แม้หลินชูหยิงจะได้อันดับหนึ่งในการทดสอบแรก แต่ผลลัพธ์ของหลิงฮันนั้นน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า
เมื่ออันดับของผู้เข้าแข่งขันทุกคนถูกตัดสินเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาเข้าสู่การทดสอบที่สองหรือก็คือแยกแยะสมุนไพร ความยากของการทดสอบถูกยกระดับขึ้น ผู้เข้าแข่งขันต้องแยกแยะชิ้นส่วนสมุนไพรที่ผสมปนเปกันให้ได้พร้อมกับบอกด้วยว่าสมุนไพรแต่ละชนิดคือสมุนไพรอะไร
การทดสอบนี้มีทดสอบทั้งหมดสามสิบครั้ง และแต่ละครั้งก็จะสมุนไพรราวๆสองร้อยชนิดผสมรวมกัน
หลิงฮันยังคงเป็นคนที่เสร็จเร็วที่สุด แต่ด้วยจำนวนสมุนไพรที่เขาจดจำได้เพียงสี่แสนชนิด ทำให้สมุนไพรที่เขาแยกแยะสำเร็จรวมถึงจำแนกชนิดได้มีเพียงครึ่งเดียวจากสมุนไพรทั้งหมดที่ถูกนำมาทดสอบ
แม้ความแม่นยำจะไม่ใช่ที่สุด แต่ความเร็วในการทดสอบของนั้นรวดเร็วกว่าหลินชูหยิงเป็นเท่าตัว แสดงให้เห็นความเขามีความสามารถในการจำแนกสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน
หลังจากทดสอบเสร็จสามสิบครั้งแล้ว ผลลัพธ์ของหลิงฮันไม่ใช่อันดับหนึ่ง แต่ก็ยังอยู่ในสิบอันดับแรก เพราะอย่างไรเวลาที่ใช้ทดสอบก็มีจำกัด หากเวลายืดยาวกว่านี้เกรงกว่าอันดับของหลิงฮันคงจะตกลงไปถึงอันดับร้อย
การทดสอบที่สองหลินชูหยิงคืออันดับหนึ่งและได้ร้อยแต้มเต็มอีกครั้ง แต้มรวมของนางในตอนนี้สูงถึงสองร้อยแต้ม
อันดับสองรองลงมาคือหลินป้าเตา ไม่คาดคิดว่าด้วยรูปลักษณ์อันดุดันของเขาจะเชี่ยวชาญในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ ความสามารถกับรูปลักษณ์นั้นขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันได้เก้าสิบเจ็ดแต้มในการทดสอบแรกและได้เก้าสิบเอ็ดแต้มในการทดสอบที่สอง ซึ่งไม่ถือว่าต่ำเลยแม้แต่น้อย แต่ในด้านของหานซินเหยียนนั้นนางทำผลลัพธ์ได้ไม่ดีเอามากๆ นางได้สิบเอ็ดแต้มในการทดสอบแรกและได้สิบสี่แต้มในการทดสอบที่สอง รวมกันแล้วนางมีแต้มรวมแค่ยี่สิบห้าแต้มเท่านั้น
การทดสอบที่สามคือการประกอบสมุนไพรเข้าด้วยกันใหม่
หลิงฮันยังคงเสร็จก่อนคนแรก แต่ด้วยปัญหาเดิมๆทำให้ครั้งนี้อันดับของเขาคืออันดับแปดและได้แต้มเพียงเก้าสิบสองแต้ม อันดับหนึ่งยังคงเป็นหลินชูหยิงที่ชนะติดต่อกันสามครั้ง
หลินชูหยิงมั่นใจในตัวเองมาก แต่อย่ามองว่าหลินชูหยิงชนะสามครั้งติดกันแล้วนางจะเป็นผู้ชนะแล้วเนื่องจากการทดสอบที่สี่นั้นเป็นการทดสอบที่มีแต้มเยอะถึงครึ่งนึงของการทดสอบทั้งหมดรวมกัน
ดังนั้นตราบใดที่หลิงฮันได้อันดับหนึ่งในการทดสอบที่สี่และหลินชูหยิงทำผลลัพธ์ได้ไม่ดีเล็กน้อยในการทดสอบนี้ หลิงฮันก็มีโอกาสไล่ตามมาเป็นอันดับหนึ่ง!
