จอมยุทธที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นราชาแห่งยุค สายตาของพวกเขาย่อมเฉียบคม
ในขณะที่หมัดของหลิงฮันปะทะเข้าที่ใบหน้าของหลิวจวินเทียน ราชาทุกคนมองเห็นภาพนั้นราวกับเวลาเดินช้าลง
ความจริงแล้วไม่ใช่เวลาที่เดินช้าลงแต่เป็นเพราะสมองของพวกเขาทำงานอย่างรวดเร็วทำให้โลกทั้งใบราวกับเคลื่อนที่ช้าลง
ในตอนที่หมัดของหลิงฮันเข้าปะทะเป้าหมาย เปลวเพลิงทมิฬได้จู่โจมเผาผลาญมือของหลิงฮันเข้าเต็มๆ แต่กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน? แถมเหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเคยอาบเปลวเพลิงนิรันดร์มาก่อนแล้ว เปลวเพลิวทมิฬตรงหน้าจึงทำให้เขารู้สึกคันๆเท่านั้น
ปัง!
หมัดเข้าปะทะกับใบหน้าของหลิวจวินเทียนอย่างจัง แก้มของหลิวจวินเทียนสั่นสะเทือนราวกับคลื่นน้ำพร้อมกับร่างลอยกระเด็น
ภาพที่ทุกคนเห็นกลับมาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิมอีกครั้ง ‘ตุบ’ ร่างของหลิวจวินเทียนตกกระแทกลงกับพื้น
เหล่าผู้ที่มองดูล้วนตกตะลึง
ยังเร็วเกินไปก็จริงที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ที่รู้ๆคือหลิวจวินเทียนบาดเจ็บแน่นอน
รับหมัดของหลิงฮันเข้าไปตรงๆแบบนั้น หากศัตรูเป็นจอมยุทธระดับเดียวกัน ด้วยพลังจากกายหยาบของเขาที่ถูกหล่อหลอมด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์อันเป็นทักษะระดับแนวหน้าของดินแดนแห่งเซียนแล้ว ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะมีทักษะใดสามารถป้องกันได้?
หลิวจวินเทียนลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้ามืดมน
เขาทำใจยอมรับไม่ได้… เพลิงของเขาไม่สามารถแม้แต่ทำให้ผิวหนังของหลิงฮันได้รับบาดแผล!
เป็นไปได้อย่างไร? เพลิงของเขาสมควรเผาทำลายได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดแท้ๆ!
หลิวจวินเทียนสูดหายใจลึก ดูเหมือนเขาจะดูถูกหลิงฮันเกินไป
อีกฝ่ายเป็นราชาระดับสองไม่ผิดแน่!
หลิวจวินเทียนกล่าว “ไม่น่าสงสัยทำไมเจ้าถึงอวดดีขนาดนั้น ที่แท้เจ้าเองก็เป็นราชาระดับสอง!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าผู้ชมก็แสดงทีหน้าตกตะลึง
ราชาระดับสอง!
เขตดวงดาวเล็กที่ไม่มีแม้กระทั่งตัวตนระดับวารีนิรันดร์กลับสามารถให้กำเนิดราชาระดับสอง… เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะยอมรับความจริงเรื่องนี้? แต่หากหลิงฮันไม่ใช่ราชาระดับสอง หลิวจวินเทียนจะถูกโจมตีได้อย่างไร?
“ไม่ใช่เรื่องแปลก” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ภรรยาของเขานั้นเป็นถึงราชาระดับสาม!
ใบหน้าของหลิวจวินเทียนบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม ราชาระดับสองยังไม่ใช่เรื่องน่าโอ้อวด? ต้องรู้ก่อนว่าตัวตนระดับเซียนแทบทั้งหมดนั้นคือราชาระดับสอง กล่าวคือหากเป็นการต่อสู้ในระดับพลังเดียวกัน ต่อให้เขาต้องสู้กับเซียนเขาก็ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หลิงฮันกล่าวออกมาว่าราชาระดับสองไม่ใช่เรื่องแปลก งั้นต้องเป็นราชาระดับไหนเขาถึงจะคิดว่ายอดเยี่ยม?
“เช่นนั้นมาดูกันว่าใครกันจะเป็นราชาในหมู่ราชา!” เปลวเพลิงของหลิวจวินเทียนลุกโชน เปลวเพลิงแต่ละสายปรากฏรูปแบบอาคมสีดำซึ่งค่อยๆควบแน่นกลายเป็นโซ่ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้
‘ครืนน’ เสียงฝ่าผ่าดังออกมาจากจากร่างกายของเขาราวกับว่าเสียงนั่นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการกำเนิดจักรวาล
ราชาทุกคนที่นี่แสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมหลิวจวินเทียนถึงได้รับคำชื่นชมจากเซียน พลังของเขาเหนือราชาทั่วไปจริงๆ
หลิงฮันไม่ทำเป็นเช่นอีกต่อไป แววตาของเขาปรากฏเพลิงสู้รบ ภายในดวงตาของเขามีภาพการระเบิดของดวงตะวัน ดวงจันทร์และดวงดาราราวกับจักรวาลกำลังถูกทำลายและก่อกำเนิดขึ้นใหม่
น่าเสียดายที่ไม่มีใครเห็นภาพในดวงตาของหลิงฮัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงตกตะลึงจนอ้าปากค้าง การทำลายและการก่อเกิดคือวิถีวรยุทธที่แข็งแกร่งที่สุด!
