ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมีสีหน้าปั้นยาก
คำกล่าวของจ้าวหลุนนั้นมีเหตุผลพอสมควร การที่แม่ทัพของจักรวรรดิถูกสังหารนั้น ตัวเขาในฐานะผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายย่อมไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ แต่ปัญหาก็คือหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่ดาบเดียวก็จัดการจ้าวเจี้ยนไป๋จนสิ้นชีพ เกรงว่าต่อให้เป็นเขาก็คงไม่ต่างกัน
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายต้องการพลังและอำนาจ แต่ถ้าหากต้องเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงเขาก็คงปฏิเสธ
เขาแอบสาปแช่งอยู่ในใจ สถานการณ์ก็ดำเนินมาสักพักแล้ว เหตุใดผู้อาวุโสฝ่ายขวากับแม่ทัพอีกห้าคนถึงยังไม่ปรากฏตัวอีก?
ไม่ใช่ว่าพวกเขายังมาไม่ถึง พวกเขามาถึงแล้วแน่นอนแต่เลือกที่จะแอบดูสถานการณ์อยู่ในเงามืดไม่กล้าออกมา ในอนาคตหากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นพวกเขาคงจะแสร้งว่าตนเองไม่รู้ จะให้ทำอย่างไร?
บัดซบ โยนความลำบากให้ข้าคนเดียว!
ปากของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกระตุก สถานการณ์อันยากลำบากในตอนนี้ เกรงว่านอกจากจักรพรรดินีกับราชินีทั้งเก้าที่บรรลุระดับพลังเกินกว่าระดับดาราขั้นกลางแล้วคงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งหลิงฮันได้
“ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แก้แค้นให้ท่านพ่อของข้าด้วย!” จ้าวหลุนคุกเข่าลงพร้อมกับน้ำตาไหลพราก
เมื่อสูญเสียบิดาไป แน่นอนว่าเขาต้องโศกเศร้า แต่น้ำตาที่ไหลนองราวกับน้ำตกนั้นเกรงว่าจะดูเกินจริงไปหน่อย
ผู้คนมากมายมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีใครเลยที่กล้าส่งเสียง นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ระดับดารา พวกเขาไม่มีคุณสมบัติจะไปยุ่งเกี่ยว
“เรื่องนี้…” ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกล่าวตะกุกตะกัก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะหลิงฮัน แต่การที่แม่ทัพคนหนึ่งเสียชีวิตไปเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้เช่นกัน
“หลิงฮัน!” เสียงดุดันดังขึ้น พร้อมกับร่างของสตรีผู้นี้ค่อยๆปรากฏตัวเข้ามาใกล่ นางสวมชุดเกราะรบเต็มตัวและผ้าคลุมสีชาดที่ยาวลอยพริ้วไปตามสายลม
ฉีเชียวเซวี่ย หัวหน้าองครักษ์จักรพรรดินี!
ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายปรากฏตัว ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ถอนหายใจโล่งลง ในแก่ของอำนาจแล้ว ฉีเชียวเซวี่ยมีสถานะที่สูงกว่าเขาเนื่องจากรับหน้าที่ดูแลพระราชวังโดยตรง นอกจากจะดึงอำนาจแห่งจักรภพมาใช้ได้มากกว่าเขาแล้ว นางยังสามารถกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ของเมืองจักรพรรดิได้ด้วย
“หัวหน้าองครักษ์ฉี!” หลิงฮันผสานมือกล่าวทักทายฉีเชียวเซวี่ยด้วยท่าทีค่อนข้างสุภาพ
ฉีเชียวเซวี่ยเค้นเสียง “เจ้าบรรลุระดับดาราแล้วสถานะในตอนนี้ของเข้าทัดเทียมกับข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำท่าทีสุภาพเช่นนั้น ที่ข้าอยากรู้ก็คือเจ้ามาที่นี่เพื่อโอ้อวดพลังของตัวเอง?”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าไม่ได้จะโอ้อวดอะไรทั้งนั้น ข้าแค่ต้องการพบองค์จักรพรรดินีเท่านั้น แต่ในเมื่อจักรพรรดินีเก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่ ข้าจึงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก แต่ไม่คาดคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น”
ใบหน้าของฉีเชียวเซวี่ยชะงักเล็กน้อย “เจ้าสังหารแม่ทัพไปแล้ว ความผิดครั้งนี้ไม่ใช่เล็กน้อยที่จะปล่อยผ่านไปได้ รอให้จักรพรรดินีกลับออกมาเพื่อเป็นคนตัดสินว่าจะดำเนินการอย่างไร”
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า เขากับจักรพรรดินีมีความสัมพันธ์กันแบบใด? ยิ่งกว่านั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจ้าวเจี้ยนไป๋ก็เป็นคนเริ่มท้าทายเขาก่อนด้วย
แววตาของจ้าวหลุนเปลี่ยนเป็นมืดมน เขารู้แล้วว่าการกำจัดหลิงฮันในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไม่กล้าลงมือฉีเชียวเซวี่ยเองก็เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะแอบหลบหนีไปอย่างเงียบๆ
“เจ้าจะหนีไปไหน?” ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเดิน เสียงอันไม่แยแสของหลิงฮันก็ดังก้องในหูของเขา ก่อนที่มือที่มองไม่เห็นจะกดลงมา
“หลิงฮัน!” ฉีเชียวเซวี่ยจ้องด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ เจ้าสังหารแม้กระทั่งแม่ทัพของจักรวรรดิไปแล้ว ยังคิดจะสังหารคนเพิ่มอีก? ในฐานะองครักษ์จักรพรรดินีนางไม่สามารถทำเป็นไม่เห็นได้
ปัง!
