มีเพียงกลิ่นอายแห่งทรราชย์เท่านั้นที่หลิงฮันไม่สามารถทัดเทียมจักรพรรดิพิรุณได้
เขาเป็นบุรุษที่เกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิที่อยู่เหนือทุกคน
หลังจากได้รับมรดกสืบทอดจากเขตแดนลี้ลับแล้ว พลังของจักรพรรดิพิรุณสมควรจัดอยู่ในอัจฉริยะระดับราชา
ภายตายออร่าอันกดขี่ของจักรพรรดิพิรุณ ทุกคนรอบข้างล้วนแต่มีสีหน้าหวาดหวั่นและหายใจไม่ทั่วท้อง
นี่คืออำนาจแห่งจักรพรรดิที่แท้จริง
“เพิ่งทะลวงผ่านขั้นสูงสุดกลับกล้าอวดดีถึงเพียงนี้!” จักรพรรดิโจ้วเทียนเผยใบหน้าเหยียดหยามและปล่อยการโจมตี
เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดิพิรุณจะจัดการยากเท่าหลิงฮัน!
หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์ ในขณะเดียวกันจักรพรรดิพิรุณก็ปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
จักรพรรดิพิรุณยังคงยึดมั่นอยู่กับวิถีหมัดของตนเอง แต่อำนาจวิถีหมัดของเขาในตอนนี้ถูกยกระดับสูงขึ้นมาจากเดิม หมัดที่เขาปล่อยออกไปราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้จักรพรรดิพิรุณจะได้รับมรดกสืบทอดจากตัวตนระดับวารีนิรันดร์แต่เขาก็ยังไม่ละทิ้งวิถีวรยุทธของตนเอง เขาเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากมรดกสืบทอดในการพัฒนาระดับพลังบ่มเพาะให้เร็วขึ้นเท่านั้น
หลิงฮันรู้สึกว่าหากจักรพรรดิพิรุณเลือกเดินตามรอยวิถีวรยุทธขงอเจ้าของมรดกสืบทอด ป่านนี้เขาคงบรรลุระดับวารีนิรันดร์ไปแล้ว
ปัง!
จักรพรรดิพิรุณปะทะกับจักรพรรดิโจ้วเทียนโดยไม่พึ่งพาอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เขากระหน่ำปล่อนหมัดใส่ศัตรูอย่างไม่สนใจว่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายจะทรงพลังหรือไม่
หลิงฮันจ้องมองไปยังจักรพรรดิปี้ลั่ว จักรพรรดิพิรุณนั้นไม่ได้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเหมือนเขาที่ตายแล้วยังเกิดใหม่ได้ หลิงฮันไม่มีทางยอมให้จักรพรรดิพิรุณถูกจักรพรรดิทั้งสองรุมโจมตีแน่นอน
ทั้งสี่คนปะทะกันอย่างดุเดือด
หลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณตกเป็นเสียเปรียบ ถึงแม้จักรพรรดิพิรุณในตอนนี้จะมีพลังต่อสู้หกดาว แต่จักรพรรดิโจ้วเทียนนั้นเป็นอัจฉริยะสี่ดาวและมีระดับพลังสูงกว่าถึงสามชั้นย่อย นอกจากนั้นเขายังมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งและใช้งานอำนาจแห่งจักภพได้อีก ดังนั้นต่อให้พลังต่อสู้ของจักรพรรดิโจ้วเทียนจะถูกหลิงฮันทำให้ลดไปสองดาวก็ยังแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิพิรุณอยู่ดี
สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่เลย เนื่องจากฝ่ายของสองจักรพรรดิมีปรมาจารย์ระดับดาราอยู่มากมาย แม้สวีเหลินจะต้านทานปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดเอาไว้ในแต่ก็ได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ร่างของสองพี่น้องถูกอาบไปด้วยโลหิต ถึงแม้การโจมตีส่วนใหญ่จะถูกหลิงฮันรับเอาไว้ แต่ตราบใดที่จักรพรรดิรุณถูกโจมตีแม้แต่ครั้งเดียวเขาก็จะบาดเจ็บสาหัส
หลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณกินเม็ดยาฟื้นฟูกันอย่างบ้าคลั่ง แต่เม็ดศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกินในจำนวนมากติดต่อกันก็ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลง
พวกเขายังมีใครที่จะมาช่วยเหลืออีกรึเปล่า?
หลิงฮันส่ายหัว ถ้าหากคนที่มาช่วยเหลือไม่ใช่ฉือหวงกับเป่ยหวงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งสองคนมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้พวกเขาไร้เทียมทานในหมู่จอมยุทธระดับดาราและสามารถโค่นล้มตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นได้ แต่สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้คือดาวเหอหนิง ทั้งสองคนจะมาที่นี่ได้อย่างไร?
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี?
“พี่สอง ท่านหลบไปก่อน!” หลิงฮันกล่าว ตัวเขานั้นยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ได้ไหว แต่จักรพรรดิพิรุณนั้นถึงแม้จะมีพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าเขาแต่พลังป้องกันกับความสามารถในการฟื้นฟูนั้นไม่สามารถเทียบกับเขาได้
ที่เขาบอกว่าหลบไปก่อนย่อมหมายถึงเข้าไปในหอคอยทมิฬ
“ไม่จำเป็น!” จักรพรรดิพิรุณปฏิเสธ เขารู้ว่าหลิงฮันต้องการช่วยเหลือจักรพรรดินี ซึ่งสตรีผู้นี้ในอนาคตจะเป็นน้องสะใภ้ของเขา เขาจึงจำเป็นต้องสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
ตอนนี้เขายังสู้ไหว!
