สำหรับหลิงฮัน วรยุทธเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ศาสตร์ปรุงยาก็ไม่อาจเมินเฉยได้
ในชีวิตที่แล้วเขาทุ่มเททุกอย่างให้กับการปรุงยา แม้กระทั่งที่บ่มเพาะพลังก็เพื่อสนับสนุนการปรุงยา เพียงแต่ว่าในชีวิตนี้เขาจะทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะพลังมากกว่า
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงฮันจะละทิ้งการปรุงยา ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ การปรุงยานั้นสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีมิตรสหายมากมาย เม็ดยาเป็นสิ่งจำเป็นในการยกระดับพลังของพวกเขาให้สูงขึ้น
หลังจากกลับที่พัก คนอื่นๆย่อมไม่ขัดข้องกับการตัดสินใจของหลิงฮัน มีเพียงคนเดียวที่ไม่สบอารมณ์คือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ เนื่องจากนางได้ยินมาว่า เจ้าของตำหนักเป่าหลินสาขานี้มีเสน่ห์ยั่วยวน
แน่นอนว่านางเชื่อในตัวหลิงฮัน ถ้าหลิงฮันต้องการสตรีไม่เลือกหน้าจริงล่ะก็ จนถึงตอนนี้เขาคงผ่านสตรีมานับไม่ถ้วนแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขาเป็นจักรพรรดิของทวีปฮงเทียน หลิงฮันในตอนนี้ที่เป็นราชาในหมู่ราชาย่อมมีสาวงามนับไม่ถ้วนยินยอมมาอยู่ในอ้อมแขนเขา
วันรุ่งขึ้น หลิงฮันมุ่งหน้าไปหาหลินอวีฉีหลังจากที่ชี้แนะหานซินเหยียนเรียบร้อยแล้ว
หานซินเหยียนนั้นถึงแม้จะมีพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาที่โดดเด่น แต่การหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเป็นเรื่องง่ายๆ? ยิ่งกว่านั้นเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งก็ยังเรียกว่าเป็นเม็ดยาระดับสูงในหมู่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด
ในระยะเวลาร้อยปี เกรงว่านางก็คงไม่สามารถหลอมเม็ดยานี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ
หลิงฮันนึกว่าหลินอวีฉีจะมอบตำราเม็ดยาชนิดใหม่ให้เขาฝึกหลอมก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งปี แต่ความจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น
หลินอวีฉีนำสมุนไพรออกมาและกล่าว “เจ้ารู้ไหมว่าสมุนไพรนี้คืออะไร?”
หลิงฮันหัวเราะ คิดจะทดสอบเขาเช่นนี้ หรือนางกำลังดูถูกเขาอยู่? หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “สมุนไพรชิ้นนั้นคือหญ้าสามเมฆา”
หลินอวีฉียิ้มและสะบัดนิ้วราวกับกระบี่เพื่อหั่นสมุนไพรชิ้นนี้ออกเป็นล้านส่วน นางเอื้อมมือออกไปกำเศษสมุนไพรเอาไว้ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ “คราวนี้เจ้าต้องต่อสมุนไพรเข้าด้วยกันใหม่”
“หืม?” หลิงฮันประหลาดใจ ต้องทดสอบเช่นนี้ด้วย? ทำไปเพื่ออะไรกัน?
“นี่คือการทดสอบความเข้าใจสมุนไพรของเจ้า ไม่ใช่แค่ในการแข่งขันของตระกูล แต่ในเขตแดนลี้ลับหากเจ้าต้องการสมบัติเจ้าก็จำเป็นต้องมีความเข้าใจในสมุนไพรที่สูงถึงระดับหนึ่งไม่ใช่เพียงความสามารถในการหลอมเม็ดยา” หลินอวีฉีกล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและสะบัดมือแยกเศษสมุนไพรบนโต๊ะออกจากก่อน เขานึกถึงรูปลักษณ์ของหญ้าสามเมฆาเมื่อครู่ขึ้นในหัวก่อนจะลงมือเชื่อมสมุนไพรเข้าด้วยกัน
“เจ้าต่อผิดสามสิบเจ็ดส่วน” หลินอวีฉีมองสมุนไพรที่หลิงฮันต่อก่อนจะกล่าว
หลิงฮันไม่เชื่อ แต่เมื่อหลินอวีฉีอธิบายจุดที่ผิดพลาดทั้งสามสิบเจ็ดและเชื่อมต่อสมุนไพรใหม่อีกครั้ง หลิงฮันถึงยอมรับ
“ทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีสมุนไพรทั้งหมดแปดแสนหนึ่งหมื่นชนิด กล่าวคือตราบใดที่เจ้าจดจำและเข้าใจสมุนไพรทั้งแปดแสนหนึ่งหมื่นชนิดได้อย่างเชี่ยวชาญ เจ้าก็จะแยกแยะลักษณะเฉพาะของสมุนไพรทั้งหมดบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้” หลินอวีฉีกล่าว ตอนนี้ท่าทีของนางไม่ใช่สตรียั่วสวาทแต่เป็นสาวงามภูมิปัญญา
