ปลาคาร์พทองคำกระโดดขึ้นมาจากบ่อน้ำอีกครั้งและพ่นฟองอากาศสีดำ
มือขนาดใหญ่ที่เกิดจากการควบแน่นปราณก่อเกิดของหลิงฮันกำนิ้วเข้าหากัน คลื่นปะทะที่เกิดขึ้นส่งผลให้กระแสน้ำแปรปรวน ปลาคาร์พทองคำถูกกระแทกลยกระเด็นพร้อมกับอ้าปากคายร่างคนคนหนึ่งออกมา
ร่างที่ว่าคือรุ่นเยาว์ที่ถูกกลืนเข้าไปเมื่อครู่ ร่างที่ถูกคายออกมานั้นอวัยวะส่วนใหญ่และโลหิตได้ถูกกัดกร่อนยับเยิน
ดูเหมือนว่าทันทีที่ปลาคาร์พทองคำกินสิ่งมีชีวิตเข้าไป น้ำย่อยในกระเพาะของมันจะเริ่มทำการย่อยเหยื่อในทันที พอจะคาดเดาได้เลยว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องพบเจอกับความทรมานขนาดไหน โชคดีที่วิญญาณของเขาคือนิรันดร์ที่ไม่มีวันดับสูญและตันเถียนก็ยังไม่ถูกทำลาย แม้จะบาดเจ็บหนักขนาดไหนก็ยังสามารถรักษาได้
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนหกคนที่อยู่ข้างบ่อน้ำก็ตกตะลึงในพลังอันแข็งแกร่งของหลิงฮัน
ทั้งหกคนล้มเลิกความคิดที่จะปล้นชิงและรีบหันหลังจากไป พวกเขาเกรงว่าหลิงฮันจะสังหารพยานรู้เห็นว่าเขาเป็นคนเก็บเกี่ยวสมุนไพร
“ไม่คาดคิดว่าดอกบัวมรกตโบราณจะตกไปอยู่ในมือของคนนอก” ร่างหนึ่งเดินผ่านมา ร่างที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินจื่อหง เขาเดินมายังขอบบ่อน้ำและกล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “ส่งดอกบัวนั่นมา!”
“แล้วถ้าไม่ล่ะ?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ชายผู้นี้ตามตอแยยั่วยุเขาหลายต่อหลายครั้ง นี่คิดว่าเขาเป็นคนที่ไร้อารมณ์โกรธรึอย่างไร?
“ถ้าไม่น่ะรึ” หลินจื่อหไม่คาดคิดว่าว่าหลิงฮันจะถามกลับเช่นนี้ เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องคุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวต่อหน้าข้าร้อยครั้ง!”
หลิงฮันจ้องมองไปยังอีกฝ่าย “ข้าไม่เห็นเคยจำได้ว่าไปล่วงเกินเจ้า?”
“ฮึ่ม กล้าคิดจะแย่งชิงสตรีที่ข้าหมายตาเอาไว้ เจ้ายังกล้าพูดว่าไม่เคยล่วงเกินข้าอีกรึ?” หลินจื่อหงแสยะยิ้ม ที่นี่มีเพียงเขากับหลิงฮันสองคนจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดสิ่งที่เขาคิด
หลิงฮันแน่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เช่นนั้นเจ้าคงต้องการอยากให้ข้าตาย?”
“แน่นอน!” หลินจื่อหงแสยะยิ้ม “ข้าจะทำลายกายหยาบของเจ้าก่อนแล้วต่อย หลอมละลายดวงวิญญาณของเจ้าช้าๆเพื่อให้ตายอย่างทรมานที่สุด!”