“ฮึ่ม พวกเจ้าทั้งสองมีชะตาต้องตายที่นี่!” จักรพรรดิโจ้วเทียนแสยะยิ้ม
“ถูกต้อง พวกเจ้าสองพี่น้องจะต้องตายไปด้วยกัน!” จักรพรรดิปี้ลั่วโจมตีอย่างโหดเหี้ยม
‘ตูม’ ร่างของหลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณสั่นสะท่านและลอยกระเด็นร่วงลงพื้นอย่างรุนแรงทีละคน
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียน จักรพรรดิปี้ลั่วและเหล่าปรมาจารย์ต่างแสยะยิ้ม มีเพียงกลุ่มของพวกฉีเชียวเซวี่ยทีแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา จากที่เห็นหลิงฮันกับจักรพรรดิพิรุณคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้แล้ว
สุดท้ายจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะก็ต้องล่มสลายเพื่อเพราะคนทรยศคนหนึ่ง
หลิงฮันยังคงฝืนลุกขึ้นยืนและนำจักรพรรดิพิรุณเข้าไปในหอคอยทมิฬ หากเข้าตาจนถึงขั้นต้องใช้อำนาจของหอคอยทมิฬเขาก็ไม่สนใจ
แต่ทันใดนั้นเองร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงัก
‘ตุบ!’
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นอย่างบางเบา หากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่มีทางได้ยิน ด้วยสัมผัสสวรรค์อันเฉียบแหลมของหลิงฮันเสียงที่ว่าได้เข้ามาในหูเขาอย่างไม่อาจเล็ดลอด
เสียงนั่น… ดังมาจากในเนินเขา!
เสียงที่ว่าคือเสียงหัวใจ!
ก่อนหน้านี้ภายในเนินเขาไม่มีเสียงอะไรดังเลยแม้แต่เสียงเดียว แต่ตอนนี้การที่เขาได้ยินเสียงหัวใจนั้นหมายความว่าอะไร?
ในที่สุดจักรพรรดินีก็ออกจากสภาวะบ่มเพาะพลังแล้ว?
ตุบ!
เสียงค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับลำแสงบางอย่างได้พุ่งออกจากเนินเขาทะยานขึ้นท้องฟ้า
พอถึงตอนนี้ทุกคนก็รู้สึกตัวทันที
จักรพรรดินีออกมาแล้ว?
ทุกคนหยุดมือและจ้องไปยังประตูหิน
ปัง!
ประตูหินถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ‘พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ’ เศษหินลอยกระเด็นไปทั่วทิศทางด้วยพลังที่รุนแรงจนทุกคนต้องหลบหรือไม่ก็ป้องกัน บางหวาดหวาดกลัวจนถึงขนาดลอยหนีขึ้นบนอากาศ ร่างที่ปรากฏออกมายืนอยู่หน้าประตูหินคือสตรีที่งดงามหาใครเปรียบ
จักรพรรดินี!
‘หืม? ทำไมนางถึงออกมาคนเดียว แล้วราชินีทั้งเก้าล่ะ?’
มีเพียงหลิงฮันที่รู้สาเหตุ จักรพรรดินีเคยอธิบายว่าหากนางทะลวงผ่านระดับสำเร็จ ราชินีทั้งเก้าจะกลับมารวมเข้ากับนางเพื่อยกระดับพลังบ่มเพาะของนางให้สูงขึ้น
ระดับดาราขั้นสมบูรณ์!
หลิงฮันถอนหายใจโล่งอก แต่ถึงจักรพรรดินีจะทะลวงผ่านไม่สำเร็จก็ไม่ใช่ปัญหา หากเป็นเช่นนั้นทันทีที่เขาเห็นนางเขาจะนำนางเข้าไปหลบซ่อนตัวในหอคอยทมิฬทันที
“องค์จักรพรรดินี!” ฉีเชียวเซวี่ย ผู้อาวุโสซ้ายขวาและเหล่าแม่ทัพกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“จักรพรรดินีหล่วนซิง!” ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วทำตาขึงขัง จักรพรรดินีคือปรมาจารย์ที่มีพลังทัดเทียมพวกเขา
“ฮึ่ม ตอนนี้เจ้าไม่สามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพได้แล้ว แต่พวกข้าสามารถใช้อำนาจแห่งจักรภพเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นอีกสามส่วน เจ้าไม่มีโอกาสชนะพวกข้า!” จักรพรรดิปี้ลั่วกล่าว “ครองคู่กับข้าแล้วจะยกบัลลังก์ให้เจ้า หากพวกเราร่วมมือกันการจะได้ครอบครองดาวดวงนี้ก็อยู่เพียงแค่เอื้อม”
“ไร้สาระ!” จักรพรรดิโจ้วเทียนรีบเอ่ยแทรก “อะไรที่เขาให้เจ้า ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกัน แถมข้ายังดีกว่าด้วย!”
‘ครืนน!’
จักรพรรดินียังไม่ทันได้กล่าวอะไร เมฆสีดำก็ก่อขึ้นบนท้องฟ้า
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์?
‘เดี๋ยวก่อน จักรพรรดินีแห่งดาราบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดแล้ว หากนางต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อีกครั้งล่ะก็… ระดับวารีนิรันดร์!’