หลิงฮันพยักหน้ายอมรับโดยไม่เถียง ความจริงตรงหน้าทำให้โลกของเขาเปิดกว้างขึ้น
“รับไป นี่คือสมุดภาพวาดสมุนไพร” หลินอวีฉีนำกองหนังสือออกมา “แม้ตำหนักเป่าหลินจะไม่ใช่ขุมอำนาจที่เชี่ยวชาญสมุนไพรที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่สมุดภาพเหล่านี้เป็นแบบคัดลอกของสมุนทั้งหมดจากยุคบรรพกาลซึ่งเพียงพอจะทำให้เจ้ารู้จักสมุนไพรทุกชนิด”
“ขอบคุณมาก” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงขอบคุณจากใจ สิ่งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเขามาก
“แน่นอนอยู่แล้ว จงจดจำบุญคุณของพี่สาวคนนี้ไว้” พริบตาเดียวหลินอวีฉีก็เปลี่ยนท่าทีกลับไปเป็นสตรีขี้เล่นดังเดิม
หลิงฮันไร้คำพูดและรับสมุดภาพมา
เมื่อกลับถึงที่พัก หลิงฮันเก็บตัวและศึกษาความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรใต้ต้นสังสารวัฏทันที
สมุนไพรทั้งหมดมีถึงแปดแสนหนึ่งหมื่นชนิด การจดจำรูปลักษณ์สมุนไพรจำนวนมากให้สมบูรณ์แบบนั้นเป็นขั้นตอนที่ยากมาก แต่การทดสอบของหลินอวีฉีกลับยากยิ่งกว่า หลังจากหั่นสมุนไพรออกเป็นล้านชิ้นยังต้องต่อพวกมันกลับเข้าเป็นชิ้นเดียวอีก
โชคดีที่หลิงฮันมีต้นสังสารวัฏ ระยะเวลาครึ่งปีที่เหลือในการใช้จดจำสมุนไพรทั้งหมดตั้งแต่ยุคบรรพกาลนั้น สำหรับเขาแล้วมีเป็นเวลาเกือบๆสองร้อยปี
หลิงฮันเข้าสู่โลกแห่งการจดจำสมุนไพร… หนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เขาจดจำรายละเอียดอย่างสมบูรณ์ของสมุนไพรได้เพียงสองแสนชนิดเท่านั้น แต่หลิงฮันมั่นใจว่าทักษะการหลอมของเขาในตอนนี้สมควรยกระดับขึ้นมาหนึ่งระดับเป็นอย่างน้อย
เมื่อมาถึงจุดนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ต่อให้เขาไม่ได้เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับโบราณหรือเข้าร่วมการแข่งขันของตำหนักเป่าหลิน แต่การจดจำสมุนไพรเหล่านี้ก็ถือว่ามอบผลประโยชน์ให้เขามากพอแล้ว
หลังจากขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทักษะการหลอมเม็ดยาของเขาจึงต้องค่อยๆพัฒนาใหม่อีกครั้งทีละก้าว แม้เขาจะเป็นจักรพรรดิแห่งการปรุงยาก็มีโอกาสที่จะก้าวพลาด
แต่การจดจำสมุนไพรเหล่านี้เปรียบได้กับตัดเส้นทางผิดพลาดที่ว่าทิ้งไป
หนึ่งปีผ่านพ้นไป หลิงฮันจดจำรูปลักษณ์สมุนไพรได้เพียงสี่แสนชนิด หรือก็คือเกือบๆครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด
เขาถอนหายใจ หากมีเวลาอีกสักครึ่งปีก็คงจะดี
แต่อย่างไรครึ่งปีก็ผ่านไปแล้ว หลิงฮันได้นำทุกคนเข้ามาในหอคอยทมิฬและมุ่งหน้าไปยังตำหนักเป่าหลิน
เมื่อมาถึงเขาพบว่าหลินอวีฉีเตรียมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สีหน้าของหานซินเหยียนค่อนข้างเวิ้งว้าง นางยังไม่สามารถหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้อย่างเชี่ยวชาญทำให้ไม่มีความมั่นใจในการแข่งขันครั้งนี้
“ออกเดินทาง!”
ภาหนะที่ใช้เดินทางของพวกเขาคือรถเกวียนอันหรูหราของหลินอวีฉี เมื่อนั่งลงไปไม่รับรู้ถึงแรงกระเทือนแม้แต่น้อย
หลินอวีฉีกล่าวว่าต้องใช้เวลาราวๆสิบวันในการทางเดินซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกผิดหวังมาก หากในช่วงเวลาเขาสามารถเข้าหอคอยทมิฬไปได้ล่ะก็ จำนวนสมุนไพรที่เขาสามารถจดจำได้คงเพิ่มขึ้นอีกหลายพันชนิด
“นางชายฮัน เจ้าจดจำสมุนไพรได้กี่ชนิดแล้ว?” หลินอวีฉีเอ่ยถาม
หลิงฮันถอนหายใจก่อนจะกล่าว “แค่สี่แสนชนิดเท่านั้น”
แค่ก!
หลินอวีฉีกับหานซินเหยียนกระแอมอย่างรุนแรงพร้อมกันใบหน้าของพวกนางแสดงออกถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