ใบหน้างดงามของหลินอวีฉีเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด เจ้าพังประตูที่พักของข้ายังจะมีหน้ามาบอกว่าอุ่นเครื่องอีก?
“ถ้าอยากประลองก็เอาไว้ในการแข่งขันจริงอีกสามวันข้างหน้า ตอนนี้เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!” นางกล่าวอย่างไร้ความอดทน
หลินเฟิงหัวเราะ “งั้นข้าจะถือว่าเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้วกัน!”
“สาขาอังหยวนมีแต่พวกขยะไร้ค่ามารวมตัวกัน!” รุ่นเยาว์สวมขุดเขียวคนหนึ่งของสาขาเหิงหยุนกล่าว
“ฮ่าๆ พี่ชายเสวี่ยเฟิงกล่าวถูกต้องแล้ว ต่อให้พ่ายแพ้ก็ยังดีกว่าทำตัวขี้ขลาด!” รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
“ฮ่าๆๆ ถูกของเจียงเย่” รุ่นเยาว์ที่เหลือกล่าวสนับสนุนด้วยท่าทีอวดดี พวกเขาไม่เห็นหลินอวีฉีกับหานซินเหยียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
หานซินเหยียนตัวสั่นด้วยความโกรธ นางก้าวเดินไปด้านหน้าเพื่อจะจัดการกับรุ่นเยาว์ทั้งสี่
หลินอวีฉีเอื้อมือออกไปห้ามปราม การปะทะกันเช่นนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการสร้างความอัปยศให้แก่พวกนาง หลินอวีฉีถอนหายใจและกล่าว “ไม่ต้องไปสนใจพวกปากสุนัข”
หลินเฟิงหยักไหล่ “อวีฉี เจ้ากล่าวเกินไปหน่อยรึเปล่า หรือแค่พวกข้าแค่พูดความจริงเจ้าก็รับไม่ได้?”
“ดูๆแล้วเจ้าก็งดงามไม่เลว” หลินเจียงเย่จ้องมองหานซินเหยียนอยู่ชั่วครู่ “งดงามพอจะเป็นบ่าวรับใช้ของข้า”
“แต่หน้าอกเล็กไปหน่อยจนแทบจะไม่มีให้จับเลย” หลินเจียงเย่จงใจยื่นมือออกไปทำท่าทีขยำ
หลินเจียงเย่สั่นสะท้านด้วยความโกรธ ท่าทีของหลินอวีฉีเองก็เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง นางปล่อยฝ่ามือออกไปกลางอากาศพร้อมกับควบแน่นพลังปราณเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ ‘เพี๊ยะ’ ฝ่ามือปราณก่อเกิดตบเข้าที่หน้าของหลินเจียงเย่
อั่ก!
หลินเจียงเย่กระอักโลหิต ฟันสี่ซี่กระเด็นออกมาจากปาก ผมของเขากระเซอะกระเซิงด้วยสภาพเอน็จอนาจ
มุมปากของหลินเฟิงแสยะยิ้ม และใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นขึงขัง “หลินอวีฉี ผู้อาวุโสเช่นนี้เหตุใดถึงรังแกรุ่นเยาว์? เห็นทีข้าคงต้องสังสอนเจ้าเสียหน่อยแล้ว!”
เขาจงใจนำรุ่นเยาว์เหล่านี้มาเพื่อยั่วให้ยุหลินอวีฉีลงมือ หลังจากนั้นเขาก็จะจัดการกับนางโดยอ้างเหตุผล!
หลินเฟิงปล่อยฝ่ามือขนาดใหญ่ออกมาทันที ด้านหลังของเขาปรากฏดวงดาวสองดวงที่อัดแน่นไปด้วยออร่าอันน่าเกรงขราม เขาตั้งใจรีบจัดการหลินอวีฉีให้จบภายในอึดใจด้วย
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด หลินอวีฉีก็รู้ตัวทันทีว่าหลงกลเข้าแล้ว
แต่มีคนมาเหยียดหยามถึงหน้าแบบนี้ ใครบ้างจะทนไหว?
นางเค้นเสียงพร้อมกับสะบัดปลายเสื้อ ‘ครืนน’ แสงอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏออกมาต่อต้านมือขนาดใหญ่ของหลินเฟิง
ปัง!
