รุ่นเยาว์คนนี้มีชื่อว่าหวงเผิง เขาเป็นคนของตระกูลหวงแห่งสี่ตระกูลใหญ่ เขาที่บรรลุระดับสุริยันจันทราได้ในช่วงเยาว์วัยเป็นธรรมดาที่จะมีนิสัยหยิ่งยโส
หลิงฮันไม่สนใจและเพ่งสมาธิไปยังอักษรวิหารแสงอรุณสันติ ที่ตัวอักษรมีอำนาจอันทรงพลังถูกผนึกเอาไว้และสามารถช่วยขัดเกลาพลังบ่มเพาะของได้!
บางทีอำนาจที่ว่าอาจจะเป็นเศษเสี้ยวพลังที่เกิดการการเขียนอักษรทั้งสามด้วยมือ แต่เศษเสี้ยวพลังที่ว่าก็เพียงพอที่จะทำให้หลิงฮันทะลวงผ่านชั้นพลังย่อย!
หรือผู้ที่เขียนอักษรจะเป็นตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่ง?
หลิงฮันไม่คิดอะไรมาก อย่างเขาต้องใช้ประโยชน์จากอำนาจของอักษรเหล่านี้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
หวงเผิงเกรี้ยวกราดมาก อีกฝ่ายเมินเฉยไม่แยแสเขาเช่นนี้ นี่เขาโดนดูถูกขนาดไหนกัน?
เขาระงับความโมโหเอาไว้ไม่ไหว ดวงตาของเขาส่องประกายโหดเหี้ยมพร้อมกับหยิบดาบออกมาถือในมือและสะบั้นใส่แขนหลิงฮัน
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนสี่ตระกูลใหญ่ หากไม่สังหารใครถึงตายแต่แค่ตัดแขนคงไม่โดนลงโทษอะไร เพราะจอมยุทธระดับพระเจ้านั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ต่อให้เสียแขนข้างหนึ่งไปก็สามารถฟื้นฟูงอกใหม่ได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือย
ปัง!
เมื่อดาบปะทะเป้าหมาย ประกายแสงราวกับเหล็กปะทะกันก็สะท้อนออกมาพร้อมกับดาบถูกกระเด้งกลับโดยไม่สามารถทำให้หลิงฮันบาดเจ็บ
หวงเผิงตกตะลึง กายหยาบนี่มันอะไร เหตุใดถึงได้แข็งอย่างน่าอัศจรรย์ขนาดนี้
แต่เขาก็เข้าใจทันทีว่าหลิงฮันต้องจงใจทำเป็นไม่สนใจเพื่อล่อให้เขาลงมือโจมตีแน่นอน แท้จริงแล้วอีกฝ่ายโคจรปราณก่อเกิดเอาไว้ทั่วร่างเพื่อป้องกันการโจมตีของเขาเอาไว้แล้ว
ช่างแผนสูงนัก!
