หลินอวีฉีเป็นสตรีงดงามที่ชื่นชอบการเย้ายวนผู้อื่นโดยเฉพาะชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่ไร้ประสบการณ์ การทำให้พวกเขาเหล่านั้นเขินอายเป็นสิ่งที่ทำให้นางมีความสุข
แต่ตอนนี้นางกลับต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว ต่อให้พลังบ่มเพาะของนางจะกลับมานางก็ยังหวาดกลัวอยู่ดีเนื่องจากนางมีความรู้สึกว่าสตรีตรงหน้าไม่ได้พูดเล่น
หลิงฮันหัวเราะในใจก่อนจะกล่าว “หานซินเหยียนหลอมเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งสำเร็จรึยัง?”
“สำเร็จแล้ว” หลินอวีฉีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง นางเคยแต่หยอกล้อผู้อื่น แต่ตอนนี้กลับต้องกลายมาเป็นเหยื่อที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย นางจึงรู้สึกหดหู่มาก
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้จากไปอย่างสบายใจ จริงสิ ว่าแต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไปสำนักละอองดารา?”
“ทำไมเจ้าไม่ลองเข้ามาถามพี่สาวคนนี้ใกล้ๆล่ะ?” หลินอวีฉีเผลอตัวกล่าวยั่วยวนออกไปเหมือนปกติ แต่หลังจากที่หันไปเห็นจักรพรรดินี ท่าทีของนางก็กลับไปเป็นหวาดกลัวและรีบกล่าว “ในอดีต มีศิษย์ของเซียนซิงฉาเพียงคนเดียวที่เปิดรับลูกศิษย์ แต่ครั้งนี้ศิษย์ของเซียนซิงฉาทั้งเก้านั้นจะเปิดรับศิษย์กันทุกคน ด้วยเหตุนี้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้ใดบ้างจะไม่อยากลองทดสอบเข้าร่วมสำนักละอองดารา?”
“โอ้?” หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย หากเป็นเช่นนั้นจำนวนของผู้ผ่านการทดสอบเข้าร่วมสำนักก็คงเพิ่มขึ้น
“ก่อนหน้านี้สิทธิในการเข้าร่วมสำนักมีเพียงหนึ่งร้อยสิทธิเท่านั้น!” หลินอวีฉียกนิ้วขึ้นมาเก้านิ้ว “แต่ครั้งนี้สิทธิในการเข้าร่วมจะเพิ่มขึ้นเป็นเก้าร้อยสิทธิ แถมในหมู่เก้าร้อยคนที่ได้เข้าร่วมสำนักจะมีหนึ่งคนที่เซียนซิงฉาจะเป็นคนชี้แนะด้วยตัวเองและในอนาคตย่อมสามารถกลายเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน”
“ใครบ้างจะต้านทานความยั่วยวนขนาดนั้นได้ไหว?”
อย่างที่หลินอวีฉีว่า ต่อให้เป็นเป่ยหวงกับฉือหวงก็ไม่กล้าตบหน้าอกอย่างมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถกลายเป็นเซียนได้ ขั้นตอนการเป็นเซียนเป็นเส้นทางที่ยากลำบากเกินไป แต่หากได้เป็นศิษย์โดยตรงของเซียนซิงฉา รับประกันได้ว่าคนคนนั้นในอนาคตจะกลายเป็นเซียนได้แน่นอน
นั่นเพราะเซียนซิงฉาคือเซียนระดับสูง!
หากจะพูดตรงๆ ต่อให้คนที่เข้าร่วมสำนักละอองดาราได้จะมีถึงเก้าร้อยคน แต่คนที่สามารถกลายเป็นเซียนนั้นมีเพียงคนเดียวโดยคนอื่นๆจะกลายเป็นหินรองเท้าของคนผู้นั้น
มีเพียงคนเดียวที่จะได้กลายเป็นเซียน?
หลิงฮันไม่เชื่อคำพูดนี้ ไม่เพียงแค่เขาคนเดียวที่จะกลายเป็นเซียน แต่สหายรอบๆตัวเขาก็ต้องกลายเป็นเซียนได้สำเร็จ!
