มีความเป็นไปสูงที่จะเป็นเช่นนั้น
หลิงฮันเห็นวิหารมาสามวิหารแล้ว ตัวอักษรที่สลักไว้ในแต่ละวิหารเองก็แตกต่างกันเหมือนเป็นการสื่อว่าปรมาจารย์เจ้าของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีมากกว่าหนึ่ง
หากวิหารมีทั้งหมดเก้าชั้น นั่นหมายความว่ามีปรมาจารย์มากถึงเก้าคน
แต่จะบอกว่าปรมาจารย์ถึงเก้าคนตกตายพร้อมกันโดยที่ทั้งเก้าไม่มีแม้แต่ผู้สืบทอดในโลกภายนอกเลยรึ?
แบบนั้นมันออกจะแปลกประหลาดเกินไป
การทดสอบของวิหารชั้นสามคือประกอบสมุนไพร
การทดสอบนี้เองก็ง่ายมากสำหรับหลิงฮัน มีสมุนไพรทั้งหมดแปดแสนหนึ่งหมื่นชนิดในการทดสอบนี้ แต่หลิงฮันที่จดจำสมุนไพรพื้นฐานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกชนิดแล้วต่อให้เขาจะไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนก็สามารถแยกแยะพวกมันได้อย่างละเอียด ความแม่นยำของเขาคือสิบส่วนเต็ม
ครั้งนี้เขาได้เวลาเพิ่มขึ้นอีกสิบวัน
หลิงฮันได้รับตำราเม็ดยาและถูกส่งไปยังชั้นสี่
‘ครืนน’ เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอันร้อนระอุที่กระแทกเข้าใส่ใบหน้า เบื้องหน้าเขาปรากฏภูเขาเพลิงกำลังพ่นเปลวเพลิงออกมา คลื่นลาวาสีแดงไหลย้อยลงมาจากปลายเขา ชั้นอากาศที่ว่างเปล่าค่อยๆถูกแผดเผาไปที่ละชั้น
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชั้นนี้คือสมุนไพรที่มีคุณสมบัติของธาตุเพลิง
เนื่องจากชั้นนี้มีข้อมูลน้อยมาก หลิงฮันจึงไม่สามารถเดินตามแผนที่และเดินสำรวจเอาเอง ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่เขามีเวลามากพอ
เจ็ดวันต่อมา เขาเดินถึงตีนเขาแห่งหนึ่ง ด้านหน้าเต็มไปด้วยป่าสีแดง ใบของไม้ของต้นไม้นั้นแดงฉานเนื่องจากกำลังถูกเผาด้วยเปลวเพลิง แต่แม้จะถูกเผาใบไม้เหล่านั้นก็ไม่มอดไหม้เนื่องจากพวกมันเป็นปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาด้วยตัวมันเอง
ท่ามกลางใบไม้ มีผลสีแดงบางอย่างห้อยอยู่ รูปร่างของผลดูเหมือนกับสัปปะรด ทันทีที่เห็นผลเหล่านั้นหลิงฮันก็เผยรอยยิ้มออกมา
ผลเพลิงระเบิด!
หลังจากออกตามหามาหลายวัน ในที่สุดเขาก็พบเสียที
‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ ในพุ่มใบไม้สีแดงมีเสียงแปลกประหลาดดังออกมา หลิงฮันโคจรเนตรแห่งสัจธรรมและพบว่าบนกิ่งไม้มีอสรพิษสีแดงจำนวนมากเลื้อยอยู่ ขนาดของมันคือราวๆหนึ่งถึงสองฟุตซึ่งไม่ได้ยาวเท่าไหร่ บางตัวนอนแน่นิ่งในขณะที่บางตัวกำลังขยับปากเคี้ยวอาหาร อาหารของมันพวกคือผลเพลิงระเบิด
สามารถกินได้แม้กระทั่งผลเพลิงระเบิด!
ในเมื่อมันถูกเรียกว่าผลเพลิงระเบิด แน่นอนว่ามันต้องมีความสามารถในการระเบิดพลังทำลายล้างออกมา แต่อสรพิษสีแดงเหล่านี้กลับกินผลเพลิงระเบิดโดยที่ไม่หวาดกลัวว่าท้องตัวเองจะถูกบดขยี้?