ผู้คนรอบข้างที่มองอยู่แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา พวกเขานึกว่าหลิงฮันจะถูกดาบตัดขาดเสียแล้ว
หวงเผิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและกวัดแกว่งดาบเข้าใส่หลิงฮันอีกครั้ง
‘ปัง ปัง ปัง ปัง’ ร่างกายของหลิงฮันแข็งแกร่งเทียบเท่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าหวงเผิงจะโจมตีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนโดยรอบทั้งขบขันและรู้สึกสงสัย เหตุกายหยาบของหลิงฮันถึงได้แข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างและรู้สึกถึงสายตาหยอกล้อมากมายที่มองมาที่เขา หวงเผิงก็เกรี้ยวกราดจนโลหิตเดือดดาล เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่สนถึงความสัมพันธ์ระหว่างสี่ตระกูลใหญ่แล้ว เขาแทงเข้าพุ่งเข้าใส่ดวงตาของหลิงฮันอย่างรุนแรง
ไม่ว่าเป็นกรณีไหน ตาก็คือส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกาย ต่อให้ขัดเกลากายหยาบจนแข็งแกร่งขนาดไหนตาก็ยังเป็นุจดอ่อน
หากถูกแทงทะลุเข้าไปในดวงตาจนลึกมากพอ ห้วงจิตวิญญาณของคนคนนั้นก็จะระเบิดจนส่งผลให้คนผู้นั้นเสียชีวิต
หวงเผิงไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขาต้องการให้หลิงฮันตายบัดเดี๋ยวนี้
“หยุด!” พริบตานั้นเองก็มีดาบหนึ่งพุ่งเข้ามา ‘เพล๊ง’ ดาบนั่นป้องกันดาบของหวงเผิงเอาไว้ได้
“หานตง เจ้าข้ายุ่งเรื่องของข้า?” หวงเผิงขมวดคิ้ว
คนที่แทรกแซงเข้ามาคือชายหนุ่มผู้คลั่งดาบ สถานะที่แท้จริงของเขาคือดาวรุ่งแห่งตระกูลหาน หานตง
สายตาอันโดดเดี่ยวมืดมนของเขาจ้องมองมาและกล่าว “บังอาจลอบโจมตีด้วยดาบที่ล้ำค่าเช่นนั้น เจ้าไม่เหมาะสมกับดาบในมือเจ้า!”
หวงเผิงเค้นเสียงกล่าว “เจ้าคนคลั่งดาบ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนของตระกูลหานของเจ้ารึ? รีบให้เขาขอโทษข้าเดี๋ยวนี้!”
“นั่นขึ้นอยู่กับว่าเจ้าแข็งแกร่งพอรึไม่!” หารตงกล่าวอย่างเย็นชาและเหยียดหยาม
“ฮึ่ม ไม่ว่าหน้าไหนก็ดูถูกข้าทั้งนั้น คิดว่าข้าจะยอมถูกข่มเหงง่ายๆ?” หวงเผิงกวัดแกว่งดาบในมือ “หานตง พวกเขาไม่ได้ประลองกันมานานเท่าไหร่แล้ว?”
หานตงแสดงสีหน้าจริงจัง ถึงแม้เขาจะดูถูกนิสัยของหวงเผิง แต่เขาไม่กล้าดูถูกพลังของอีกฝ่าย เขากวัดแกว่งดาบในมือเช่นกัน “เกือบจะสามร้อยปีแล้ว”
“งั้นก็มาประลองกันอีกครั้ง!” หวงเผิงลงมือ เขาสะบัดดาบออกไปพร้อมกับปลดปล่อยสุริยันจันทราทั้งสี่ดวงออกมา ปราณดาบของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์โลหิตพุ่งโจมตีใส่หานตง
หานคงไม่เกรงกลัว ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดทันที
หลิงฮันจ้องมองดูดซับพลังจากอักษรทั้งสามอย่างหิวโหย หลังจากเวลาผ่านไปราวๆเกือบหนึ่งด้านธูปเขาก็ร่างของเขาชะงักและตื่นจากสภาวะรู้แจ้ง ปราณก่อเกิดในร่างของเขาสั่นไหวราวกับคลื่นยักษ์และทรงพลังกว่าเดิมสิบเท่า!
ระดับดาราชั้นต้นชั้นกลาง!
