เมืองหยาดฝนครามนั้นเมื่อนานมาแล้วเป็นเพียงเทือกเขาสูงที่ไร้ผู้คนอาศัยอยู่
ต่อมาได้มีตระกูลสี่ตระกูลเข้ามาตั้งรากฐานอยู่ที่นี่ หลังจากผ่านพ้นความก้าวหน้ามาหลายปีต่อหลายปี ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการปรุงยาก็ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับนักปรุงยานับไม่ถ้วน
เหตุผลก็เพราะทางเข้าถ้ำจ้าวสมุนไพรอยู่ที่นี่ และเพื่อปกปิดต้นกำเนิดรากฐานของตำหนักเป่าหลิน เมืองหยาดฝนครามจึงได้ถูกสร้างขึ้น ใครจะไปคาดคิดว่าเมืองแห่งนี้จะมีทางเข้าเขตแดนลี้ลับโบราณซ่อนเอาไว้?
หลิงฮันและชางเฟิงที่เป็นคนนอกถูกขอให้กล่าวคำสัตย์สาบานต่อสวรรค์ว่าจะไม่แพร่งพรายความลับของถ้ำจ้าวสมุนไพรให้ผู้อื่นรับรู้
เวลาผ่านไปสักพักก็มีตัวตนระดับสูงของตำหนักเป่าหลินปรากฏตัวมากมาย พวกเขาเป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ที่ทำหน้าที่เปิดประตูทางเข้าสู่ถ้ำจ้าวสมุนไพร
ทางเข้าที่ถูกเปิดออกเป็นเหมือนกับประตูมิติที่มีแสงหมุนโคจรไปมา คนที่จะผ่านประตูนี้ไปได้ต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดไม่เช่นนั้นจะถูกเขตแดนลี้ลับปฏิเสธ จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์นั้นไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ กล่าวได้ว่าผู้ที่สร้างเขตแดนลี้ลับแห่งนี้คือตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งเป็นอย่างน้อย
และหากคำนวณจากสมุนไพรและเม็ดยาภายในถ้ำจ้าวสมุนไพรแห่งนี้ ผู้สร้างสมควรเป็นนักปรุงยาระดับสิบเจ็ดขึ้นไป!
ดังนั้นมรดกสืบทอดของเขาจึงล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ผู้ที่จะเข้าเขตแดนลี้ลับไม่ใช่แค่ตระกูลหลินตระกูลเดียว แต่อีกสามตระกูลของตำหนักเป่าหลินก็เข้าร่วมเช่นกัน ตามกฎของสี่ตระกูลแล้ว ลำดับตระกูลที่จะเข้าไปก่อนและหลังคือ ตระกูลหาน ตระกูล ตระกูลซือและปิดท้ายด้วยตระกูลหวง
เมื่อถึงลำดับของตระกูลหลิน ทุกคนก็เดินผ่านเข้าประตูแสงกันทีละตำหนักสาขา สาขาแรกที่เข้าไปแน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลหลินสาขาหลักเนืองจากพวกเขาได้อันดับหนึ่งในการแข่งขัน สาขาที่สองคือสาขาอังหยวนที่นำโดยหลินจื่อหง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความภาคภูมิใจราวกับว่าทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีอยู่ในการครอบครองของเขา
หลิงฮันรู้สึกราวกับร่างกายถูกฉีกขาดในขณะที่เดินผ่านทางเข้า พริบตาหลังจากนั้นตัวเขาก็มาโผล่อีกที่หนึ่ง
มันคือโลกอีกโลกหนึ่งที่มีกลิ่นของสมุนไพรแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่
ที่นี่คือชั้นแรกของถ้ำจ้าวสมุนไพร!
สถานที่แห่งนี้มีเนินเขาอยู่มากมายและมีสมุนไพรถูกปลูกเอาไว้ตามเนินเขาทุกเนิน ที่บริเวณเนินเขาจะสามารถมองเห็นเหมือนกับว่ามีใครกำลังเดินวนไปวนมาเพื่อดูแลสมุนไพร
ที่นี่… มีคนอาศัยอยู่ด้วย?