ทันทีที่ทั้งสองปะทะกัน คลื่นกระแทกก็แพร่กายเป็นวงกว้างจนทั่วลานที่พักพังทลาย โชคดีที่สถานที่แห่งนี้คือที่พักสาขาหลักของตระกูลหลินที่สลักรูปแบบอาคมอันแข็งแกร่งเอาไว้ ไม่เช่นนั้นทั่วทั้งเมืองเมืองหยาดฝนครามคงไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
“หลินอวีฉี ไปปะทะกันบนฟ้า!” หลินเฟิงคำราม แม้ที่นี่จะมีรูปแบบอาคมป้องกันอยู่ แต่หากพวกเขาเอาจริงคงเกิดความเสียให้ไม่น้อย
เขาเพียงแค่อยากสยบและครอบครองสตรีผู้นี้ ไม่ได้ต้องการทำลายที่พักตระกูลหลิน
หลินอวีฉีในตอนนี้ไม่คิดจะถอย นางกัดฟันและทะยานขึ้นฟ้าปะทะกับหลินเฟิง ทั้งสองคนสู้กันอย่างไม่วางมือ ซึ่งตอนนี้เห็นเป็นเพียงจุดสองจุดบนท้องฟ้า
หานซินเหยียนกังวลเป็นอย่างมาก พลังบ่มเพาะของหลินเฟิงคือระดับดาราขั้นกลาง ส่วนของหลินอวีฉีคือระดับดาราขั้นต่ำ พลังของทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ต่อให้หลินอวีฉีเป็นอัจฉริยะสองดาวก็ไม่สามารถทดแทนความต่างนี้ได้
นางนึกถึงหลิงฮันขึ้นมาทันที ถึงแม้หลิงฮันจะเป็นเพียงระดับดาราขั้นต่ำเหมือนกัน แต่หากเขาร่วมมือกันหลินอวีฉีสถานการณ์ก็คงดีขึ้นบ้าง
“ฮ่าๆ แม่นางอกแบน เจ้าคิดจะไปไหน?” พวกหลินเจียงเย่แยกย้ายกันล้อมหานซินเหยียนเอาไว้เพื่อไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสไปรายงานเบื้องบน
แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้คือผู้ช่วยเหลือของหานซินเหยียนในตอนนี้นั้นอยู่ในกองซากที่พักนี้เอง
หานซินเหยียนประหลาดใจ เหตุใดหลิงฮันยังไม่ปรากฏตัวอีก?
ทั้งๆที่ที่พักพังจนเป็นเศษซากแล้วแท้ๆ!
หานซินเหยียนขมวดคิ้วและกล่าว “พวกเจ้าต้องการไร?”
“จะทำอะไรงั้นรึ?” หลินเจียงเย่หัวเราะและส่ายหัว “สตรีเช่นเจ้าแม้ข้าจะไม่ได้ถึงขั้นอยากแต่งงานด้วย แต่ถ้าแค่เล่นสนุกก็ไม่เสียหายอะไร!” หน้าอกของหลินเจียงเย่เล็กเกินไปก็จริง แต่รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายนั้นงดงามมากดีเดียว
เหตุใดเขาถึงกล้าทำขนาดนี้น่ะรึ? เพราะสาขาอังหยวนอ่อนแอไงล่ะ!
ผู้แข็งแกร่งย่อมกลืนกินผู้อ่อนแอ มีเพียงปรมาจารย์เท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ นี่เองก็เป็นความจริงแท้ของตระกูลหลิน ที่ตระกูลหลินสามารถเติบโต้ได้ในรุ่นต่อรุ่นก็เพราะกฎข้อนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ถือว่าทำเกินไปที่มากดขี่สาขาอื่นในพื้นที่ของตระกูลหลักเช่นนี้ แต่ใครใช้ให้พวกเขาเป็นคนของสาขาเหิงหยุนล่ะ? ในสาขาย่อยทั้งหมดของตระกูลหลิงพวกเขาถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรก ตราบใดที่ไม่ลงมือถึงขั้นมีคนตายพวกเขาย่อมไม่ได้รับโทษ
หานซินเหยียนไม่ยินยอมและนำดาบออกมาโจมตีใส่รุ่นเยาว์ทั้งสี่
พลังของนางไม่อ่อนแอ ดาบในมือกวัดแกว่งบีบบังบคังให้หลินเสวี่ยเฟิงและคนอื่นล่าถอย แต่ทั้งสี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน พวกเขาโจมตีตอบโต้ทันทีหลังจากตั้งหลักได้
แม้สี่ตระกูลใหญ่ของตำหนักเป่าหลินจะศึกษาศาสตร์แห่งการปรุงยาเป็นหลัก แต่ศาสตร์วรยุทธของพวกเขาก็ยังถือว่าสูงมากอยู่ดี เพราะอย่างไรหากไม่มีพลังบ่มเพาะคอยสนับสนุน พวกเขาก็ไม่สามารถหลอมเม็ดยาระดับสูงได้
พวกหลินเสวี่ยเฟิงทั้งสี่เป็นอัจฉริยะอย่างน้อยหนึ่งดาว ไม่ว่าพวกเขาคนใดก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหานซินเหยียน ยิ่งเมื่อทั้งสี่ร่วมมือกันไม่ต้องกล่าวเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
หานซินเหยียนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็วและทำได้เพียงป้องกันตัวเอง
ทั้งสี่จงใจสร้างอัปยศให้กับนางโดยไม่ลงมือเผด็จศึก เสื้อผ้าของหานซินเหยียนค่อยๆถูกตัดขาดจนเผยให้เห็นผิวเนียนดั่งหยก ผมของนางยุ่งเหยิงหมดสภาพ
ทั้งสี่ไม่กล้าสังหารนาง ในตอนนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันของตระกูล ถ้าพวกเขาสังหารคนตระกูลเดียวกันล่ะก็บทลงโทษคงหนีไม่พ้นถูกทำลายพลังบ่มเพาะ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับความตาย
แต่หากแค่สร้างความอัปยศใครจะลงโทษพวกเขาได้?
แววตาหานซินเหยียนส่องประกายเดือดดาล นางหันดาบแทงเข้ามายังลำคอของตัวเอง
นางรู้สึกอัปยศจนเผลอคิดว่าความตายอาจจะดีเสียกว่า
…หากนางถูกบังคับให้ฆ่าตัวตายเพราะรุ่นเยาว์ทั้งสี่ของสาขาเหิงหยุน พวกสี่คนคงมีจุดจบไม่สวยเช่นกัน