เป็นอย่าที่คาดเอาไว้… พลังบ่มเพาะของเขายกระดับขึ้นอย่างมหาศาล
หลิงฮันจ้องมองการต่อสู้ระหว่างหานตงกับหวงเผิง ทั้งสองคนใช้ดาบเข้าปะทะกันอย่างเลือดร้อน
ก่อนหน้านี้แม้หลิงฮันจะอยู่ในสภาวะรู้แจ้ง แต่เหตุการณ์ต่างๆไม่ได้หลุดพ้นไปจากการรับรู้ของเขา
หลิงฮันสะบัดนิ้วพร้อมกับระเบิดจิตสังหารออกมา
เจ้าเป็นคนชนข้าก่อน นอกจากจะไม่ขอโทษแล้วยังมีหน้ามาเกรี้ยวกราดคาดและคิดจะสังหารข้าอีก ส่วนในด้านของหานตง เขาประทับใจอีกฝ่ายมากพอสมควร
‘ครืนน’ ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาเพื่อแยกหวงเผิงกับหานตงออกจากกัน
อำนาจของระดับดาราย่อมสยบจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้อย่างราบคาบ
หลิงฮันยิ้มไปยังหานตงและกล่าว “ข้าจะสอนทักษะดาบให้เจ้า จงมองให้ดี”
“เจ้าก็กล้าแทรกแซงยุ่งเรื่องของข้างั้นรึ!” หวงเผิงเกรี้ยวกราดและไม่พอใจอย่างมาก
หลิงฮันไม่แยแส เขาใช้นิ้วแทนดาบปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำราม
‘ฉัวะ’ ทันทีที่ทักษะถูกใช้ออก ร่างของหวงเผิงก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วน อำนาจสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมาตามๆกัน ร่างของหวงเผงรับแรงกดดันไม่ไหวจนระเบิดกระจุยเหลือเพียงดวงวิญญาณที่ลอยออกมา
“จะ เจ้ากล้าทำลายกายหยาบของข้า!” หวงเผงเกรี้ยวกราด แม้เขาจะสามารถหาร่างใหม่ได้ แต่ก็ใช้ว่าวิญญาณจะเข้ากับร่างใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าเขาไม่เหลืออนาคตในเส้นทางแห่งวรยุทธแล้ว
หลิงฮันมองไปยังดวงวิญญาณของหวงเผงอย่างเย็นชาและกล่าว “อย่าให้ข้าต้องรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้สังหารเจ้า!”
เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาของหลิงฮัน ดวงวิญญาณของหวงเผิงก็สั่นสะท้านและรีบลอยเผ่นหนีอย่างไว
หลิงฮันสลายจิตสังหาร ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำลายดวงวิญญาณของหวงเผิง แต่เขาได้ทิ้งเจตจำนงดาบเอาไว้ที่ดวงวิญญาณอีกฝ่ายแล้ว อีกสามปีให้หลังเจตจำนงที่ว่าจะระเบิดออกโดยที่หวงเผิงไม่มีโอกาสรอดชีวิต
เหตุผลที่เขาไม่สังหารอีกฝ่ายเสียแต่ตอนนี้เลยเป็นเพราะอำนาจของสี่ตระกูลใหญ่ แม้ปรมาจรย์ของทั้งสี่ตระกูลจะไม่ได้เข้ามาในเขตแดน แต่เมื่อเขาออกไปก็คงไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่จะตามมาได้อย่างง่ายดาย
หานตงยังคงครุ่นคิดอยู่กับทักษะดาบที่หลิงฮันใช้ออกมาเมื่อครู่ หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งเขาก็กล่าวออกมา “ข้าเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเมื่อครู่ยังไม่ถึงแม้แต่หนึ่งในหมื่น” ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหลงไหล ทักษะดาบเมื่อครู่แข็งแกร่งมาก มันแตกต่างกับวิถีดาบของเขาอย่างสิ้นเชิงและทำให้รู้สึกว่าเส้นทางแห่งดาบเส้นทางใหม่ของเขากำลังเปิดออก
หลิงฮันยิ้มและปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามอีกครั้ง
หานตงไม่สามารถเข้าใจอำนาจแห่งทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ดังนั้นหลิงฮันจึงต้องชี้แนะเขาอย่างละเอียด
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนโง่ เพียงสามวันเขาก็ก้มหัวต่อหน้าหลิงฮันเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เขาไม่เข้าไปยังวิหารเพื่อทดสอบแต่กลับหันหลังเดินจากไป
แค่การชี้แนะจากหลิงฮันก็ถือว่าการเดินทางของเขาครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาต้องกลับไปเก็บตัวทำความเข้าใจเคล็ดลับวิถีแห่งดาบที่ได้รับมา