หลิงฮันไม่กล้าโจมตีรุนแรงที่นี่ เนื่องจากผลเพลิงระเบิดนั้นไวต่อสัมผัสอย่างมาก หากพลังเพียงเล็กน้อยไปสัมผัสกับผิวของมันก็จะระเบิดทันที เขาครุ่นคิดก่อนจะนำกลองรบออกมา
‘ปัง ปัง ปัง’ เขาสะบัดมือตีกลองโดยเล็งเป้าหมายไปยังเหล่าอสรพิษสีแดง ในช่วงพริบตา จู่ๆร่างของเหล่าอสรพิษก็สั่นสะท้านและร่วงลงมาจากต้นไม้
ทั้งหัวใจและห้วงจิตวิญญาณของพวกมันถูกบดขยี้ แน่นอนว่าพวกมันได้ตกตายเป็นที่เรียบร้อย
‘ปัง ปัง ปัง’ เขาตีกลองอย่างต่อเนื่อง ฝูงอสรพิษร่วงลงมาจากต้นไม้ราวกับห่าฝน
ถึงแม้อสรพิษเหล่านี้จะไม่มีสติปัญญา แต่มันก็มีสัญชาตญาณที่จะเอาชีวิตรอด เหล่าอสรพิษสีแดงที่เหลือจ้องหลิงฮันและพุ่งโจมตี
หลิงฮันไม่หวาดกลัวอสรพิษเหล่านี้ ที่เขากลัวคือจะไปกระตุ้นผลเพลิงระเบิดให้ระเบิด แต่ในเมื่อพวกมันเป็นฝ่ายลงมาเองก็ถือว่าช่วยได้มาก
หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ออกไป อสรพิษสีแดงนับร้อยตัวชะงักและตกตายในทันที อำนาจสวรรค์นั้นตราบใดที่ศัตรูมีพลังต่ำกว่าหลิงฮันหลายระดับ พวกมันจะไม่มีแม้แต่โอกาสได้ลงมือโจมตี
หลิงฮันไม่ลังเลที่จะนำต้นไม้ในป่าเปลวเพลิงแห่งนี้เข้าปลูกในหอคอยทมิฬ เมื่อทำเช่นนี้เขาจะสามารถเก็บเกี่ยวผลเพลิงระเบิดได้อย่างสม่ำเสมอรวมถึงสามารถหลอมเม็ดยาเพลิงลอยล่องได้จำนวนมาก
หลังจากเก็บเกี่ยวตรงนี้เสร็จ หลิงฮันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในชั้นที่สี่อีกต่อไป เขามุ่งหน้าต่อไปยังวิหารของชั้นสี่
“วิหารดาบประจัญบาน” (斗剑宫)
หลิงฮันมองไปยังประตูทางเข้า อักษรทั้งสามปลดปล่อยพลังออกมาราวกับเป็นดาบสามเล่ม พลังของดาบทั้งสามเริงระบําพุ่งทะยานขึ้นสูงถึงเก้าชั้นฟ้า
หลังจากดึงสติกลับมาได้ เขารู้สึกทันทีว่าพลังของตัวอักษรทั้งสามนั้นอ่อนแอลงโดยที่พลังบ่มเพาะของเขายกระดับขึ้นเป็นระดับดาราขั้นต่ำชั้นปลาย
หากสามารถบรรลุระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุดได้ในเขตแดนลี้ลับนี้ หลังจากออกไป ขอเวลาไม่นานเขาก็พร้อมจะทะลวงผ่านระดับดาราขั้นกลาง
หลิงฮันเต็มด้วยความรู้สึกคาดหวัง ยังมีวิหารเหลืออยู่อีกตั้งห้าวิหาร เขาต้องการวาสนาอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผลต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ของชั้นนี้ก็เหมือนกัน มันถูกผสานเอาไว้ด้วยอะไรบางอาจที่ลึกลับ
การทดสอบของชั้นที่สี่คือแยกแยะสมุนไพร
หลิงฮันทำผลลัพธ์ได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งและได้รับเวลาเพิ่มสิบวัน หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเมื่อไปถึงชั้นแปด เขาอาจจะมีระยะเวลาอย่างน้อยสี่สิบวัน!
หลังจากได้รับตราประทับแผ่นหยก หลิงฮันก็ขึ้นมายังชั้นห้า
ท้องฟ้าของชั้นนี้เป็นสีเทากึ่งดำ หมอกหนาอบอวลไปทั่วบริเวณพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา
ชั้นนี้คือดินแดนแห่งความตาย พื้นดินแห้งแล้งและไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต
สถานที่เช่นนี้จะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์แบบไหนอยู่กัน?
ในแผนที่มีรายละเอียดของอยู่อย่างเดียว
“บุปผามกร!” หลิงฮันพึมพำ สมุนไพรชนิดนี้คือสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหก อันที่จริงมันไม่สมควรเรียกว่าสมุนไพรแค่เป็นยาพิษ
มกรในอดีตกาลเคยเป็นคำที่ใช้แทนความตาย ที่สมุนไพรดอกไม้ชนิดนี้ได้รับชื่อนี้เป็นเพราะเมื่อใดที่มันเบิกบาน กลิ่นหอมของมันจะสามารถสังหารทุกสิ่งด้วยพิษ แม้แต่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่มีทางรอด
การสูดดมสมุนไพรชนิดนี้หมายถึงการหลับใหลชั่วนิรันดร์
ความล้ำค่าของสมุนไพรชนิดนี้คือก่อนที่มันจะเบ่งบาน ในอนาคตภายภาคหน้า หากใช้ปราณก่อเกิดกระตุ้นให้บุปผามกรเบ่งบาน พิษของมันจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทันที
ความสามารถของมันจัดว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก หากใครได้ครอบครองสมุนไพรพิษนี้ มันจะกลายเป็นไพ่ลับที่แม้แต่ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ก็ต้องหวาดกลัว
“ควรไปดูดีรึไม่?” หลิงฮันครุ่นคิด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องออกสำรวจไปทั่วอยู่แล้ว จะลองไปดูก็ไม่เสียหาย
หลิงฮันออกเดินทาง ผ่านไปสองชั่วโมงด้านหน้าของเขาก็มีหุบเขาปรากฏให้เห็น มันเป็นหุบเขาสีเทาที่เต็มไปด้วยโขดหินสีดำสนิท บริเวณกลางหุบเขามีดอกไม้สีสดใสงอกเงยขึ้นมา ช่วงล้ำต้นของมันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ที่ยกมือขึ้น ส่วนกึ่งกลางของมือได้มีกลีบดอกไม้ที่ปิดเข้าหากันแน่นโดยยังไม่เบ่งบาน
รอบๆหุบเขามีคนราวๆร้อยคนคอยคุ้มกันอยู่