หลินเฟิงหันหลังควับและพบกับรุ่นเยาว์คนหนึ่งอย่างไม่คาดฝัน รุ่นเยาว์ตรงหน้ามองมาที่เขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
กายหยาบสามารถเหาะเหินได้… ระดับดารา!
อีกฝ่ายเป็นรุ่นเยาว์ที่ดูมีอายุไม่เกินห้าร้อยปีด้วยซ้ำ
หลินเฟิงตาค้าง ยิ่งพลังบ่มเพาะของหลิงฮันสูงขึ้นก็ยิ่งยากที่จะมองเห็นอายุที่แท้จริง ดังนั้นหลินเฟิงจึงรู้เพียงแค่ว่าอายุของหลิงฮันนั้นต่ำกว่าห้าร้อยปี
แต่เท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้เขาตกตะลึงจนตาค้างแล้ว
ห้าร้อยปี!
แม้แต่ในตระกูลหลินที่ทรัพยากรเม็ดยามากมาย จอมยุทธที่บรรลุระดับดาราได้เร็วที่สุดก็ยังใช้เวลาอย่างหนึ่งแสนปีซึ่งเท่านั้นก็เรียกว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว
กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างระดับพลังไม่สามารถทะลวงผ่านด้วยเม็ดยาแต่ต้องทำความเข้าใจในระดับพลังนั้นอย่างลึกซึ้ง! โดยการจะทำความเข้าใจได้ก็ต้องใช้เวลานับหมื่นปี
ดังนั้นจอมยุทธระดับดาราที่อายุน้อยกว่าห้าร้อยปีจึงน่าสะพรึงกลัวมาก!
ต่อหน้าสัตว์ประหลาดเช่นนี้เขาไม่กล้าผลีผลามและเลือกที่จะไล่หลิงฮันไปเพื่อทำเรื่องสนุกๆกันหลินอวีฉีต่อ
“ไสหัวไป!” เขาคำราม
แววตาของหลิงฮันส่องประกายด้วยความโกรธ เขาเป็นจักรพรรดิปรุงยา แค่ก้าวเท้ามายังที่แห่งนี้ก็รู้แล้วว่าที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นเม็ดยาที่กระตุ้นตัณหา
การกระทำของอีกฝ่ายทำให้เขาโมโหอย่างมาก
“เจ้าตัวบัดซบ!” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับปล่อยหมัดใส่หลินเฟิง
หมัดนี้ผสมผสานไว้ด้วยอำนาจแห่งสวรรค์ หมัดอันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาราวกับเป็นการลงทัณฑ์จากสวรรค์
“หืม?” หลินเฟิงตกตะลึง แค่หมัดที่ถูกปล่อยโดยจอมยุทธระดับดาราขั้นต้น เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าตนเองกำลังทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ลงโทษ? หลินเฟิงไม่มีเวลาตอบโต้ เขาทำได้เพียงไคว้แขนเข้าหากันเพื่อป้องกันหมัดที่พุ่งเข้ามา ‘ปัง’ ร่างของเขาถูกซัดกระเด็น
หลินเฟิงตกตะลึงและมองไปยังแขนที่ถูกต่อยจนเป็นหลุมยุบลงไป
เป็นหมัดที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้!
“เจ้าเป็นใคร?” หลินเฟิงจ้องมองหลิงฮันในขณะที่โคจรปราณก่อเกิดฟื้นสภาพแขนที่ยุบ การทำเช่นนี้ไม่ใช้การรักษาอาการบาดเจ็บแต่เป็นการใช้ปราณก่อเกิดยึดกระดูกที่แตกหักให้กลับเข้าหากัน เมื่อใดที่สลายปราณก่อเกิดกระดูกก็จะกลับไปแตกหักเช่นเดิม
“หลิงฮัน พาข้าไปจากที่นี่เร็ว!” หลินอวีฉีรู้สึกว่าตัวเองกำลังระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว
ดวงตาของหลินเฟิงชะงักก่อนจะเข้าใจอะไรบางอย่างและกล่าว “รุ่นเยาว์ ข้ารู้ว่าเจ้าก็มีความคิดอยากครอบครองสตรีคนนี้เหมือนข้า ก็ได้ ข้าจะยกนางให้กับเจ้า! แต่หากเจ้าเล่นกับนางเสร็จแล้วต้องนำมาคืนข้าตกลงไหม?”
“แล้วก็วางใจได้ หลักฐานต่างๆที่หลงเหลือข้าจะจัดการให้เองและไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้”
ในขณะที่กล่าว เขาก็ค่อยๆขยับร่างเข้าใกล้หลิงฮันก่อนจะอมเม็ดยาอีกครั้ง พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าและปล่อยหมัดเข้าใส่หลิงฮันทันที “ฮ่าๆๆ ข้ารอโอกาสนี้มากว่าพันปี คิดจะข้าจะยกนางให้เจ้ารึ!”