ไม่ถูกต้อง!
หลิงฮันส่ายหัว เขาใช้เนตรแห่งสัจธรรมมองอย่างละเอียดและพบว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่คนแต่เป็นหุ่นเชิดที่ดูเหมือนจริงมาก ในแวบแรกที่มองหุ่นเชิดเหล่านั้นไม่ต่างอะไรกับมนุษย์จริงๆเลย
“ถ้ำจ้าวสมุนไพรมีทั้งหมดเก้าชั้น ทุกๆชั้นจะมีสมุนไพรระดับสูงอยู่มากมาย แต่การจะเก็บเกี่ยวเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก” หลินอวีฉีเดินเข้ามาและอธิบายให้กับหลิงฮัน “หุ่นเชิดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทำหน้าที่คอยดูแลสมุนไพรในเขตแดน เนื่องจากพวกเราสามารถเข้ามาที่นี่ได้ในทุกๆหนึ่งแสนปีเท่านั้น พวกเราจึงต้องปล่อยให้พวกมันทำหน้าที่ดูแลสมุนไพรแทนและห้ามทำลายพวกมัน”
“การจะเก็บเกี่ยวสมุนไพรโดยไม่ทำให้พวกเขาเสียหายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลิงฮันพยักหน้า หากหุ่นเชิดเหล่านี้ถูกทำลายจนหมด คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเก็บเกี่ยวสมุนไพร แต่หากทำเช่นนั้นแล้วในอนาคตล่ะ?
ตระกูลทั้งสี่มองการไกลจึงยั้งมือไม่ทำลายหุ่นเชิดเหล่านั้น
“เพียงแต่ว่าพวกเราเคยไปได้สูงสุดก็คือชั้นแปดเท่านั้น ในส่วนของชั้นเก้า… ไม่มีใครเคยเข้าไปที่นั่นมาก่อน” หลินอวีฉีกล่าวต่อ “จากการตรวจสอบในชั้นที่แปด เป็นไปได้ว่าชั้นที่เก้าจะเป็นที่ซ่อนของตำราเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ!”
เม็ดยาที่เหนือกว่าระดับสิบเจ็บจะถูกเรียกว่าเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ
“อวีฉี เพื่อให้เก็บเกี่ยวสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเราควรแบ่งกลุ่มกันเป็นสองกลุ่ม” หลินจื่อหงรีบกล่าว เขารอเวลาที่จะได้กำจัดหลิงฮันให้พ้นสายตามานานหลายพักแล้ว
หลินอวีฉีเห็นด้วยและพยักหน้ายอมรับ
“เจ้ามากับข้า!” หลินจื่อหงชี้ไปยังหลิงฮัน
“ไม่!” หลินอวีฉีปฏิเสธ “เขาเป็นคนของข้าก็ต้องมากับข้า!”
หลินจื่อหงเกรี้ยวกราดทันที เป็นคนของเจ้างั้นรึ? เขาเค้นเสียงและกล่าว “อย่าลืมว่าก่อนมาที่นี่ ผู้นำตำหนักกล่าวเอาไว้ว่าคนตัดสินใจหลักคือข้า!”
หลินฉวียีส่ายหัว นางรู้ดีว่าหลินจื่อหงมีจุดประสงค์อะไร แต่ที่นางปฏิเสธออกไปนั้นเป็นเพรานางต้องการช่วยหลินจื่อหงต่างหาก!