“ข้าจะบดขยี้เจ้าในหนึ่งการโจมตี!” หลิวจวินเทียนคำราม ร่างของเขาตลบอบอวลไปด้วยอร่าแห่งทรราช
ราชาเช่นพวกเขา การต่อสู้สามารถลากยาวไปถึงสิบปีหรือร้อยปี แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่จะตัดสินผู้ชนะได้ภายในไม่กี่กระบวนท่าหากทั้งสองฝ่ายใช้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดออกมา
ร่างของหลิวจวินเทียนถูกโอบล้อมไว้ด้วยโซ่ที่ควบแน่นจากรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ สภาพของเขาในตอนนี้ราวกับกลายเป็นเทพมาร แม้ภาพลักษณ์ของเขาจะดูแปลกประหลาดแต่เรื่องพลังนั้นไม่มีข้อกังขา
ครืนน!
โซ่ที่โอบล้อมรอบตัวหลิวจวินเทียนลอยออกมา ในขณะเดียวกันเขาได้ชี้นำอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แปรเปลี่ยนร่างของตนเองเป็นมนุษย์ทองคำหกแขนและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของหลิวจวินเทียน
หลิงฮันไม่ออมมืออีกต่อไป
‘พรึบ’ อำนาจแห่งสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา ร่างของหลิงฮันพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับกำหมัดโคจรกาลเวลาแปรผันพันปี ไม่ว่าจะเป็นโซ่รูปแบบอาคมหรือร่างของคำของหลิวจวินเทียนได้ถูกทำให้สลายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึง การโจมตีทรงพลังขนาดนั้นไม่นับเป็นอันใดได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮัน?
คนที่ตกตะลึงยิ่งกว่าใครๆคือหลิวจวินเทียน เขาไขว้แขนทั้งสองข้างมาไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันตัว แต่น่าเสียดายที่หลังจากใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกไปแล้วเขาย่อมตกอยู่ในสภาพที่เปิดช่องว่างมากที่สุด ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็ยังใช้งานอำนาจสวรรค์แล้วด้วย นอกจากพลังต่อสู้จะลดลงไปสองดาวแล้ว พลังป้องกันยิ่งหดหายไปมากกว่า
หลิงฮันชกหมัดเข้าใส่ใบหน้าของหลิวจวินเทียนอีกครั้ง
ตูม!
เมื่อหมัดถูกปล่อยออกไป โล่พลังปราณของหลิวจวินเทียนก็แสลกสลายอย่างไม่เหลือชิ้นดีพร้อมกับร่างของเขาได้ถูกส่งลอยกระเด็นออกไป แต่ในตอนนั้นเองจู่ๆร่างของหลิวจวินเทียนก็ส่องแสงสลัวออกมา แสงสลัวที่ว่านี้ได้ปลดปล่อยแรงกดดันที่ทรงอำนาจจนเหล่าราชาที่อยู่ที่นี่ขาอ่อนเกือบทรุดลงพื้น
นี่คืออำนาจแห่งความเหนือชั้น อย่างที่จอมยุทธระดับระดับวารีนิรันดร์สามารถกดดันจอมยุทธระดับดารา หรืออย่างที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งสามารถกดดันจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์
ร่างของหลิวจวินเทียนร่วงลงพื้น แม้เขาจะยังไม่ตายแต่บริเวณแก้มได้ปรากฏรอบปูดบวมสีแดง
เหล่าราชาทุกคนตกตะลึง ครั้งนี้ไม่ใช่ความตกตะลึงเพราะพลังของหลิงฮันแต่เป็นแสงสลัวที่ทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้าน
“นี่คือแรงกดดันของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งไม่ผิดแน่!” ใครบางคนกล่าว
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนรู้ว่านี่คือแรงกดดันของเซียนเนื่องจากเหล่าราชาที่นี่ได้เดินทางมาจากเขตดวงดาวหลากหลายขนาด บางคนเป็นถึงลูกศิษย์ของเซียนดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าแรงกดดันนี้คือแรงกดดันของเซียน
“ข้าเข้าใจแล้ว นั่นคือแสงเจตจำนงของเซียนเหรินเติง!”
“ใช่แล้ว เซียนเหรินเติงคาดหวังกับหลิวจวินเทียนเอาไว้มาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทิ้งเจตจำนงเอาไว้ในร่างกายของหลิวจวินเทียน”
“นี่หมายความว่าเซียนต้องการให้เขามีชีวิตรอด” ทุกคนกระซิบกระซาบ
หลิงฮันสามารถพุ่งเข้าไปปล่อยหมัดอีกหมัดได้ หรือเขาสามารถนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาปลิดชีพหลิวจวินเทียน แต่เซียนเหรินเติงได้เจตจำนงออกมาแล้ว หากเขายังลงมือต่อย่อมหมายถึงเขาไม่ไว้หน้าเซียนเหรินเติง
ตัวของหลิงฮันในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
ครั้งนี้เขาจะยอมไว้ชีวิตหลิวจวินเทียนเพราะเห็นแก่หน้าเซียน