ที่เขากล่าวไปก่อนหน้านี้ก็เพื่อสร้างความสับสนใจกับหลิงฮัน เขาเชื่อว่าไม่ว่าชายใดเมื่อเป็นเรื่องของสตรียั่วยวนก็ต้องหวั่นไหวกันทุกคน
แต่หลังจากที่ปล่อยหมัดหลินเฟิงก็ต้องประหลาดใจ เนื่องจากใบหน้าของหลิงฮันนั้นยังคงสงบนิ่งแถมเย็นชาน่ากลัวกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“เม็ดยาที่มีฤทธิ์แรงเช่นนี้ หากเจ้าดูดซับเข้าไปบ้าง ต่อให้เป็นคนรูปร่างอัปลักษณ์แค่ไหนหรือแม้แต่สัตว์อสูรเจ้าก็คงไม่เลือก” หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ส่งผลให้พลังต่อสู้ของหลินเฟิงลดลงสองดาวทันที
‘ปัง’ เขากำหมัดและต่อยตอบโต้หลินเฟิง
หลังจากที่หลินเฟิงอมเม็ดยาเข้าไป พลังต่อสู้จะถูกยกระดับจะเกือบเทียบเท่าระดับดาราขั้นสูง แต่ตอนนี้เมื่อพลังต่อสู้ถูกลดลงไปสองดาวทำให้พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับดาราขั้นกลางชั้นปลายเท่านั้นซึ่งใกล้เคียงกับพลังต่อสู้ของหลิงฮัน
ดังนั้นทันทีที่หมัดของทั้งสองปะทะกัน ร่างของหลินเฟิงจึงถูกส่งลอยกระเด็นราวกับว่าวขาด ส่วนหลิงฮันก้าวถอยไปเพียงสองสามก้าวเท่านั้น
หลินเฟิงตกตะลึง นี่ใช้จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นจริงๆรึ เหตุใดถึงได้ทรงพลังเพียงนี้?
หลิงฮันโจมตีต่อเนื่องโดยใช้ทักษะเกือบทั้งหมดที่มี
กาลเวลาแปรผันพันปีส่งผลให้การโจมตีของหลินเฟิงแทบจะไม่หลงเหลือพลังทำลายเลยเมื่อสัมผัสตัวหลิงฮัน แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะสังหารอีกฝ่ายให้จบๆไปและเลือกโจมตีเพื่อกระตุ้นฤทธิ์เม็ดยาให้ส่งผลจากภายในร่างกายของหลินเฟิง
“อ๊ากกก” แววตาของหลินเฟิงเปลี่ยนเป็นแดงฉานและมองไปยังหลินอวีฉีด้วยท่าทางหื่นกระหาย
“อย่าได้คิดว่าจะสมหวัง ไสหัวไป!” หลิงฮันปล่อยหมัดออกไป ‘ตูม’ ร่างของหลินเฟิงถูกหมัดกระแทกและร่วงลงยังไปป่าไม้ด้านล่าง
ฤทธิ์ยาถูกกระตุ้นอยู่ภายในร่างของหลินเฟิงอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงคลั่งและเริ่มวิ่งไล่สัตว์อสูรที่อยู่ในป่าเขา
เหล่าสัตว์อสูรในบริเวณตกอยู่ในความโชคร้ายทันที และด้วยฤทธิ์ที่รุนแรงของเม็ดยาเกรงว่าแค่เสร็จสมหนึ่งครั้งคงไม่พอ
เหล่าสัตว์อสูรตื่นตระหนกและเผ่นหนีโดยไว
หลิงฮันหัวเราะ คนชั่วก็ต้องจัดการด้วยวิธีชั่วร้ายเช่นนี้
เพราะอย่างไรการจะสังหารคนตระกูลหลินในอาณาเขตของตระกูลหลินสาขาหลักคงเป็นไปไม่ได้ การลงโทษหลินเฟิงแบบนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“น้องชาย ทำรักกับข้า!” หลินอวีฉีบิดตัวไปมาด้วยแววตาหยาดเยิ้มที่หิวกระหาย “ช่วยเข้าใจพี่สาวด้วย!”
“ใครจะไปเข้าใจได้กัน!” หลิงฮันปล่อยฝ่ามือทำให้หลินอวีฉวีหมดสติและแบกล่างของนางบินกลับไป
แต่ถึงแม้นางจะหมดสติก็ไม่ได้หมายความว่าฤทธิ์ยาจะหมดไปด้วย หากความไคร่ไม่ถูกปลดปล่อยนางก็คงคลั่งจนทนไม่ไหวและตกตายในที่สุด
ด้วยความเร็วของหลิงฮัน ผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมาถึงที่พักตระกูลหลินและโยนร่างหลินอวีฉีให้กับหานซินเหยียน
หลินอวีฉีถูกเม็ดยาควบคุมอย่างสมบูรณ์ทำให้แม้จะไม่ได้สติเรือนร่างอันงดงามของนางก็ยังบิดไปมาอย่างยั่วยวน
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวอวีฉี?” หานซินเหยียนตะลึง
“นางได้รับผลกระทบจากเม็ดยา” หลินฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “พานางเข้าไปในบ้านแล้วจัดการซะ”
“ว่าไงนะ!” หานซินเหยียนอ้าปากค้าง จะให้นางจัดการอย่างไร? พวกนางเป็นสตรีด้วยกันทั้งคู่เนี่ยนะ?
“หรือเจ้าจะให้ข้าจัดการเอง?” หลิงฮันชำเลืองมอง
“ไร้ยางอาย!” ใบหน้าหานซินเหยียนขึ้นสี หลังจากถอนหายใจนางก็พาหลินอวีฉีไปยังที่พักอีกที่หนึ่ง นางจะปล่อยให้หลินอวีฉีตายได้อย่างไร?
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่พักก็เกิดเสียงราวกับลูกแมวร้องครางไม่หยุด
“สีของท้องฟ้าช่างว่างเปล่า” หลิงฮันยืนอยู่นอกที่พักพร้อมกับพึมพำเรื่อยเปื่อย หากเขาเข้าไปด้านในเกรงว่าคงอดกลั้นรั้งตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มเสียงร้องก็หยุด หลินอวีฉีกับหานซินเหยียนเดินออกมา ใบหน้าของพวกนางยังคงหลงเหลือไว้ด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้า