สตรีนกอมตะถูกส่งร่างจากใต้ต้นสังสารวัฏมายังตำแหน่งที่หลิงฮันอยู่ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าเพิ่งให้เม็ดยากับข้าเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุใดถึงได้กลับมาไวเช่นนี้? ข้ายังกินเม็ดยาชุดก่อนไม่หมดเลย”
“ข้าจะคิดถึงเจ้าบ้างไม่ได้รึ?” หลิงฮันยิ้ม
สตรีนกอมตะจ้องมองมาที่เขาและกล่าว “ในหัวเจ้าคงคิดถึงแต่เรื่องไม่ดีน่ะสิ”
หลิงฮันหัวเราะก่อนจะกล่าว “เหตุใดถึงพูดจาทำร้ายกันเช่นนี้? ระหว่างพวกเราไม่มีความเชื่อใจต่อกันเลยรีไง?”
สตรีนกอมตะหัวเราะแห้ง “ถ้ามือของเจ้าไม่ได้สัมผัสร่างของข้าอยู่ ข้าก็คงเชื่อใจเจ้าอยู่หรอก”
หลิงฮันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ากำลังตรวจสอบว่าเจ้าอ้วนขึ้นหรือผอมลงอยู่ต่างหาก”
“แล้วอ้วนขึ้นหรือผอมลงล่ะ?” สตรีนกอมตะถลึงตา
“กำลังพอดี” หลิงฮันยิ้ม
“เลิกป่วนได้แล้ว ข้าต้องบ่มเพาะพลัง!” สตรีนกอมตะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
“ภรรยาข้า เจ้าช่างหน้าไม่อายยิ่งนักที่แสร้งว่าตนเองเป็นสะใภ้ตระกูลหลิงมาเป็นเวลากว่าหมื่นปี เพราะงั้นแล้ววันนี้ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นสะใภ้ตระกูลหลิงอย่างที่เจ้าต้องการ” หลิงฮันเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเอง
“เจ้าอันธพาล ไปให้พ้น!” สตรีนกอมตะพยายามขัดขืน
หลิงฮันแสยะยิ้ม “ภรรยาข้า ในอดีตเจ้ามาหาข้าและบังคับแย่งชิงเม็ดยาทุกอย่างไปจากข้า เจ้ายังจำได้รึเปล่า? นี่เวลาก็ผ่านมาหมื่นปีแล้ว พวกเราคงต้องคิดบัญชีกันเสียหน่อย!”
“หลิงฮัน! นายน้อยฮัน! พี่ชายฮัน!” สตรีนกอมตะโอดครวญด้วยหน้าแดงก่ำ “โปรดปล่อยข้าไปสักครั้ง!”
“ไหนลองเรียกพี่ชายฮันให้ข้าฟังอีกสิ” หลิงฮันยังไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆ
“พี่ชายฮัน! พี่ชายฮันที่แสนดี!” สตรีนกอมตะทำได้เพียงยอมกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเขินอาย แต่ถ้านางไม่ทำตามก็ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้จะทำอะไรกับนางบ้าง
“อืม ถือว่าพอใช้ได้” หลิงฮันยิ้ม
สตรีนกอมตะถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดหลิงฮันก็ยอมปล่อยนางไปแล้ว?
ไม่มีทาง
นางไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น!
“ต่อไปก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องเอาใจหลิงฮันน้อยแล้ว”
สตรีนกอมตะชะงักก่อนจะนึกถึงกายหยาบที่แข็งแกร่งของหลิงฮัน ด้วยกำลังอันมหาศาลของบุรุษผู้นี้แล้ว เขาจะทำให้นางเจ็บมากเพียงใด?
หลิงฮันไม่สนใจ เขาจับนางจูบอย่างดูดดื่มทันทีทำให้สตรีนกอมตะต้องนำแขนเอื้อมไปกอดคอหลิงฮัน ร่างกายของทั้งสองพัวพันกันจนสตรีนกอมตะสูญเสียการทรงตัวและถูกหลิงฮันจับกดลงเตียง
เวลาผ่านไปสักพักในที่สุดเสียงดังของเตียงก็กลับมาสงบสุข
……
สิบปีผ่านไปในพริบตา
ด้วยเม็ดยาจำนวนมหาศาล ทั้งหลิงฮันกับสตรีนกอมตะจึงทะลวงผ่านขั้นพลังกันทั้งคู่ คนหนึ่งบรรลุระดับดาราขั้นสูงสในขณะที่อีกคนบรรลุระดับดาราขั้นกลาง
ติงผิงกับจิ่วเยาเองก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว พวกเขาทะลวงผ่านระดับดาราได้สำเร็จทำให้ตอนนี้ทั้งสองกล่าวได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงเสียที
ในขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของกู่ต้าวอี้ค่อยๆโด่งดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุด ตอนนี้เขาคือราชารุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งยุคสมัย แม้จะยังไม่ทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์เขาก็ไร้เทียมทานที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับดารา
ผ่านไปอีกไม่กี่เดือน เป่ยหวงกับฉือหวงก็ใสถึงดาวมู่ถูและมาพบหลิงฮัน เพราะอย่างไรหลิงฮันในตอนนี้ก็พอมีชื่อเสียงอยู่แล้ว การจะหาตัวเขาจึงไม่ยากเท่าไหร่
“น้องชายหลิง!” ทั้งสองแม้จะไม่ใช่จอมยุทธจากเขตดวงดาวเดียวกันแต่พวกเขาสนิทสนมกันอย่างมากจนเริ่มรู้สึกสงสัยว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นมีความลับอะไรกันอยู่รึเปล่า
“พี่ชายเป่ย พี่ชายฉือ!” หลิงฮันเอ่ยทักทายพวกเขา
“อะไรกัน… น้องชายหลิงฮันช่างน่าทึ่งนัก เวลายังผ่านไปไม่เกินหนึ่งร้อยปีเลยแท้ๆ แต่เจ้ากลับบรรลุระดับดาราขั้นสูงได้แล้ว เหลือเชื่อจริงๆ!” ฉือหวงอุทานออกมา จริงอยู่ที่เขามองหลิงฮันเอาไว้สูงมาก แต่ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ดี
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้ายังอ่อนด้อยกว่าพวกท่านทั้งสองอยู่ดี” เขาไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของเป่ยหวงและฉือหวง นั่นหมายถึงทั้งสองคงบรรลุระดับดาราขั้นสูงสุดแล้ว บางทีอาจจะเป็นขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดด้วยซ้ำ
“นี่เจ้ากำลังถ่อมตัวหรือโอ้อวดกันแน่?” เป่ยหวงส่ายหัวและยิ้ม “เพียงแต่ว่ในยุคสมัยนี้มีราชาที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้นมากมาย คนเหล่านั้นไม่สามารถดูถูกได้เลย”
ฉือหวงพยักหน้าและกล่าวต่อ “ศาสตร์วรยุทธกำลังเข้าสู่ยุครุ่งโรจน์ จอมยุทธที่สามารถปีนป่ายขึ้นสู่จุดสูงสุดของเซียนในยุคสมัยนี้ได้จะก่อให้เกิดประวัติศาสตร์ครั้งใหม่และมีโอกาศกลายเป็นราชาเซียน”