หลิงฮันยิ้ม “ถ้าเจ้ากล่าวเช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องลังเลที่จะสังหารเจ้าอีกต่อไป”
“ฮ๋าๆ เจ้าเป็นเพียงระดับดาราขั้นต้น คิดรึว่าจะต่อกรข้าได้?” หลินจื่อหงหัวเราะอย่างองอาจ “พลังบ่มเพาะของข้าคือระดับดาราขั้นกลางชั้นสูงสุดและเป็นอัจฉริยะสามดาว ต่อให้เจ้าเป็นอัจฉริยะสี่ดาวที่มีพลังระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุด เจ้าก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”
เขาคำนวณเอาไว้แล้วว่าหลิงฮันไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แน่นอน
หลิงฮันกล่าวพึมพำเบาๆ “มั่นใจเสียขนาดนั้น อย่าร้องไห้เมื่อเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็แล้วกัน!”
“เจ้าผิดเองที่คิดจะแย่งสตรีของข้า!” หลินจื่อหงลงมือ เขาปล่อยฝ่ามือไปยังหลิงฮัน พลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกปลดปล่อยออกมาสามารถเทียบเคียงได้กับระดับดาราขั้นสูงชั้นปลาย
แต่สภาพแวดล้อมของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มั่นคงมาก ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากเท่าไหร่
ใบหน้าของหลินจื่อหงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เขามั่นใจมากว่าพลังของเขาเพียงพอที่จะบดขยี้หลิงฮันในหนึ่งฝ่ามือเนื่องจากพลังบ่มเพาะของเขากับอีกฝ่ายนั้นห่างชั้นกันเกินไป
หลิงฮันปล่อยหมัดปะทะหลินจื่อหง ‘ตูม’ แรงกระแทกอันทรงพลังก่อให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนผิวน้ำของบ่อทองคำ
“อะไรกัน!” หลินจื่อหงตกตะลึง หลิงฮันสามารถรับฝ่ามือเขาได้!
แถมท่าทางของอีกฝ่ายยังดูสบายราวกับไม่ใช่เรื่องยากอีกด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นหลินจื่อหงไม่อาจยอมรับได้ เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งขนาดนี้?
ที่จริงในด้านของพลังทำลาย หลิงฮันไม่ได้ทรงพลังเทียบเท่าหลินจื่อหง แต่เขาใช้กาลเวลาแปรผันพันปีเร่งให้พลังทำลายของการโจมตีอีกฝ่ายสลายไปไวขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไร!” หลินจื่อหงยอมรับไม่ได้ “เป็นเพียงแค่ระดับดาราขั้นต้น เหตุใดถึงต้านการโจมตีข้าได้!”
“ความคิดของเจ้าไม่ต่างอะไรกับกบก้นบ่อ!” แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นขึงขังและปลดปล่อยจิตสังหาร
“ฮึ่ม!” หลินจื่อหงตั้งสติอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่อีกฝ่านจะต่อกรกับเขาได้ เขาเป็นถึงบุตรของผู้นำตำหนักเป่าหลินสาขาอังหยวน จริงอยู่ที่สาขาของเขาเป็นสาขาอันดับล่างๆ แต่รากฐานตระกูลของเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าหลิงฮัน เป็นไปได้อย่างไรที่อีกฝ่ายจะทัดเทียมเขาได้?
เขานำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์รูปทรงกลองออกมา มันคือกลองรบที่มุมขอบปรากฏร่องรอยแตกหัก แต่ลวดลายลึกลับบนตัวกลองก็ยังปลดปล่อยอำนาจอันเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นอายกระหายเลือดออกมา
ปัง!
หลินจื่อหงสะบัดมือตีกลองหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเสียงทุ้มก็ดังออกมาพร้อมกับปลดปล่อยการโจมตีอันรวดเร็วราวกันลูกศรพุ่งเข้าใส่หน้าอกหลิงฮัน
มุมปากของหลิงฮันมีโลหิตไหลออกมา เขาพบว่าบริเวณหน้าอกซ้ายได้ปรากฏรอยแผลเป็นรูโลหิตทะลุไปถึงหัวใจ
น่าอัศจรรย์มาก
อย่างที่รู้ว่ากายหยาบของเขาแข็งแกร่งทนทานขนาดไหน แม้ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของกายหยาบของเขาจะเป็นกระดูก แต่กล้ามเนื้อก็ยังมีความทนทานเทียบเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขนาดพลังป้องเช่นนี้ยังถูกทำลายได้
กลองนั่นไม่ธรรมดาเสียแล้ว!