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลิงฮันกล่าวลา
“น้องชายรูปหล่… เอ่อ ไว้เจอกันใหม่ที่สำนักละอองดารา” หลินอวีฉีต้องการหยอกล้อหลิงฮัน แต่เมื่อเห็นจักรพรรดินีที่อยู่ด้านข้างนางก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังทันที
หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “เจ้าก็จะไปที่นั่นด้วย?” ต่อให้จำนวนสิทธิเข้าร่วมสำนักจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ใช่ว่านางจะสามารถเข้าร่วมได้
“ฮึ่ม ข้าคือคนของตระกูลพ่อค้า ข้าจะไปยังเขตดวงดาวสี่ทิศเพื่อขยายสาขาของตำหนักเป่าหลิน” หลินอวีฉีกล่าว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น
“หลิงฮัน เจ้าอย่างได้ประมาท มีข่าวลือว่าอายุขัยของเซียนซิงฉาเหลือไม่มากแล้ว การเข้าร่วมสำนักครั้งนี้เซียนซิงฉาจึงตั้งใจคัดเลือกหาผู้สืบทอดที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนั้นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงสิทธิย่อมดุเดือดกว่าครั้งที่ผ่านๆมา เจ้าอาจจะไม่สามารถแย่งชิงสิทธิเก้าร้อยสิทธิได้เลยด้วยซ้ำ” หลินอวีฉีเตือน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อืม”
หลินอวีฉีไม่กล่าวอะไรต่อ เพราะอย่างไรนางก็ต้องไปสำนักละอองดาราเหมือนกัน ทั้งสองมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นตอนนี้นางก็หวาดกลัวจักรพรรดินีจนไม่กล้าพูดอะไรออกไปด้วย
“สามีข้า เจ้าจะไม่พานางไปด้วยรึ?” จักรพรรดินีกล่าว “ตอนกลางคืนจะได้มีคนมานอนจับเจ้าเพิ่มไง”
‘ตุบ’ หลินอวีฉีหวาดกลัวจนล้มลงที่เก้าอี้
จักรพรรดินียิ้ม คิดว่านางพูดล้อเล่นไม่เป็นรึไง?
“ฮ่าๆๆ!” หลิงฮันตับข้อมือของจักรพรรดินีและเดินจากไป
“ภรรยาข้า วันนี้เจ้ามาหลับนอนกับข้าได้รึไม่?” หลิงฮันกระซิบข้างหูจักรพรรดินี ถึงแม้จักรพรรนีจะเรียกเขาว่าสามีแต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่เคยร่วมหลับนอนอย่างใกล้ชิดกันสักครั้ง
จักรพรรดินีชำเลืองมองเขาและกล่าว “ทักษะศักดิ์สิทธิ์เผ่าเก้าอสรพิษของข้ายังไม่สมบูรณ์ ร่างกายของข้าจึงต้องคงสภาพเอาไว้โดยไม่บอบช้ำ แต่ถ้าเจ้าอยากจริงๆล่ะก็…” นางจักรพรรดิกล่าวด้วยท่าทางอ่อนโยนราวกับสายน้ำ
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้านและกำข้อมือของนางแน่นกว่าเดิม ถึงแม้จักรพรรดินีจะยิ่งทะนงอยู่ตลอดเวลา แต่ในเวลาแบบนี้นางกลับอ่อนหวานยิ่งกว่าใครๆ
ยิ่งนางเป็นแบบนั้นมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งหลงรักนางมากขึ้น หลิงฮันจูบไปที่ริมฝีปากของจักรพรดินีและกล่าว “รอก่อนดีกว่า ข้าไม่อยากเร่งรัดเจ้าเกินไป”
จักรพรรดินีพยักหน้าพร้อมกับกล่าว “อืม”
แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูเรียบง่าย แต่ใครว่าความรู้สึกที่พวกเขามีให้กันจะไม่แน่นแฟ้น? จักรพรรดินีกล้าถึงขนาดล่วงเกินปรมาจารย์สามวิถีเพื่อเขา แถมเขาก็ยังไม่ลังเลที่จะเป็นศัตรูกับสองจักรพรรดิเพื่อนาง
ความรักไม่จำเป็นว่าพวกเขาต้องตัวติดกันทั้งวัน
“เมื่อใดที่ทักษะของเจ้าจะสมบูรณ์?” หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
จักพรรดินีหัวเราะ นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “อย่างน้อยต้องบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง!”
หลิงฮันถอนหายใจ ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมนางเคยบอกกับเขาว่านางต้องบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งเสียก่อนถึงจะแต่งงานด้วย ที่แท้ไม่ใช่ว่านางมีเป้าหมายที่สูงส่งแต่นางจำเป็นต้องบรรลุระดับนั้น
ระดับสร้างสรรพสิ่ง… จะบรรลุก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร้อยปี!
หลิงฮันหดหู่ขึ้นมาทันที เขารักจักรพรรดินีก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่เขาอยากหลับนอนกับนางก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีบุรุษคนไหนบ้างที่ไม่อยากร่วมรักกับคนรักไปตลอดชีวิต?
“ที่จริงข้าเองก็อยากเหมือนกัน” จักรพรรดินีกล่าวด้วยเสียงเบาบางข้างหูเขา
ฮึ่ม!
สติของหลิงฮันแทบจะเตลิด ใครจะไปคาดคิดว่าจักรพรรดินีจะพูดเช่นนี้ออกมา? เขาอยากจะจับสตรีงดงามล่มเมืองผู้นี้เสียแต่ตอนนี้เลย แต่เนื่องจากไม่อาจทำได้เขาจึงต้องฝืนระงับอารมณ์พลุกพล่านของตัวเองเอาไว้
“คืนนี้ให้สตรีนกอมตะสวรรค์ปลดปล่อยอารมณ์ให้เจ้า!” จู่ๆจักรพรรดินีก็เอ่ย
คำนึงถึงสามีขนาดนี้ ช่างเป็นสตรีในอุดมคติ!
หลิงฮันรู้สึกชื่นใจ ในขณะที่เขายังไม่สามารถร่วมรักจักรพรรดินีได้ เขาย่อมไม่ปล่อยให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์อยู่อย่างโดดเดี่ยว!