นเป็นของเขา!
เขาหันไปมองหลิงฮัน คนที่จะนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปประมูลได้คงไม่มีใครอื่นนอกจากหลิงฮันแล้ว
แม้เขาจะไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าโมโหออกไป ล้อเล่นรึเปล่า? อีกฝ่ายเป็นถึงทายาทของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งที่เขาไม่มีทางต่อกรได้ แน่นอนว่าหากเบื้องหลังของเขาทัดเทียบกับอีกฝ่ายเขาจะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลิงฮันทันที
นี่ล่ะคือนิสัยของเขา
จ้าวขู่ประมูลแข่งนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของเขาจำนวนหนึ่งกลับมา แต่กูฉ่าวอวิ๋นที่พ่ายแพ้ในการประมูลแย่งชิงแก่นไขกระดูกหยกย่อมต้องเกลียดจ้าวขู่อยู่แล้ว อีกฝ่ายจงใจเพิ่มราคาของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำให้จ้าวขู่เสียผลึกก่อเกิดจำนวนมาก
จ้าวขู่อยากจะร้องไห้ นี่เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแท้ๆ แต่เขากลับต้องซื้อพวกมันด้วยราคาสูงลิบลิ่ว ในขณะเดียวกันเขายังรู้สึกเกลียดชังกูฉ่าวอวิ๋นยิ่งขึ้นไปอีก เขาสาบานจะต้องเอาคืนอีกฝ่ายที่กล้าขัดแข้งขัดขากับเขา
การประมูลดำเนินอย่างยาวนานจนสิ้นสุดลงในอีกห้าวันต่อมา หลิงฮันเก็บเกี่ยวได้มากพอสมควรกับการประมูลครั้งนี้ ไม่เพียงแค่แก่นไขกระดูกหยกเท่านั้น แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้มาก็มีจำนวนมากเช่นกัน
เขามุ่งหน้าไปชำระเงินโดยที่จ่ายไปเพียงเจ็ดสิบล้านผลึกก่อเกิดเท่านั้น เนื่องจากเม็ดยาและอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขานำลงประมูลสามารถทำเงินได้มากกว่าสี่ร้อยล้านผลึกกาอเกิด แม้จะประมูลแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมาเขาก็ยังเหลือผลึกก่อเกิดอยู่อีกมหาศาล
“ซือหม่าหลิงสินะ?” เมื่อหลิงฮันออกจากโรงประมูล เขาก็พบกับรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่ยืนรอเขาอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมตาตี่ อีกฝ่ายจ้องมองหลิงฮันไม่วางตา “ข้าจะจำเจ้าเอาไว้”
ชายหนุ่มที่ว่าคือกูฉ่าวอวิ๋น
“ซือหม่าหลิง ข้าจะจำเจ้าไว้!”
หลังจากกล่าวเสร็จอีกฝ่ายก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้หลิงฮันกล่าวอะไร
หลิงฮันเกิดความรู้สึกมึนงง เหตุใดความบาดหมางของเขากับกูฉ่าวอวิ๋นถึงไปลงที่ซือหม่าหลิง? นี่เขาควรจะรีบไปอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจรึเปล่า?
ช่างมันเถอะ…
“ฮ่าๆๆๆ!” จ้าวขู่หัวเราะ เขากำลังคิดว่าถ้ากูฉ่าวอวิ๋นรู้ตัวว่าตนเองได้กล่าวขู่ใครเอาไว้อีกฝ่ายจะทำหน้าแบบไหน? ยิ่งคิดก็เขาก็ยิ่งยิ้มไม่หยุด
หลิงฮันเดินกลับไปโรงเตี๊ยมพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ แน่นอนว่าเขาไม่สนใจว่าหลังจากนี้กูฉ่าวอวิ๋นจะลงมือทำอะไรกับซือหม่าหลิงรึไม่
เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยมพวกเขาก็เตรียมตัวกลับไปยังเมืองต้าหยิง และเมื่อเสร็จธุระที่นั่นแล้วพวกเขาก็ยังออกจากดาวหยุนติ่งและกลับไปดาวเหอหนิง หลังจากนี้อีกราวๆร้อยปีหลิงฮันต้องมุ่งหน้าไปยังสำนักละอองดาราในเขตดวงดาวสี่ทิศเพื่อท้าทายเหล่าอัจฉริยะที่แท้จริง
“ข้าออกไปกับพวกเจ้าไม่ได้” หลี่ลั่วถงกัดริมฝีปาก “ตระกูลได้ส่งคนไปคุ้มกันประตูเมืองเอาไว้ หากข้าออกจากเมืองนี้คงหนีไม่พ้นถูกนำตัวกลับมา”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ไม่ใช่ปัญหา หากข้าต้องการนำใครออกไปจากเมืองนี้ ใครจะหยุดข้าได้?”