หลิงฮันไม่รู้ว่าควรตอบโต้อย่างไร เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าการโจมตีจะพุ่งมาจากไหน
“ฮ่าๆๆ คิดจะสู้กับข้ารึ? เจ้ายังไม่คู่ควร!” หลินจื่อหงแสยะยิ้มจ้องมองไปยังหลิงฮันและสะบัดมือตีกลอง
อั่ก!
เป็นอีกครั้งที่หลิงฮันกระอักโลหิตออกมา
“ตาย!” หลินจื่อหงยกมือขึ้นหวังจะตีกลองต่อเนื่อง แต่จังหวะนั้นเอง หลิงฮันได้ใช้ย่างก้าวไล่ตามดาราหลบหลีกไปยังจุดที่ห่างจากจุดเดิมเจ็ดฟุตภายในพริบตา
‘ปัง’ กลองถูกตีจนเกิดเสียงดังทุ้ม แต่หลิงฮันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
หลิงฮันเผยรอยยิ้มและโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ฟื้นฟูบาดแผลที่หน้าอก “การโจมตีของกลองไม่สามารถมองเห็นได้ก็จริง แต่การโจมตีของมันจำเป็นต้องเล็งไปที่ยังเป้าหมายที่ยืนแน่นิ่ง แค่ข้าหลบหลีกตอนที่เจ้ากำลังจะตีกลองการโจมตีของกลองก็ทำอะไรข้าไม่ได้แล้ว”
หลินจื่อหงกลายเป็นไร้คำพูด นี่เจ้ามองจุดอ่อนของกลองนี้ออกในสองการโจมตีเนี่ยนะ? เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆรึเปล่า ยิ่งกว่านั้นขนาดโดนโจมตีบริเวณหัวใจไปถึงสองครั้ง หลิงฮันก็แค่กระอักโลหิตออกมาโดยที่หัวใจไม่ถูกบดขยี้ นี่มันน่าอัศจรรย์เกินกว่าจะเป็นความจริง
“ถึงคราวข้าบ้าง!” หลิงฮันสะบัดมือนำดาบออกมา ดาบอสูรนิรันดร์ราวกับว่ากำลังตื่นเต้นอยู่ มันปลดปล่อยอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาทั้งๆที่หลิงฮันยังไม่ได้ลงมือทำอะไร
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบออกไปลวกๆ ดาบอสูรนิรันดร์พุ่งเข้าใส่หลินจื่อหงด้วยจิตสำนึกของตัวมันเอง
จะพูดให้ถูกก็คือเป้าหมายของดาบอสูรนิรันดร์ไม่ใช่หลินจื่อหงแต่เป็นกลอง
ปัง! ปัง! ปัง!
หลินจื่อหงกระหน่ำตีกลองอย่างรวดเร็ว พลังโจมตีที่ถูกปลดปล่อยออกมาไม่ได้ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียว แม้แต่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน การโมตีด้วยเสียงที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่ดาบอสูรนิรันดร์
กลองชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษระดับวารีนิรันดร์ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังของจอมยุทธระดับดาราเป็นอย่างน้อยในการกระตุ้นใช้งาน กลองที่สามารถโจมตีด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ประเภทเสียงชิ้นนี้คือหนึ่งในสามสมบัติอันล้ำค่าของตำหนักเป่าหลินสาขาอังหยวน
เป็นเพราะหลินจื่อหงคือบุตรชายเพียงคนเดียวของผู้นำตำหนัก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถนำสมบัติชิ้นนี้ออกมาใช้ได้
ดาบอสูรนิรันดร์กวัดแกว่งฟันตอบโต้ มันไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากพลังทำลายด้วยคลื่นเสียงของกลองเลยแม้แต่น้อย