เสียงของการปะทะดังสะท้านก้องกังวาน ร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ค่อยลอนลงมาในขณะที่ชาจิ่งยังคงยื่นอย่างองอาจอยู่บนท้องฟ้า ไม่ว่าจะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็สูงกว่า แถมเมื่อได้อำนาจแห่งจักรภพเข้ามาช่วย การต่อสู้ครั้งนี้เขาจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“หลิง…” ชาจิ่งที่กำลังจะตะโกนสังเหตเห็นเสียก่อนว่าร่างของจ้าวเจี้ยนไป๋ได้ถูกบดขยี้ออกเป็นสองส่วน
อะไรกัน!
ชาจิ่งมันใจว่าไม่ใช่ฝีมือของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายกับฉีเชียวเซวี่ยแน่นอนเนื่องจากทั้งคู่ไม่มีพลังที่จะทำเช่นนี้ได้!
เหลือเพียงคนเดียว… หลิงฮัน!
เหลือเชื่อ รุ่นเยาว์ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?
ชาจิ่งไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหลิงฮันจึงนึกว่าเป็นเพราะหลิงฮันจงใจปกปิดพลังเอาไว้และมีพลังเพียงระดับดาราขั้นต้นเท่ากับตน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วตัวเองคิดผิด
ที่เขาไม่สามารถมองเห็นนั้นเป็นเพราะระดับพลังของหลิงฮันอยู่เหนือเขา!
เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลิงฮันจะสามารถสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ได้อย่างง่ายดาย การโจมตีของอีกฝ่ายนั้นเรียบง่ายจนแม้แต่เขาก็ไม่สังเกตุเห็น ในขณะที่กำลังต่อสู้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ เขาจะกล้าเสียสมาธิได้อย่างไร?
ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
การที่เขาเคยผ่านสงครามนองเลือดหรือสังหารคนมาแล้วนับล้านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อตนเองต้องมาอยู่ด้านหน้าความตาย เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกด้วยความหวาดกลัว
จะยังสังหารหลิงฮันเพื่อแก้แค้นอยู่ไหม?
ไม่มีทาง… เขาไม่ใช่จ้าวเจี้ยนไป๋เสียหน่อย ตัวเขามีบุตรอยู่มากมาย ชาหยวนเป็นเพียงหนึ่งในบุตรของเขาเท่านั้นแถมยังไม่ใช่บุตรที่โดดเด่นที่สุด หากชาหยวนตาย…ก็คงต้องปล่อยไป
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิงฮันมองไปยังสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
ร่างกายของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เต็มไปด้วยคราบเลือด ปากของนางกระอักโลหิตออกมา แต่ถึงอย่างไรพลังชีวิตของนางก็ไม่ได้รับความเสียหาย นางแสดงสีหน้าเศร้าโศกก่อนจะกล่าว “ข้าแพ้!”
หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าแพ้ที่ไหนกัน? เจ้าคงจำผิดแล้ว!” เขามองไปยังชาจิ่งและเอื้อมมืออีกข้างออกไป ทันใดนั้นเองมือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ก็ได้กดลงมาทับร่างของชาจิ่ง
นิ้วมือทั้งห้าของฉีเชียวเซวี่ยเคลื่อนไหวและกำลังจะมือ แต่เมื่อนางพบว่าหลิงฮันไม่ได้ปลดปล่อยจิตสังหารใดๆออกมา นางก็เลือกที่จะยั้งมือเอาไว้
ชาจิ่งจะสามารถต้านทานได้อย่างไร? เมื่อมือขนาดใหญ่ทับลงมา ร่างของเขาก็ถูกกดลงสู่พื้นดินทันที ชาจิ่งร้องโอดครวญอย่างความเจ็บปวดด้วยสีหน้าอัปลักษณ์
หลิงฮันดึงมือกลับมาและยิ้ม “ดูสิภรรยาข้า เขาบาดเจ็บยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก เพราะงั้นเจ้าเป็นฝ่ายชนะ”
นี่มัน…
ใต้ท้องฟ้ากลางวันแสกๆ เจ้ากล้าโกหกหน้าด้านๆเช่นนี้!
หลิงฮันยังไม่หยุดแค่นี้และเอ่ยถามชาจิ่งด้วยแววตาโหดเหี้ยม “พี่ชายชา ท่านเป็นฝ่ายแพ้สินะ?”
ชาจิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เขากัดหมัดแน่นอย่างไม่ยินยอมก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ข้าแพ้นาง”