หลินจื่อหงคงไม่รู้ว่าหลิงฮันนั้นสามารถจัดการหลินเฟิงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพลังของหลินจื่อหงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินจื่อหง
“ข้าจะไปกับใครก็เรื่องของข้า” หลิงฮันกล่าว “ข้าเป็นแขกอาวุโส เจ้าไม่อาจบังคับข้าได้ ในเมื่อเข้ามาในเขตแดนแล้วข้าคงต้องขอตัว”
ทันใดนั้นเขาก็เหาะลอยจากไป ด้วยย่างก้าวไล่ตามดาราความเร็วของเขาจึงรวดเร็วราวกับสายฟ้า
เห็นแก่หน้าหลินอวีฉี ครั้งนี้เขาจะยอมปล่อยหลินจื่อหงไปอีกครั้ง
แต่การให้อภัยก็มีขีดจำกัด หากหลินจื่อหงไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเขาก็จะไม่ปรานี
หลินอวีฉีถอนหายใจ นางรู้ว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าเขาอยู่กับนางสมุนไพรที่จะเก็บเกี่ยวได้คงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ใครใช้ให้หลินจื่อหงสร้างเรื่องเสียก่อนล่ะ
เอาเถอะ อย่างน้อยๆก็ทำให้ไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นได้
“ขี้ขลาด!” หลินจื่อหงเค้นเสียงดูถูก ในเมื่อหลิงฮันเผ่นหนีไปแล้ว การแย่งกลุ่มก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่ในเมื่อหลินอวีฉีเห็นด้วยไปแล้วเขาจึงต้องทำตามที่กล่าวไปและแยกกลุ่มเป็นสองกลุ่ม
หลินชูหยิงอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้มทันที นางไม่กล่าวอะไรและรีบไล่ตามหลิงฮันไปติดๆ
แต่หลิงฮันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วขนาดไหน? นางที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราจะตามทันได้อย่างไร พริบตาเดียวนางก็คลาดสายตาจากหลิงฮัน
หลิงฮันออกสำรวจคนเดียว เขาเหาะมองตรวจสอบแปลงสมุนไพรที่อยู่ด้านล่าง สำหรับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปเขาไม่คิดจะเสียเวลาเก็บเกี่ยวเนื่องจากเขาปลูกเอาไว้ในหอคอยทมิฬเยอะแล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งวันร่างหลิงฮันก็หยุดนิ่ง ด้านหน้าของเขาปรากฏต้นไม้สูงราวๆสิบฟุต ทั่วทั้งลำต้นของมันส่องประกายแวววาวสีม่วงเขียวมรกต
ที่หลิงฮันหยุดชะงักไม่ใช่เพราะความงดงามของมันแต่เป็นเพราะต้นไม้ต้นนี้คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบที่หายาก!
ต้นเก้ามรกตหยกม่วง
ต้นไม้ต้นศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ประหลาดมาก ผลที่งอกออกมาในช่วงหนึ่งล้านปีและจะเป็นเพียงสมุนพรระดับสอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆผลของมันจะถูกยกระดับขึ้นเป็นสมุนไพรระดับสามและระดับอื่นๆ จนสุดท้ายเมื่อผ่านไปสองร้อยปีผลของมันจะถูกยกระดับเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบ
ตอนนี้ผลของต้นไม้ต้นนี้ยังเป็นสีเขียวอ่อน เกรงกว่าคงต้องใช้เวลาอรกอย่างน้อยล้านปีกว่าผลของมันจะโตเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง แต่สำหรับหลิงฮันแล้ว เขาสามารถนำต้นไม้ต้นนี้ไปปลูกในหอคอยทมิฬได้!
“โชคดีที่ข้ามาคนเดียว หากพี่สาวอวีฉียังอยู่และได้ยินว่าข้าจะถอนต้นเก้ามรกตหยกม่วง นางต้องห้ามข้าแน่นอน” หลิงฮันยิ้ม “ถ้ำจ้าวสมุนไพรแห่งนี้เพียงแค่ถูกค้นพบโดยตำหนักเป่าหลิน พวกเขาไม่ถือว่าเป็นเจ้าของ ดังนั้นหากข้าแค่ถอนต้นไม้นี่ไปทั้งรากคงไม่ถือว่าทำเกินไป”