หลังจากการทดสอบที่สาม ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีเวลาพักครึ่งวัน เนื่องจากการปรุงยาจำเป็นต้องใช้พลังสมาธิอย่างมหาศาล
“หมดเวลาพัก เริ่มทดสอบได้!” ผู้ดูแลการทดสอบยังคงเป็นหลินชิน
ทุกคนเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะหลอมเม็ดยาอะไร สุดท้ายแล้วจะได้อันดับใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเม็ดยา ต่อให้เป็นเม็ดยาระดับเดียวกันก็ยังแบ่งแยกย่อยออกไปเป็นเม็ดยาที่หลอมยากและหลอมง่าย
ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นเม็ดยาระดับแปดเหมือนกัน เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งกล่าวได้ว่าเป็นเม็ดยาที่หลอมยากกว่าเม็ดยาชนิดอื่นทุกชนิด มันคือเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา มีเพียงเม็ดยาระดับเก้าเท่านั้นถึงจะเหนือกว่าเม็ดยาชนิดนี้
หลิงฮันกวาดสายตามอง ที่นี้ไม่มีผู้เข้าแข่งขันนอกจากเขาที่บรรลุระดับดารา ดังนั้นตามหลักแล้วจึงไม่มีใครที่หลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าได้
แน่นอนว่ามีบางคนที่เป็นข้อยกเว้นเช่นหลิงฮัน เนื่องจากเขาขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์และฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ สัมผัสสวรรค์ของเขาจึงแข็งแกร่งพอที่จะหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าได้ตั้งแต่ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
เพียงแต่ สัตว์ประหลาดเช่นเขาไม่สมควรมีอยู่ที่นี่
หลิงฮันไม่ผลีผลามหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าเนื่องจากเขาไม่เคยหลอมมาก่อนและเลือกที่จะหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง เชื่อว่าด้วยเม็ดยานี้เขาจะต้องได้อันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งที่สี่แน่นอน
‘ครืนน’ เพลิงจากเตาหลอมพุ่งทะยานสูงขึ้นฟ้า
ผู้เข้าแข่งขันบางคนเลือกที่จะสู้ตายในการทดสอบครั้งนี้เนื่องจากผลลัพธ์อันย่ำแย่ในการทดสอบก่อนหน้านี้ พวกเขาเลือกหลอมเม็ดยาที่ตนเองถนัดที่สุดเพราะว่าโอกาสหลอมมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากล้มเหลวก็คือจบสิ้น
ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่เป็นนักปรุงยาระดับห้าหรือหก ขั้นตอนหลอมเม็ดยาของพวกเขาเสร็จสิ้นภายในเวลาสองหรือสามวัน แต่แม้จะผ่านไปห้าวันแล้วก็ยังเหลือผู้เข้าร่วมอีกหนึ่งร้อยคนที่ยังหลอมเม็ดยาอยู่
สิบวันต่อมา จำนวนของผู้เข้าร่วมที่ยังหลอมเม็ดยาอยู่ได้ลดลงมาเหลือเก้าคน
ตราบใดที่ทั้งเก้าคนนี้หลอมเม็ดยาไม่ล้มเหลว พวกเขาจะต้องเป็นเก้าอันดับแรกแน่นอน
หลักการคิดนั้นง่ายมาก ยิ่งเม็ดยามีระดับสูงมาก ขั้นตอนการหลอมก็จะกินเวลายาวนานขึ้น
น่าเสียดายที่หลังจากผ่านไปสิบสองวัน บางคนได้ทำตำหลอมระเบิดและต้องยอมล้มเลิกชิงอันดับ เขารู้สึกเสียใจจนกระอักโลหิตออกมาสามครั้งและเกือบหมดสติ
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ผู้เข้าร่วมที่เหลืออยู่แปดคนก็หลอมเม็ดยาได้สำเร็จ
พวกเขาแต่ละคนมั่นใจเป็นอย่างมากโดยคิดว่าเม็ดยาที่พวกเขาหลอมนั้นจะนำพาให้ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง
จากระยะเวลาการหลอมสามารถคาดเดาได้ว่าเม็ดยาที่ทั้งแปดคนหลอมคือเม็ดยาระดับแปดที่หลอมได้ยากลำบาก
“หลินป้าเตา หลอมเม็ดยาห้วงจิตว่างเปล่าได้สำเร็จ!” หลินซินประกาศ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เข้าร่วมสามจากแปดคนก็แสดงท่าทางเศร้าโสกทันที
ไม่อาจเทียบได้!