หลี่ลั่วถงไม่เชื่อ แม้หลิงฮันจะแข็งแกร่งมากก็จริงแต่เขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นชั้นต้นเท่านั้น ต่อให้เขาเป็นอัจฉริยะสิบดาวก็ทำเพียงต่อสู้ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงชั้นปลาย ตระกูลหลี่นั้นมีผู้นำคือปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดที่เป็นอัจฉริยะสี่ดาว!
แต่ในเมื่ออาจารย์ของคนรักของนางกล่าวเช่นนั้น ต่อให้นางไม่เชื่อนางก็ไม่กล้าตั้งคำถาม
ถึงอย่างนั้นนางกลับพบว่าทุกคนนอกจากนางนั้นเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวหลิงฮัน
หมายความว่าอย่างไร?
นางรู้ว่าหลิงฮันมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด แต่พวกเจ้าจะเทิดทูนชายคนนี้โดยไม่ลืมหูลืมตาเลยงั้นรึ?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ถึงเวลาพาจิ่วเยากับลั่วถงเข้าหอคอยทมิฬแล้ว”
เขาสะบัดมือและพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ทันใดนั้นเองสองคนที่ไม่เคยเข้ามาในหอคอยทมิฬมาก่อนก็แสดงสีหน้าตกตะลึง นี่มันอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์!
หลิงฮันพาทุกคนไปยังต้นสังสารวัฏและกล่าว “พวกเจ้าบ่มเพาะพลังที่นี่ไปก่อน เมื่อถึงเมืองต้าหยิงข้าจะมาแจ้งอีกครั้ง”
“อืม!” เฟิงโปหยุนและคนอื่นๆพยักหน้า
หลี่ลั่วถงตกตะลึงจนพูดไม่ออก ส่วนจิ่วเยานั้นปรับตัวได้ไวมาก เขานั่งลงใต้ต้นสังสารวัฏและเริ่มบ่มเพาะพลัง เซียนหวู่เซียงกับจักรพรรดิจอมอสูรเองก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขากำลังบ่มเพาะโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
หลิงฮันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ออกจากหอคอยทมิฬ ตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ติดคอขวดของระดับดาราอยู่ การหมกหมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะพลังย่อมไม่ช่วยอะไรมาก นางตัดสินออกมาที่โลกภายนอกเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากเมือง
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกเพ่งเล็งโดยสามตระกูลใหญ่ ทันทีที่เดินมาถึงประตูเมืองพวกเขาก็ถูกคนเฝ้าประตูไต่สวนอย่างหนักเนื่องจากจอมยุทธระดับพระเจ้านั้นสามารถย่อหดร่างกายของตนเองได้ เหตุการณ์ที่แอบซ่อนคนอื่นเอาไว้ตามแขนเสื้อหรือที่ต่างๆนั้นเป็นเรื่องปกติในการลอบเข้าออกเมือง
แต่หลิงฮันเป็นตัวตนระดับดารา ใครจะกล้าตรวจสอบร่างกายเขา สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เองก็มีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดในสายตาคนภายนอกซึ่งไม่อาจดูหมิ่นได้
ดังนั้นที่นี่จึงมีตัวตนระดับดาราคอยเฝ้าอยู่ด้วย เขาใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบหลิงฮันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และไม่พบพลังชีวิตของใครอื่นถูกซ่อนเอาไว้
“เจ้าว่าจะมีใครดักรอพวกเราอยู่รึเปล่า?” หลิงฮันกล่าวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าว
หลิงฮันถือครองทั้งผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาลและแก่นไขกระดูกหยก ก่อนหน้านี้ในเมืองแม้ทุกคนจะดูมีศิลธรรม แต่เมื่อใดที่ออกจากเมืองมารชั่วร้ายในจิตใจก็จะปรากฏออกมา
“พูดไม่ทันขาดคำ ก็ต้องลงมือสังหารคนเสียแล้ว!” แววตาของหลิงฮันส่องประกายด้วยจิตสังหาร