ทุกคนที่นี่เป็นนักปรุงยา แน่นอนว่าพวกเขาต้องรู้ประเภทของเม็ดยาดีว่าเม็ดยาแบบไหนที่หลอมได้ยาก ต่อให้อันดับยังไม่ถูกตัดสินแค่ดูจากเม็ดยาก็รู้แล้วว่าจะชนะหรือแพ้
เพียงแต่ว่าหลินชูหยิง หลินหยางและชางเฟิงนั้นไม่เปลี่ยนสีหน้าใดๆแม้แต่น้อย พวกเขายังมั่นใจในเม็ดยาของตัวเอง
“หลินหยาง หลอมเม็ดยาพลังหยินเร้นลับได้สำเร็จ!”
เมื่อเสียงประกาศดังออกมา หลินป้าเตากับหลินหยางก็หันมองหน้ากันด้วยแววตาคมกริบที่แฝงไว้ด้วยความหมาย
เม็ดยาทั้งสองมีความยากในการหลอมเท่ากัน ดังนั้นจะติดสินว่าของใครดีกว่าจึงต้องวัดจากคุณภาพของเม็ดยา
“ชางเฟิง หลอมเม็ดยาเพลิงฉกรรจ์แท้ได้สำเร็จ!”
ชางเฟิงยิ้ม เม็ดยาเพลิงฉกรรจ์ เม็ดยาพลังหยินล้ำลึกและเม็ดยาห้วงจิตว่างเปล่ามีระดับความยากในการหลอมเท่ากัน ดังนั้นคุณภาพเม็ดยาของใครดีกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ เขาที่ฝึกฝนการปรุงยามาเป็นเวลากว่าห้าแสนปีมีรึที่จะแพ้พวกเด็กน้อยเหล่านี้?
“หลินชูหยิง หลอมเม็ดยาสวรรค์พิโรธได้สำเร็จ!”
ฮึ่ม!
ทุกคนตกตะลึง สวรรค์พิโรธนั้นมีขั้นตอนที่ยากยิ่งกว่าพลังหยินเร้นลับและเม็ดยาอื่นๆหลายเท่าตัว
หลินชูหยิงหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ เป็นอย่างที่นางคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว นางคือผู้ชนะในการทดสอบครั้งที่สี่นี้
และสุดท้ายหลินซินก็มองไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มและเปิดฝาเตา ทันใดนั้นเองเม็ดแสงสีแดงฉานดุจโลหิตก็ส่องประกายพุ่งออกมาจากเตาหลอม
หลินซินกวาดสายตาตามอย่างรวดเร็วคว้าเม็ดแสงเอาไว้ ใบหน้าอันเต็มไปด้วยริ้วรอยอายุของเขาเผยสีหน้าอันตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด
เม็ดยาเม็ดนี้… มีความนึกคิดของตัวเอง
นักปรุงยาทุกคนรู้ว่ามีเพียงเม็ดยาระดับสิบขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถให้กำเนิดความคิดของตัวเม็ดยาเองได้ เม็ดยาใดที่ต่ำกว่าระดับสิบแต่มีความนึกคิดจะถูกเรียกว่าเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ
“เม็ดยานั่นคือเม็ดยาอะไรกัน?” เฒ่านักปรุงยาที่อยู่รอบข้างต่างขยับมาห้อมล้อมไว้และขมวดคิ้วด้วยความตะลึง
“มะ เม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง!” ผ่านไปครู่หนึ่งก็ใครบางคนอุทานออกมา
แม้เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งจะหายสาบสูญไปนานแล้วแต่ก็ยังมีบ้างที่หลงเหลือมาตามกาลเวลา เม็ดยาชนิดนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น ‘กึ่งเม็ดยาเซียน’
“เป็นเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งจริงๆ!”
“เหลือเชื่อ สามารถหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งได้เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นมีความสามารถถึงขั้นนักปรุงยาระดับเก้าแล้ว”
“สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์!”
ศาสตร์ปรุงยาก็เหมือนศาสตร์วรยุทธ นักปรุงยาระดับเก้าเปรียบเหมือนธรณีประตูที่ข้ามผ่านได้ยากยิ่ง คำเรียกปรมาจารย์นักปรุงยานั้นจะถูกใช้กับนักปรุงยาระดับเก้าขึ้นไปเท่านั้น
ทุกคนมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาที่ร้อนระอุ